1.
วันที่ 17 ตุลาคม ค.ศ.2002 ขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังปวดหัวและวุ่นวายกับการตรวจสอบหลักฐานเพื่อไล่ล่าคดีสะเทือนขวัญเมื่อมีพลแม่นปืนยิงคนตายไปจำนวนหลายศพและมีคนบาดเจ็บจำนวนมาก เจ้าหน้าที่สำรวจเบาะแสทุกอย่าง แต่ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ สิ่งที่น่ากลัวสุดคือไม่กี่วันที่ผ่านมา ตำรวจพบไพ่ทาโรต์หมายเลข 13 ซึ่งเป็นไพ่ยมทูตแห่งความตายถูกทิ้งไว้บริเวณรอบจุดเกิดเหตุ พร้อมจดหมายเขียนโม้หลายหน้า บอกให้ทางการเรียกผู้ก่อเหตุว่า ‘พระเจ้า’ และห้ามบอกสื่อเด็ดขาด
จดหมายมีด้วยกัน 4 หน้า ข่มขู่ว่าอาจจะเรียกเงิน 10 ล้านเหรียญดอลลาร์จากเจ้าหน้าที่เพียงเพื่อจะให้พระเจ้าองค์นี้หยุดฆ่า
การฆ่าครั้งนี้เริ่มเมื่อวันที่ 2 ตุลาคม โดยในวันที่ 3 ตุลาคมมีผู้ถูกยิงจากการซุ่มยิงระยะไกลถึง 5 รายด้วยกัน เสียชีวิตไป 4 ศพ ทางการตั้งทีมปฏิบัติการพิเศษขึ้นมาทันที ระหว่างกำลังงมหาหลักฐาน สายด่วนที่ตั้งมาเพื่อรับเรื่องร้องเรียนล่าตัวฆาตกรรายนี้ก็ได้รับข้อความของชายที่อ้างตัวว่าเป็นผู้ก่อเหตุ โดยชายคนนี้โทร.มาโม้ว่าเคยก่อเหตุยิงคนตายที่เมืองมอนต์โกเมอรี่ รัฐแอละบามาเมื่อเดือนก่อน
สายด่วนแบบนี้มักจะเจอกับคนที่โทร.มากุเรื่อง หลอกปั่นประสาทเจ้าหน้าที่ แต่พลันที่มีบาทหลวงรูปหนึ่งแจ้งว่าได้รับโทรศัพท์คุยกับชายที่อ้างตัวว่าเป็นพลซุ่มยิงได้พูดถึงคดียิงคนตายที่เมืองมอนต์โกเมอรี่ รัฐแอละบามาเมื่อหลายอาทิตย์ก่อน
ความบังเอิญของข้อมูลนี้ทำให้เจ้าหน้าที่สนใจทันที
เมื่อตรวจสอบก็พบคดียิงคนตายที่ร้านเหล้าเมื่อวันที่ 21 กันยายน ค.ศ.2002 คนร้ายเป็นคนดำยิงผู้หญิงตายไป 1 ศพ บาดเจ็บอีก 1 ราย ระหว่างที่เสียงปืนดังนั้น ทางสายตรวจรับแจ้งและรุดไปที่เกิดเหตุ ทำให้คนร้ายวิ่งหนี แม้สายตรวจจะวิ่งตามจนเกือบจะคว้าผู้ก่อเหตุได้ แต่ก็ไม่ทัน เขาวิ่งขึ้นรถหนีไปก่อน
อย่างไรก็ดีคนร้ายได้ทิ้งแมกกาซีนปืนตกในจุดเกิดเหตุ จะด้วยเหตุผลใดไม่ทราบ เจ้าหน้าที่กลับเก็บไว้ไม่ได้ตรวจหาลายนิ้วมือ เมื่อเกิดคดีพลซุ่มยิงขึ้น ทางเอฟบีไอจึงนำแมกกาซีนกระบอกนี้ไปตรวจหาลายนิ้วมือทันที
ไม่นานเกินรอพวกเขาก็ค้นพบเจ้าของลายนิ้วมือนี้จากฐานข้อมูลที่เชื่อมโยงกับประวัติเด็กหนุ่มที่ถูกจับฐานเข้าเมืองแบบผิดกฎหมาย ชื่อ ลี บอยด์ มัลโว (Lee Boyd Malvo) อายุ 17 ปี เจ้าหน้าที่พบว่าหนุ่มคนนี้อพยพมาจากเกาะในแคริบเบียนเมื่อปีก่อน ตอนนี้อาศัยอยู่กับจอห์น อัลเลน มูฮัมหมัด (John Allen Muhammad) อดีตทหารผ่านศึกที่ผ่านสงครามอ่าวเปอร์เซียครั้งแรก มีประวัติการรบยอดเยี่ยม แม่นปืนและถูกปลดออกจากกองทัพอย่างมีเกียรติในยศจ่า
นี่คือเบาะแสสำคัญที่เป็นจุดเริ่มต้นไขคดีพลแม่นปืนยิงคนตาย
หรือที่สื่อตั้งสมญานามให้ว่า ดีซี สไนเปอร์ (DC Sniper)
2.
