1. โดโนแวนหายไปไหน
วันที่ 3 มีนาคม ค.ศ.2010 นายโดโนแวน ฟอน ลีล (Donovan Van Lill) อายุ 29 ปี เทรนเนอร์ประจำฟิตเนสที่ตั้งอยู่ทางใต้ของอังกฤษหายตัวไปอย่างลึกลับ ไม่มีใครรู้ว่าเขาหายไปไหน เพื่อนร่วมงานพยายามติดต่อโทรหา แต่ก็โทรไม่ติด หัวหน้างานแชทไปหาในเฟซบุ๊ก แต่ก็ไม่มีการตอบกลับ เขาขาดงานไปโดยไม่มีสาเหตุท่ามกลางความสงสัยของทุกคน
วันรุ่งขึ้น เพื่อนร่วมงานไม่เห็นโดโนแวนมาที่ฟิตเนส นับเป็นเรื่องผิดปกติอย่างมาก จึงมีการแจ้งความกับตำรวจถึงการหายตัวของเขาทันที จวบจนวันนั้นถึงวันนี้ 11 ปีผ่านไป โดโนแวนยังคงสูญหาย ไม่มีใครพบตัว ไม่มีใครเจอศพ ไม่มีใครเจอร่องรอยการมีชีวิตของเขา ไม่มีใครรู้ว่าจริงๆ แล้วเขาเสียชีวิตไปหรือยัง
ภาพสุดท้ายที่คนเห็นโดโนแวนมีชีวิตอยู่คือวงจรปิดจับภาพเขาเลิกงานจากฟิตเนสเดินไปกับแฟนสาวซึ่งเป็นชาวสโลวาเกีย อาชีพสาวเสิร์ฟในช่วงค่ำของวันที่ 2 มีนาคม ภาพสุดท้ายที่แฟนสาวให้การกับตำรวจก็คือ เธอบอกลาโดโนแวน ก่อนจะแยกย้ายกันกลับที่พัก วันต่อมาเธอไปเที่ยวอียิปต์กับเพื่อ ๆ ก่อนได้รับข้อความแปลกประหลาดจากคนจำนวนมาก
“เขาอยู่ไหน”
สาวเสิร์ฟมึนงง คนจำนวนมากส่งข้อความหาเธอทางเฟซบุ๊กไม่หยุดหย่อน หลังจากนั้นเธอจึงรู้ว่าเขาหายตัวไปอย่างปริศนา ในเวลาต่อมาหญิงสาวจะลบข้อความในเฟซบุ๊กว่าเป็นคนรักกับโดโนแวน เธอให้สัมภาษณ์ว่า เพราะได้รับข้อความคุกคามมากมายจากคนจำนวนมาก ทั้งๆ ที่เธอไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของแฟนหนุ่มทั้งสิ้น
2. ใครคือโดโนแวน
เทรนเนอร์หนุ่มที่หายตัวไปเป็นคนแอฟริกาใต้ เขาแข็งแรง หล่อเหลามีเสน่ห์ มีลูกสาวกับภรรยาเก่าที่แอฟริกาใต้ ขณะเดินทางมาทำงานที่อังกฤษ เขาก็ยังไม่เลิกนิสัยเจ้าชู้
เมื่อมีการแจ้งความคนหาย ตำรวจเข้าตรวจสอบบ้านพักของเขา ตรวจสอบโทรศัพท์มือถือและคอมพิวเตอร์แล็ปท็อปที่เปิดหน้าเฟซบุ๊กคาไว้ ทุกอย่างเป็นปกติ จากบันทึกการใช้โทรศัพท์และเน็ตพบว่าโดโนแวนยังมีชีวิตอยู่จนถึงเวลา 10 โมงเช้าของวันที่ 3 มีนาคม
