8 เมษายน 1942 ลูกหมีตัวหนึ่งถูกค้นพบในบริเวณเทือกเขาแอลโบร์ซ ทางตอนเหนือของประเทศอิหร่าน มันเป็นลูกหมีสีน้ำตาล มีสภาพที่มอมแมมอิดโรย ชายเลี้ยงแกะคนหนึ่งไปเห็นมันเข้าก็รู้ทันทีว่ามันน่าจะพรากจากพ่อแม่ของมัน หากพ่อแม่มันยังมีชีวิตอยู่ก็เป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยากมาก เพราะน้อยนักที่แม่หมีจะละความสนใจจากลูกของมัน ดังนั้นชายผู้พบเห็นจึงคาดเดาได้ว่าพ่อแม่ของมันโดนพรานยิงเสียชีวิตไปแล้ว (พรานบางคนที่นั่นนิยมการล่าหมี) เขาจึงพามันกลับไปยังที่พักและเลี้ยงดูเสมือนสัตว์เลี้ยงทั่วไป จนกระทั่งทหารโปแลนด์จากกองทัพแอนเดอร์มาพบเข้า
กองทัพแอนเดอร์ เป็นชื่อของกองทัพโปแลนด์ตะวันออก หรือที่รู้จักกันในชื่อ ‘กองทัพโปแลนด์ในสหภาพโซเวียต’ เป็นกองทัพที่ถูกก่อตั้งในช่วงปี 1941 โดยรัฐบาลพลัดถิ่นโปแลนด์ที่ถูกส่งมาสหภาพโซเวียตจากการบุกครองโปแลนด์ของนาซีและสหภาพโซเวียตในเดือนกันยายน 1939 แม้นาซีเยอรมันจะจับมือกับสหภาพโซเวียตในการยึดครองโปแลนด์ แต่หลังจาก ‘ปฏิบัติการบาร์บาร็อสซา’ ในเดือนมิถุนายน 1941 ซึ่งเป็นการหักหลังด้วยการบุกสหภาพโซเวียตของฮิตเลอร์ มีส่วนทำให้สหภาพโซเวียตตัดสินใจประกาศนิรโทษกรรมชาวโปแลนด์ในสหภาพโซเวียต เพราะศัตรูของพวกเขาไม่ใช่ประเทศโปแลนด์อีกต่อไป แต่คือประเทศเยอรมนี
หลังจากประกาศนิรโทษกรรม ชาวโปแลนด์และอดีตเชลยศึกที่อยู่ในสหภาพโซเวียตก็ได้จัดตั้งกองทัพเพื่อต่อสู้กับนาซีเยอรมัน เป็นที่รู้จักกันในชื่อ ‘กองทัพแอนเดอร์ส’ พวกเขาย้ายกองกำลังไปยังยุโรปตอนใต้ ตะวันออกกลาง และร่วมรบกับฝ่ายสัมพันธมิตรตะวันตก พวกเขาต่อสู้รบทั้งกับกองทัพนาซีเยอรมัน และในกองทัพอิตาลี โดยเฉพาะยุทธการที่มอนเต คาสซิโน
และในระหว่างที่ทหารโปแลนด์บางส่วนกำลังมุ่งหน้าไปทางตะวันออกกลาง พวกเขาก็ได้พบกับหมีตัวนี้ที่ชายเลี้ยงแกะกำลังอุ้มมันอย่างน่าสะดุดตานั่นเอง เหล่าทหารได้ขอหมีตัวนี้จากชายที่พบมันและสัญญาว่าจะดูแลมันเป็นอย่างดี พวกเขาตั้งชื่อมันว่า ‘Wojtek’ เป็นภาษาโปแลนด์ อ่านว่า ‘วอยแต็ก’ มีความหมายว่า a warrior who brings joy หรือ ‘นักรบที่นำความสุขมาให้’
วอยแต็ก เดินทางไปพร้อมกับทหารกองร้อยสรรพาวุธที่ 22 ของโปแลนด์ เพื่อไปฝึกทหารกับกองกำลังฝ่ายสัมพันธมิตรที่เมืองอเล็กซานเดรีย ทางเหนือสุดของประเทศอียิปต์ เมืองเก่าที่ติดอยู่กับทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ทหารส่วนใหญ่แทบไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับครอบครัวและบ้านของพวกเขาในโปแลนด์ สำหรับพวกเขา วอยแต็ก เป็นเหมือนครอบครัวและเพื่อนทหาร พวกเขาดูแลมันตั้งแต่ยังอุ้มได้ จนตอนนี้มีความสูง 6 ฟุต และหนักมากกว่า 200 กิโลกรัม วอยแต็กมีนิสัยเหมือนเด็กผู้ชายวัยรุ่นคนหนึ่ง มันชอบที่จะเล่นฟุตบอลกับเพื่อนทหารของมัน วิ่งไล่จับส้มที่ทหารใช้ฝึกขว้างแทนลูกระเบิด สามารถเดินไปห้องน้ำและเปิดฝักบัวอาบน้ำเองได้ รวมถึงเรียนรู้ที่จะโค้งทำความเคารพนายทหาร พวกเขาให้ยศวอยแต็กเป็นพลทหาร และเรียกมันว่า ‘ไพรเวทวอยแต็ก’
วอยแต็ก อาจจะไม่ได้รับเงินค่าจ้างจากกองทัพ แต่เขาได้ค่าจ้างเป็นอาหารที่กินมากถึงวันละ 15-20กิโลกรัมเลยทีเดียว เมื่อเวลาผ่านไป วอยแต็กเริ่มเลียนแบบพฤติกรรมคนรอบข้าง มันชอบกินบุหรี่ (ไม่ใช่สูบบุหรี่) และชอบที่จะดื่มเบียร์ รวมถึงชอบที่จะเริ่มต้นวันใหม่ด้วยการดื่มกาแฟ และไม่เคยปฏิเสธขนมหวานเลย
14 เมษายน 1944 ช่วงเวลาสงครามโลกครั้งที่ 2 กำลังระอุ กองทัพแอนเดอร์ของโปแลนด์ที่ฝึกเสร็จเรียบร้อยก็เตรียมพร้อมที่จะขึ้นเรือจากอียิปต์และมุ่งหน้าไปยังอิตาลีเพื่อสู้รบกับนาซีและกองทัพอิตาลีของมุสโสลินี แต่ปัญหาคือทหารที่มีบัตรทหารเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตขึ้นบนเรือขนส่ง และกองร้อยสรรพาวุธที่ 22 ของโปแลนด์ ก็มีสมาชิกที่ไม่ได้เป็นทหารที่มาจากมนุษย์อยู่ 1 นาย นั่นคือพลทหารวอยแต็ก
เจ้าหน้าที่ท่าเรือไม่อนุญาตให้วอยแต็กขึ้นเรือไปกับกองทหาร ไม่ว่าพวกเขาจะพยายามอธิบายแค่ไหน แต่เจ้าหน้าที่ก็ยังคงไม่อนุญาต ด้วยเหตุผลว่า ‘ไม่สบายใจกับการนำหมีขึ้นบนเรือ’ วอยแต็กต้องอยู่ที่อียิปต์เพียงลำพังหากพวกเขาไม่ทำอะไรสักอย่าง ทุกคนมองวอยแต็กไม่ใช่สัตว์เลี้ยงอีกต่อไป แต่คือคนในครอบครัว คือเพื่อนทหารร่วมรบ และวอยแต็กก็มองว่าพวกเขาก็คือครอบครัวของมันเช่นกัน เหล่าทหารรวมตัวกันไปขอผู้บัญชาการทหารในกรุงไคโร ประเทศอียิปต์ เพื่อขอให้บรรจุวอยแต็กเป็นทหารประจำกองร้อยสรรพาวุธที่ 22 เป็นกรณีพิเศษ ผู้บัญชาการรู้จักวอยแต็กเป็นอย่างดี เขาอนุมัติทันที บัดนี้วอยแต็กกลายเป็นหมีตัวแรกที่ถูกบรรจุในบัญชีรายชื่อกองทัพพร้อมบัตรประจำตัวทหาร และในที่สุด วอยแต็กก็ได้เดินทางไปยังสมรภูมิในอิตาลีพร้อมกับเพื่อนทหารของมัน
วอยแต็ก ชอบนั่งรถบรรทุกทหารที่เอาไว้ขนกระสุน วันหนึ่งท่ามกลางอากาศที่ร้อนระอุ ในขณะที่วอยแต็กกำลังนั่งรถไปพร้อมกับหน่วยของมันไปตามชายฝั่งอิตาลี เมื่อวอยแต็กขี้ร้อนที่กำลังร้อนอบอ้าวอยู่เห็นทะเลอยู่ตรงหน้า มันก็รีบกระโดดออกจากรถและมุ่งหน้าไปยังทะเลทันที นักท่องเที่ยวและผู้คนมากมายที่กำลังเล่นน้ำนอนรับลมทะเลอยู่ต่างแตกตื่นพากันวิ่งหนีหมีสีน้ำตาลขนาด 6 ฟุตที่พุ่งเข้ามา แต่วอยแต็กไม่ทำร้ายผู้ใด มันลงไปเล่นน้ำทะเลท่ามกลางเพื่อนทหารที่คอยดูแล จนเมื่อมันหายร้อน วอยแต็กก็เดินกลับขึ้นรถบรรทุกเดินทางต่อ