เมื่อเจ้าหน้าที่มีข้อมูลผู้ต้องสงสัยในคดีนี้ 2 คนแล้ว การสืบสวนก็ดำเนินการต่อ พวกเขาพบว่าตัวจอห์น อัลเลน มูฮัมหมัดทำผิดกฎหมายมีปืนไรเฟิลไว้ในครอบครอง ซึ่งเป็นเรื่องต้องห้ามเพราะเขาถูกศาลสั่งห้ามเข้าใกล้ภรรยาและตามกฎหมายรัฐบาลกลาง เมื่อเขาถูกศาลสั่งแบบนี้ จะมีอาวุธปืนไรเฟิลไม่ได้เด็ดขาด นั่นทำเอฟบีไอมีหลักฐานขออำนาจศาลออกหมายจับในความผิดนี้ได้ทันทีและสามารถคุมตัวมาสอบปากคำว่าเกี่ยวข้องกับคดีดีซี สไนเปอร์หรือไม่ต่อไป
ยิ่งเจ้าหน้าที่ตรวจสอบประวัติจอห์นโดยละเอียด พวกเขาก็สันนิษฐานว่าจอห์นอาจเป็นฆาตกรตัวเอ้ที่ตามหาตัวอยู่ อดีตทหาร เชี่ยวชาญอาวุธปืน มีประวัติคุกคามหญิงสาว หย่ากับภรรยาคนที่ 2 และลักพาตัวลูก 3 คนไปอยู่ที่ประเทศจาไมกาเกือบ 18 เดือน จนทางการไปพบและส่งตัวเด็กกลับคืนสู่อ้อมอกแม่ เขามีประวัติชอบใช้ความรุนแรง เจ้าหน้าที่สืบค้นข้อมูลพบว่าจอห์นซื้อรถเก๋งสีน้ำเงิน ทะเบียนชัดเจน นั่นทำให้เจ้าหน้าที่ส่งข้อมูลให้กับสื่อมวลชนกระจายข้อมูลไปทั้งประเทศเพื่อไล่ล่าผู้ต้องสงสัยรายนี้ทันที
ล่วงเข้าสู่วันที่ 24 ตุลาคม ค.ศ.2002 คนขับรถบรรทุกขับรถมาจอดที่ลานจอดแห่งหนึ่งตอนเกือบตี 1จังหวะนั้นเขาเห็นรถเก๋งสีน้ำเงินจอดอยู่ ทุกอย่างตรงกับที่ข่าวแจ้ง เขาลงจากรถไปดูป้ายทะเบียนก็ตรงกับที่ทางการระบุ ชายหนุ่มมองไปในรถเจอคนดำ 2 คนหลับอยู่ จึงนำรถไปจอดขวางกันไม่ให้รถเก๋งคันนี้ออกไปจากลานจอดได้ แล้วรีบโทรศัพท์แจ้งตำรวจทางเบอร์สายด่วน 911 ทันที
เมื่อได้รับแจ้งเจ้าหน้าที่ส่งชุดปฏิบัติการเคลื่อนที่เร็วอาวุธครบมือไปทันที ประชาชนถูกสั่งให้ออกจากรอบจุดเกิดเหตุ ชุดจับกุมเคลื่อนเข้าไป ขณะที่ชายผิวดำ 2 คนในรถยังหลับไหลอยู่ ตำรวจกั้นถนนเป็นทางยาว รถบรรทุกจำนวนมากถูกสั่งให้จอดรอ
ระเบิดแสงถูกโยนเข้าไปสร้างความตื่นตกใจ ขณะชายผิวดำ 2 คนมึนงง เจ้าหน้ากรูกันเข้าจับกุมจับทั้งคู่กดพื้นใส่กุญแจมือ กินเวลาไม่กี่วินาที ปฏิบัติการก็จบสิ้นอย่างเปี่ยมประสิทธิภาพ