ตอนแรกตำรวจไม่ได้มองว่าชายหนุ่มเทรนเนอร์มากเสน่ห์จะหายตัวไปได้ จึงประเมินความเสี่ยงเขาไว้ต่ำกว่าที่จะเป็น แต่เมื่อ 9 วันผ่านไป ไม่มีใครเห็น พบ หรือได้ยินเบาะแสเกี่ยวกับโดโนแวน ตำรวจเลยยกระดับความเสี่ยงขึ้นไปอีก เพราะโดโนแวนไม่ได้ติดต่อใครเลย รถก็จอดที่บ้านเช่าเหมือนเดิม มือถือกระเป๋าสตางค์ก็ไม่ได้เอาไป หนังสือเดินทางก็วางอยู่ในห้องนอน เสื้อผ้าก็ยังอยู่ในตู้ปกติ บัญชีธนาคารก็ไม่มีการถอนเงินแต่อย่างใด
14 วันหลังการหายตัวไปของโดโนแวน ตำรวจเข้าจับกุมนายมาร์ติน ซัคเดน (Martin Sugden) ครูสอนว่ายน้ำในฟิตเนสเดียวกับโดโนแวน มาร์ตินเป็นอดีตนาวิกโยธินอังกฤษ เป็นเพื่อนร่วมงานกับโดโนแวน รูปร่างแข็งแรง บึกบึนตามประสาทหารเก่า ที่สำคัญเขาเคยคุยกับเพื่อนคนอื่นๆ ว่า อยากจะฆ่าโดโนแวน เพราะไม่พอใจพฤติกรรมหลายอย่างของเทรนเนอร์หนุ่มสุดหล่ออย่างมาก
ตำรวจจึงกล่าวหาว่าเขาก่อเหตุฆาตกรรมโดโนแวน
3. โดโนแวนผู้น่ารังเกียจ?
ตำรวจทำคดีนี้โดยพบปัญหาใหญ่ที่สุดก็คือ พวกเขายังไม่เจอศพโดโนแวน ไม่พบอาวุธที่ฆ่า ไม่รู้ว่าสถานที่เกิดเหตุอยู่ตรงไหน มีเพียงแรงจูงใจที่มาร์ตินบอกกับเพื่อนว่าอยากฆ่าโดโนแวนเท่านั้น ตัวมาร์ตินเองนั้นไม่มีแม้แต่ประวัติอาชญากรรม ไม่มีบันทึกถูกจับกุมหรือก่อเหตุความผิดอะไรในแฟ้มอาชญากรเลย ประวัติเขาขาวสะอาดอย่างมาก
แต่เจ้าหน้าที่ก็ตั้งข้อหากับเขาโดยใช้แรงจูงใจที่มาร์ตินบอกว่า อยากฆ่าโดโนแวนเป็นหลักฐานชั้นดีในการจับกุมตัว ทุกอย่างมันเริ่มมาจากคำให้การของเพื่อนที่ทำงานที่ให้ข้อมูลกับตำรวจว่า ตัวมาร์ตินมาพูดด้วยว่าไม่ชอบโดโนแวนและอยากฆ่าเขาให้ตาย
เมื่อเจ้าหน้าที่ค้นบ้านมาร์ตินซึ่งพักอยู่กับพ่อแม่ ก็พบสมุดคู่มือฆ่าคนตายที่มาร์ตินเขียนไว้ถึงบุคคลที่ควรถูกลงโทษจัดการเพราะทำเรื่องเลวๆ โดยมีรายชื่อลิสต์การก่อเหตุฆาตกรรมอย่างไรให้สมบูรณ์แบบ
ซึ่งรวมถึงการทำลายศพอย่างไร้ร่องรอยด้วย
ทั้งนี้บุคคลที่ควรถูกลงโทษในมุมมองของมาร์ตินนั้น มีชื่อของโดโนแวนรวมอยู่ด้วย