ในยุทธการนองเลือดที่มอนเต คาสซิโน เป็นการต่อสู้ระหว่างฝ่ายสัมพันธมิตรกับกองกำลังฝ่ายเยอรมันในประเทศอิตาลีในสงครามโลกครั้งที่ 2 หนึ่งในยุทธการของฝ่ายสัมพันธมิตรในการทะลวงแนวรบของฝ่ายอักษะและรุกคืบเข้าสู่กรุงโรม ในระหว่างที่ทหารสรรพาวุธกำลังวุ่นกับการขนลังกระสุนแบกไปมาเพื่อส่งไปยังแนวหน้าในระหว่างที่กำลังยิงไปยังแนวรบฝ่ายอักษะ วอยแต็กยืนมองดูพฤติกรรมของเพื่อนทหารที่ยกกระสุนไปมาสักพักก็เริ่มทำตาม วอยแต็กช่วยพวกเขาถือลังกระสุนใช้แล้วกลับไปยังจุดเติมกระสุน และเดินเสี่ยงภัยขนกระสุนไปเติมให้กับพวกเขายังแนวหน้า การกระทำของวอยแต็กกลายเป็นเรื่องราวที่สร้างความประทับใจให้กับกองทหาร จนกองร้อยสรรพาวุธที่ 22 ต้องเปลี่ยนตราหน่วยเป็นรูปหมีถือกระสุนปืนใหญ่
หลังจากการสู้รบที่มอนเต คาสซิโน วอยแต็กได้รับการเลื่อนยศเป็นสิบโท หนึ่งปีต่อมาเมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง เหล่ากองทหารโปแลนด์ก็กระจัดกระจายย้ายไปทั่วโลก วอยแต็กกลายเป็นที่ถกเถียงกันว่ามันควรไปอยู่ที่ไหน พวกเขาส่วนใหญ่เห็นพ้องกันว่าไม่ต้องการให้วอยแต็กกลับไปยังโปแลนด์ เพราะกลัวว่ารัฐบาลโปแลนด์ที่ถูกควบคุมโดยสหภาพโซเวียตจะนําวอยแต็กมาใช้เป็นสัญลักษณ์ของลัทธิคอมมิวนิสต์ ซึ่งตรงกันข้ามกับที่กองทหารโปแลนด์เหล่านั้นต่อสู้เสี่ยงตายในสงครามมาตลอดหลายปี
สุดท้ายแล้ววอยแต็กลงเอยที่สกอตแลนด์ ในหมู่บ้านฮัตตัน หมู่บ้านเล็กๆ ในเขตพรมแดนระหว่างสก็อตแลนด์และอังกฤษ โดยอาศัยอยู่ในฟาร์มกับอดีตทหารผ่านศึกโปแลนด์กลุ่มหนึ่งที่ตัดสินใจอาศัยอยู่ที่นั่นชั่วคราวหลังสงคราม วอยแต็กช่วยเพื่อนของมันขนของในฟาร์มแลกกับการได้ที่พักพร้อมน้ำผึ้ง วอยแต็กเป็นมิตรกับทุกคนโดยเฉพาะเด็ก มันมักจะเข้าร่วมงานเลี้ยง งานเต้นรำ งานวันเกิดของเด็กๆ และปรากฏตัวในรายการทีวีสำหรับเด็กอยู่บ่อยครั้ง
บ้านหลังสุดท้ายของวอยแต็กคือสวนสัตว์ในเอดินบะระ สกอตแลนด์ อดีตเพื่อนร่วมกองทัพไปเยี่ยมวอยแต็กอยู่บ่อยครั้ง จนสุดท้ายมันได้เสียชีวิตในปี1963 ด้วยวัย 21 ปี ด้วยสาเหตุหลอดอาหารเสื่อมจนร่างกายทรุด ซึ่งอาจเป็นเหตุมาจากที่มันชอบกลืนบุหรี่ในสมัยสงครามโลก สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งชาติของอังกฤษได้ออกประกาศไปทั่วประเทศว่า “ขอแสดงความเสียใจ จากการจากไปของหนึ่งในทหารโปแลนด์ที่มีชื่อเสียงที่สุด”
เรื่องราวของวอยแต็กถูกนำไปเป็นภาพยนตร์และหนังสือสำหรับเด็ก รูปปั้นของวอยแต็กถูกตั้งในโปแลนด์ แคนาดา และอังกฤษ 7 แห่ง รวมถึงที่พิพิธภัณฑ์สงครามแห่งชาติในประเทศอังกฤษและแคนาดา
อ้างอิงจาก