เมื่อตรวจค้นรถก็พบปืนไรเฟิลหลายกระบอกซึ่งตรงกับที่ฆาตกรดีซี สไนเปอร์ใช้ยิงคน ที่สำคัญคือรถเก๋งสีน้ำเงินคันนี้มีการดัดแปลงให้มีรูที่ช่องกระโปรงหลัง 2 รู เอื้อให้พลซุ่มยิงส่องกระบอกปืนและให้อีกคนช่วยเล็งเป้าให้ โดยไม่ต้องลงจากรถ
ทางการมั่นใจมากขึ้นว่าพวกเขาจับกุมตัวผู้ต้องหาฆาตกรดีซี สไนเปอร์ได้เรียบร้อยแล้ว หลังจากปล่อยให้คนร้ายก่อเหตุมาตั้งแต่วันที่ 2 ตุลาคม ฆ่าคนไป 10 ศพ บาดเจ็บสาหัสไป 3 ราย ถือเป็นการก่อเหตุฆาตกรฆ่าสนุก (The Murder Spree) ซึ่งเป็นประเภทหนึ่งของฆาตกรที่ฆ่าคนเพียงเพราะความพึงพอใจในช่วงเวลาสั้นๆ ไม่มีรูปแบบที่ชัดเจน
แต่ความจริงแล้วแผนของจอห์นมีความซับซ้อนมากกว่านั้น
3.
เดิมทีจอห์น มีชื่อว่า จอห์น อัลเลน วิลเลี่ยม ขณะก่อเหตุเขาอายุ 41 ปี จากการสอบสวนพบว่าตัวจอห์นมีความตั้งใจจะสังหารภรรยาเก่า แล้วเอาลูก 3 คนที่เคยลักพาตัวไปมาอยู่ด้วยอีกครั้ง โดยมีการวางแผนระยะยาวว่า หากถูกเจ้าหน้าที่ไล่ล่าอย่างหนัก เขาจะหยุดฆ่าและเรียกเงินจากทางการ 10 ล้านเหรียญก่อนจะย้ายไปอยู่แคนาดา เอาเงินที่กรรโชกจากรัฐไปตั้งแคมป์ฝึกโดยจะเอาเด็กที่เป็นคนไร้บ้าน 140 คนมาฝึกใช้อาวุธเพื่อส่งไปก่อเหตุทั่วอเมริกา
สำหรับการก่อเหตุซุ่มยิงนั้น พวกเขาจะซุ่มเลือกเหยื่อ ตั้งเป้าสังหารให้ได้ 6 ศพต่อวัน และจะทำทุกเดือน หลังจากนั้นจะขยับความรุนแรงเป็นวางระเบิดโรงเรียน รถโรงเรียนและโรงพยาบาลเด็ก
ภรรยาเก่าของจอห์นกลัวอดีตสามีมาก เธอบอกว่าจอห์นเคยเป็นคนที่ดีกว่านี้ แต่เมื่อกลับจากสงครามอ่าวเปอร์เซียที่ขับไล่กองทัพอิรักออกจากคูเวต เขาไม่เคยเป็นเหมือนเดิมอีกเลย ดูมีปัญหาทางจิต เมื่อการครองคู่มาถึงจุดจบ จอห์นถึงขั้นขู่ฆ่าภรรยาเก่า แม่ของลูก 3 คนของเขาว่า
“รู้ไว้ด้วยว่าตอนนี้ คุณเป็นศัตรูของผมแล้ว
และในเมื่อเป็นศัตรูแล้ว กูจะฆ่ามึง!”