การสืบสวนคดีเริ่มขึ้น มันพาเจ้าหน้าที่ย้อนไปไกลถึงปี ค.ศ.2006 เมื่อมาร์ตินกับโดโนแวนและเพื่อนๆ ที่รู้จักกันผ่านการเล่นรักบี้ฟุตบอลได้ไปเที่ยวแอฟริกาใต้บ้านเกิดโดโนแวน โดยทริปนี้มาร์ตินเป็นคนออกค่าใช้จ่ายไปก่อน แต่หลังกลับมาอังกฤษ โดโนแวนกลับชักดาบไม่ยอมจ่ายเงินคืน
ที่แอฟริกาใต้ มาร์ตินพบพฤติกรรมน่ารังเกียจของโดโนแวนอย่างมาก สิ่งแรกคือโดโนแวนถูกจับได้ว่าพยายามขโมยเงินในกระเป๋ามาร์ติน ชายที่จะหายตัวไปในอีกหลายปีต่อมาพูดจาหยาบคายต่อแม่บังเกิดเกล้า แถมยังมีพฤติกรรมเหยียดผิวอย่างมาก
สิ่งที่มาร์ตินรับไม่ได้ที่สุดคือ เมื่อเพื่อนๆ บางส่วนกลับไปแล้ว มาร์ตินเห็นโดโนแวนกับเพื่อนรุมซ้อมเด็กผิวดำแอฟริกาใต้วัยเพียง 10 ปีเท่านั้น แถมมีการถ่ายคลิปเก็บไว้ มาร์ตินโกรธมาก เด็กคนดังกล่าวฉี่ราดขณะเผชิญหน้ากับคนขาวตัวโตกว่า แม้จะพยายามสู้กลับ แต่ก็ถูกรุมซ้อมจนทรุดไปกองกับพื้น นี่คือการก่อเหตุเพราะการอคติทางสีผิว มันทำให้มาร์ตินมองว่าโดโนแวนคือคนที่น่าขยะแขยงอย่างยิ่ง
เมื่อกลับจากการไปเที่ยว 3 อาทิตย์ในแอฟริกาใต้ มาร์ตินไม่พูดอะไรกับโดโนแวนอีก เขาไม่กล่าวถึงเหตุการณ์พฤติกรรมเลวร้ายของโดโนแวนตอนไปเที่ยว แต่อดีตทหารเก่าเคยหลุดพูดกับเพื่อนว่าอยากฆ่าใครสักคน แม้ไม่ได้เอ่ยชื่อใครมา แต่ก็พูดอ้อมๆ ว่าคนที่อยากฆ่านั้นคือโดโนแวนนั่นเอง
โดยหลักฐานที่ตำรวจให้น้ำหนักมากที่สุดคือ 7 วันหลังโดโนแวนหายตัวไป มาร์ตินโทรศัพท์ไปหาเพื่อนร่วมงานแล้วพูดว่า
“จำได้ไหมที่เคยบอกนายเกี่ยวกับชายคนนี้นะ
หึ! ฉันทำสำเร็จแล้ว”
แม้จะมีเบาะแสอื่นถึงความเป็นไปได้ เช่น โดโนแวนอาจถูกอุ้มฆ่าโดยเจ้าของไนท์คลับที่โดนภรรยาสวมเขาแอบไปมีชู้กับโดโนแวนและเพื่อนๆ หลายคน มีการถ่ายคลิปเก็บไว้ ซึ่งมาร์ตินเคยเตือนเพื่อนๆ และฝากไปยังโดโนแวนว่าอย่ายุ่งกับเจ้าของคนนี้เด็ดขาด เพราะเขาเป็นคนที่มีความสามารถในการอุ้มคนหายได้ หรืออีกเบาะแสก็คือโดโนแวนอาจถูกฆ่าจากแฟนเก่าทั้งหลายที่อาจผูกใจเจ็บและเคยโดนชายหนุ่มทำร้ายร่างกาย
แต่ตำรวจตรวจสอบแล้วตัดประเด็นเหล่านี้ทิ้งในทันที มุ่งเป้าไปที่มาร์ตินตั้งข้อหาและคุมขังเขาไว้ในคุกระหว่างรอการพิจารณา
