อีดิธ และเซบาสเตียน เป็นคู่รักชาวแคนาดาที่ครองรักกันมา 12 ปีจนแต่งงานและมีลูกด้วยกันถึง 4 คน นั่นก็คือ มีอา(อายุ 12 ปี), เลโอ(อายุ 9 ขวบ), คอลิน(อายุ 7 ขวบ) และลอเรนท์ (อายุ 5 ขวบ) ดูเหมือนชีวิตของเด็กๆ และพวกเขากำลังจะเริ่มต้นและได้เติบโตไปพร้อมกันอย่างสวยงาม
อย่างไรก็ตามสิ่งที่ไม่อาจคาดเดาได้เกิดขึ้นในปี 2011 หลังทั้งสองก็ได้รับข่าวร้ายจากจักษุแพทย์ประจำตัวของ มีอา ลูกสาวคนโตว่าเธอป่วยเป็นโรคทางพันธุกรรมที่หายากที่ส่งผลทำให้ตาของมีอาจะค่อยๆ สูญเสียการมองเห็นลงไปเรื่อยๆ โดยยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าดวงตาของมีอาจจะบอดสนิทลงเมื่อไหร่
หลังจากค้นพบอาการป่วยของมีอา แพทย์ก็ได้ทำการตรวจน้องชายและสาวทั้ง 3 คนของมีอาผลปรากฏว่า คอลินและลอเรนท์ได้รับการวินิจฉัยว่าป่วยเป็นโรคเดียวกันกับมีอา และมีเพียงเลโอเท่านั้นที่แข็งแรงดี
จากการพยากรณ์โรคที่ไม่ค่อยสู้ดีนัก แพทย์จึงได้แนะนำให้ อีดิธ และเซบาสเตียนรีบเสริมสร้างประสบการณ์ด้านการมองเห็นให้แก่เด็กๆ ก่อนที่พวกเขาจะสูญเสียการมองเห็นอย่างสมบูรณ์ทำให้ เซบาสเตียน ผู้พ่อมีความคิดที่ว่าเขาไม่อยากให้ลูกๆ ของเขาได้เห็นโลกผ่านหนังสือภาพเพียงขนาดเล็กจิ๋วเพียงอย่างเดียว แต่เขาต้องการเสริมสร้างความทรงจำและประสบการณ์ให้เด็กๆ ได้เปิดโลกและเห็นสิ่งต่างๆ ด้วยตาของตัวเอง ซึ่งน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
ทั้งสองคนจึงได้เริ่มวางแผนที่จะพาลูกน้อยของเขาออกเดินทางรอบโลกเป็นเวลา 1 ปี เพื่อที่พวกเขาจะได้เห็นโลกด้วยตาทั้ง 2 ข้างก่อนที่จะสูญเสียการมองเห็นลงในวันใดวันหนึ่ง และแผนการก็ได้เริ่มต้นขึ้นจากการวางแผนทางการเงินสำหรับการเดินทางอันยิ่งใหญ่ครั้งนี้
“หลังจากการวินิจฉัย พวกเราไม่มีเวลามากมายนัก มีประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมหลายอย่างที่บ้าน แต่ไม่มีสิ่งไหนที่จะมาทดแทนประสบการณ์จากการออกเดินทางได้” เซบาสเตียน กล่าว
กำหนดการเดิมของพวกเขามีแผนที่จะออกเดินทางจากประเทศแคนาดาในช่วงเดือน ก.ค. ปี 2020 อย่างไรก็ตามด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้แผนการเดินทางเดิมถูกเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด จนกระทั่งทั้งคู่สามารถที่จะออกเดินทางจากเมืองมอนทรีออล ประเทศแคนาดาบ้านเกิดได้อีกครั้ง เมื่อเดือน มี.ค. 2022 ที่ผ่านมา
ประเทศแรกที่พวกเขาไปถึงคือ นามิเบียที่พวกเขาได้เห็น ช้าง ม้าลาย และ ยีราฟ หลังจากนั้นก็ออกเดินทางสู่ตุรกี มองโกเลีย และอินโดนีเซียในตอนนี้
“พวกเราหวังว่าวิทยาศาสตร์จะสามารถช่วยรักษาลูกๆ ของเราให้หายดีจากโรคนี้เพื่อที่พวกเขาจะไม่กลายเป็นคนตาบอด แต่ช่วงเวลานี้ พกวเราจะทำทุกวิถีทางให้ลูกๆของเราสามารถเตรียมรับมือกับความไม่แน่นอนที่อาจจะเกิดขึ้นกับพวกเขาในอนาคต” เซบาสเตียนกล่าวทิ้งท้าย
อ้างอิงจาก
https://edition.cnn.com/travel/article/canadian-family-retinitis-pigmentosa/index.html
https://www.scarymommy.com/lifestyle/family-travels-before-kids-lose-eyesight