ประโยคนี่เองที่ทำให้เธอต้องขอคำสั่งศาลสั่งห้ามจอห์นเข้าใกล้ โดยก่อนหน้านั้นจอห์นได้ลักพาตัวลูก 3 คนไปใช้ชีวิตที่จาไมกา จนกระทั่งถูกเจ้าหน้าที่พาตัวเด็กมาคืนแม่ได้ โดยลูกๆ ต่างคิดว่าพ่อพาไปเที่ยวต่างประเทศ แล้วแม่จะตามมาทีหลัง อย่างไรก็ดีหลังเกิดเรื่อง จอห์นไม่ได้กลับอเมริกาทันที ในช่วงเวลานั้นเองเขาได้พบและถูกใจตัวลีแล้วพาตัวหนีเข้ามาอเมริกาแทน
อัยการชี้ให้เห็นความเป็นไปได้ว่า จอห์นอาจจะก่อเหตุยิงคนอย่างไร้จุดหมายเพื่อเบี่ยงประเด็น แต่เป้าหลักเขาจริงๆ คือบุกไปฆ่าภรรยาเก่าแล้วเอาลูกๆ ไปอยู่ด้วยแทนมากกว่า
ส่วนจอห์นนั้นไม่เคยเล่าถึงสาเหตุการก่อเหตุ ขณะติดคุกรอการพิจารณาคดี ลูกๆ ของจอห์นทั้งสามคนเขียนจดหมายมาบอกเล่าชีวิตการเรียนซึ่งเป็นไปด้วยดี ยกเว้นลูกคนเล็กที่ถามพ่อในจดหมายว่า
“ทำไมพ่อถึงต้องไปยิงคนแบบนี้?”
4.
เดิมลี บอยด์ มัลโวไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับจอห์นเลยแม้แต่น้อย แม่ของลีเองต้องเดินทางมาทำงานที่อเมริกา เมื่อจอห์นพบกับลี ด้วยความถูกใจจึงได้พามาอยู่อเมริกาด้วยพร้อมเลี้ยงดูสอนสั่งเหมือนลีเป็นลูกแท้ๆ
โดยตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกัน จอห์นครอบงำลีเหมือนพ่อปกครองลูก เขาสอนลีใช้อาวุธปืน และควบคุมสั่งให้ไปยิงคนตาย เมื่อทางการตรวจสอบประวัติทั้งหมด พบว่าทั้งคู่ไม่ได้เริ่มก่อเหตุในเดือนตุลาคม แต่เริ่มฆ่าคนตั้งแต่กุมภาพันธ์ปีเดียวกันยาวนานไปจนถึงเดือนกันยายน โดยศพแรกคือป้าของแฟนเก่าจอห์น ผู้ลงมือคือตัวลีที่ถูกสั่งให้ใช้ปืนยิงคนตายเป็นครั้งแรก
สองชายผิวดำหอบหิ้วกันเดินทางไปทั่วเพื่อก่อเหตุ จอห์นจะให้คำแนะนำกับลี บางครั้งเขาก็ยิงคนตาย โดยไม่ได้รู้สึกผิดแต่อย่างใด อย่างไรก็ดีมีหลักฐานว่าหลายครั้งลีสับสนตัวเอง เขาถึงกับพยายามจะฆ่าตัวตาย เหนี่ยวไกปืน แต่ปืนไม่ได้ใส่กระสุน เขากลัวเกินกว่าจะปลิดชีพตัวเองแล้วยอมให้จอห์นบงการสอนสั่งพาตัวไปเป็นคู่หูฆ่าคนบริสุทธิ์หลายครั้งด้วยกัน