โดยระหว่างนั้นเจ้าหน้าที่ก็พยายามจะตามหาศพโดโนแวนให้เจอ พวกเขาขุดที่ดินรอบบ้านมาร์ติน รอบบ้านโดโนแวน แต่ไม่พบอะไรเลย ไม่มีอะไรคืบหน้านอกจากคำพูดและสมุดบันทึกของมาร์ตินที่ตำรวจพบเท่านั้น หลักฐานมีเพียงเท่านี้จนถึงวันขึ้นศาล
4. ใครฆ่าโดโนแวน
เมื่อถึงเวลาขึ้นศาล อัยการกล่าวเปิดคดีว่า มาร์ตินคิดว่าตัวเองสร้างฆาตกรรมที่สมบูรณ์แบบขึ้นมา และคงจะไม่มีใครจับได้ แต่ทางการก็จับตัวเขาได้สำเร็จ
คำว่า “ฆาตกรรมสมบูรณ์แบบ” ถูกกล่าวถึงในศาลตลอด 3 อาทิตย์ของการไต่สวนคดี เป็น 1 ปีที่โดโนแวนหายตัวไป และเป็น 1 ปีที่มาร์ตินถูกจับขังคุกโดยยังไม่มีคำพิพากษา
อัยการกล่าวหาว่า มาร์ตินวางแผนฆาตกรรมโดโนแวนอย่างละเอียดละเมียดมาก และเขามีแรงจูงใจว่าอยากจะฆ่าโดโนแวน เขาเขียนรายละเอียดว่าต้องตรวจเช็กอาวุธก่อนลงมือ เตรียมค้อน ฝังศพให้ลึก เผาเสื้อผ้าผู้ตาย เผาเสื้อผ้าตัวเอง โดยมาร์ตินได้ไปหาโดโนแวนเช้าวันที่ 3 มีนาคมเวลาประมาณ 10โมง (ซึ่งสันนิษฐานว่าเป็นช่วงเวลาสุดท้ายที่โดโนแวนยังมีชีวิตอยู่) ก่อนจะจัดการฆ่าทิ้ง ทำลายศพฝังร่างโดโนแวน เอาค้อนทุบกระดูกให้ป่นปี้ ทุกอย่างถูกวางแผนไว้แล้ว ด้วยความภูมิใจมาร์ตินคิดว่าคงไม่มีใครจับเขาได้ และคงไม่มีใครพบศพโดโนแวน จึงเผลอหลุดโม้ให้กับเพื่อนสนิทฟังหลังการหายตัวไป
ด้านทนายของมาร์ตินโต้กลับว่า ถ้ามาร์ตินฆ่าโดโนแวนเช้าวันที่ 3 จริง ก็ต้องยอมรับว่าอดีตทหารเก่านั้นเก่งมาก เพราะต้องขับรถไปหาโดโนแวนที่บ้านรีบฆ่าตอน 10 โมงเช้า แล้ว 11 โมง มาร์ตินก็ต้องรีบกลับมาช่วยครอบครัวขนแก๊สที่บ้านของตัวเองซึ่งห่างจากบ้านโดโนแวน 12 กิโลเมตร วันเกิดเหตุเป็นวันพุธซึ่งทุกคนรู้กันดีว่ารถติด ดังนั้นมันแทบเป็นไปไม่ได้เลย ที่จะเดินทางไปฆ่าใครแล้วอำพรางคดีฝังศพก่อนจะกลับมาที่บ้านให้ทันเวลา 11 โมง ทนายย้ำว่ามาร์ตินคงต้องเก่งสุดๆ วางแผนเป็นอย่างดี ถึงจะทำได้ตามที่อัยการกล่าวอ้างได้
อย่างไรก็ดีตัวมาร์ตินจะเก่งหรือไม่เก่งนั้นไม่สำคัญในเรื่องนี้ เพราะเอาเข้าจริงมันไม่มีพยานแม้แต่คนเดียวที่เห็นมาร์ตินขับรถไปหาโดโนแวนที่บ้านในเช้าวันนั้นเลย