หลังจากถูกแยกคุมขังไว้หลายปี ตัวลีเหมือนได้สติหลุดจากการครอบงำของจอห์น ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจให้การในชั้นศาลเอาผิดจอห์น
โดยยอมรับว่าที่ต้องทำตามคำสั่ง
ก็เพราะเชื่อว่าจะทำให้พ่อเสมือนคนนี้ภูมิใจและรักได้
แม้จะรู้ว่าผิดก็ตาม
คำให้การของลีเองคือหลักฐานมัดแน่นที่เอาผิดอดีตทหารกล้าคนนี้
การพิจารณาคดีนี้ดำเนินไปอย่างรวดเร็ว ในที่สุดศาลมีคำสั่งตัดสินประหารชีวิตจอห์นโดยการฉีดยาในปี ค.ศ.2009 ส่วนลีนั้นถูกศาลตัดสินจำคุกตลอดชีวิต
ถึงวันนี้ลียังคงถูกจำคุกอยู่ เขาให้สัมภาษณ์กับสื่อว่าเคยถูกจอห์นล่วงละเมิดทางเพศระหว่างที่อยู่ด้วยกัน ทางทนายความของลีได้เรียกร้องให้ศาลลดโทษ ให้เขามีสิทธ์ยื่นอุทธรณ์ได้ เอาเข้าจริงแล้วลีเองก็จะโดนโทษประหารชีวิต แต่เพราะขณะก่อเหตุเขาอายุน้อย นั่นทำให้ศาลปราณีตัดสินให้จำคุกตลอดชีวิตไปแทน
ระหว่างการขึ้นให้การเอาผิดนั้น ลีกับจอห์นมีโอกาสเผชิญหน้ากันในศาล พลันที่เจอหน้าจอห์นก็เรียกลีว่า “เป็นไงบ้าง..ลูก”
“อย่าเรียกผมแบบนี้ ต่อไปให้เรียกชื่อผมจะดีกว่า”
ถึงจุดนี้ลีไม่มีสายใยผูกพันกับจอห์นอีก ชายที่เขาคิดว่าเป็นพ่อดูแลเขา ที่แท้คือฆาตกรสุดอันตรายที่กล่อมเกลาให้เขาฆ่าคน โทษของเขาคือจำคุกตลอดชีวิตโดยไม่มีโอกาสได้รับการขอทัณฑ์บนอีก จนกระทั่งมีการเปลี่ยนกฎหมาย ทำให้เขามีโอกาสจะขอทัณฑ์บนได้ในปีหน้า โดยระหว่างอยู่ในคุกเขามีโอกาสแต่งงานกับหญิงสาวคนหนึ่งที่มาเยี่ยมเขาในนั้นด้วย ดูเหมือนชีวิตลีจะเริ่มเข้าที่เข้าทางหลังหลายปีผันผ่านในลูกกรงไกลบ้านเกิด
สำหรับลีแล้ว เขาสำนึกผิดในการกระทำตอนนั้น มันกลายเป็นฝันร้ายที่เจ็บปวด เมื่อเขาตาสว่างรู้ความจริง เขาถึงกับรังเกียจชายที่เขาเคยคิดว่าเป็นพ่ออย่างยิ่ง จนยินยอมให้การเอาผิดจอห์นเข้าสู่การประหารชีวิต
ตอนที่อัยการถามว่าทำไมลีถึงยินยอมมาให้การเอาผิดจอห์น ลีตอบไปอย่างหนักแน่นว่า
“ผมคิดว่าเขาเป็นคนขี้ขลาด” จากนั้นทั้งลีและจอห์นได้จ้องตากันเป็นครั้งสุดท้ายในชีวิต
“คุณเอาผมมาดูแล แล้วก็ทำให้ผมกลายเป็นปีศาจแบบนี้”
ข้อมูลอ้างอิง