ทนายจำเลยแย้งว่า ถ้าอัยการบอกว่าบ้านโดโนแวนคือสถานที่ฆาตกรรมจริง ตำรวจก็ได้ส่งผู้เชี่ยวชาญลงพื้นที่ ไม่พบเลือด ไม่พบดีเอ็นเอของมาร์ตินหรือโดโนแวนแต่อย่างใด ศพก็ไม่เห็น อาวุธก็ไม่มี ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าโดโนแวนตายอย่างไร ทนายย้อนคำพูดอัยการอย่างเผ็ดร้อนว่า
“ถ้ากล่าวหาว่ามาร์ตินฉลาด
ขนาดวางแผนฆาตกรรมที่สมบูรณ์แบบไว้จริง
เขาก็คงโง่มากๆ ที่ไปสารภาพว่า
ฆ่าโดโนแวนกับเพื่อนที่ทำงาน”
ด้านอดีตทหารเก่าให้การในชั้นศาลว่าเขาขอปฏิเสธทุกข้อหา ยืนยันว่าไม่ได้ฆ่าโดโนแวน แม้จะไม่ชอบหน้าหลังจากไปเที่ยวแอฟริกาใต้จริง อาจคุยกับคนอื่นว่าอยากจะฆ่าชายคนนี้จริง หรืออาจมีสมุดบันทึกที่จดวิธีการเลือกอาวุธ วิธีการทำลายศพต่างๆ นานา แต่ทั้งหมดนี้ก็เป็นสิ่งที่เขาจินตนาการว่าหากได้ทำเท่านั้น มันไม่ได้หมายความว่า เขาจะเอาไปใช้ฆ่าโดโนแวนจริงๆ เสียหน่อย
เอาเข้าจริงหลักฐานในคดีนี้อ่อนมาก ไม่มีอะไรจะเชื่อมโยงว่ามาร์ตินฆ่าโดโนแวนได้เลย ดังนั้นลูกขุนจึงมีคำพิพากษาให้ยกฟ้องมาร์ติน ทำเอาทหารเก่าถึงกับร้องไห้ออกมาแล้วสวมกอดกับแฟนสาวด้วยความปลื้มปิติ เพื่อนๆ ต่างปรบมือดีใจ วันรุ่งขึ้นหลังได้รับอิสรภาพ มาร์ตินไปซื้อของกับแฟนสาว มันคือสิ่งแรกที่เขาทำหลังออกจากคุก
ถึงวันนี้ตำรวจยังคงเปิดรับหลักฐานใหม่ๆ ในคดีโดโนแวนอยู่เสมอ เจ้าหน้าที่ยังคงถือว่าเขาเป็นผู้สูญหาย เพราะไม่อาจระบุได้ว่าเสียชีวิตลงเมื่อไหร่กันแน่ คำว่าฆาตกรรมที่สมบูรณ์แบบที่มีการพูดในช่วงพิจารณาคดีได้ยั่วความสงสัยและความน่าสนใจให้กับเหล่านักสืบสมัครเล่นและผู้สนใจในคดีฆาตกรรมมาช่วยกันไขคดีนี้กันเป็นจำนวนมาก แต่คดีก็ยังคงปิดไม่ลง เป็นปริศนาถึงทุกวันนี้
แม้ตัวโดโนแวนเองอาจเป็นคนน่ารังเกียจจริงตามที่มาร์ตินว่าไว้ แต่สำหรับลูกสาวของเขาได้บอกว่าพ่อของเธอนั้นดีที่สุด ตอนที่โดโนแวนหายตัวไป เธอคิดถึงพ่ออย่างมาก คิดถึงทุกวันและอยากให้พ่อกลับมาเสมอ ถึงวันนี้เธอเข้าสู่วัยรุ่นแล้ว มีชีวิตเติบโตต่อไป ขณะที่พ่อของเธออายุหยุดลงที่ 29 ปี โดยไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขากันแน่จนถึงปัจจุบัน