เดี๋ยวนี้ไม่ว่าจะกังวลแฟนนอกใจ สงสัยชีวิตคู่ดารา ไปยันปรึกษาปัญหาหัวใจ ก็ดูเหมือนว่าที่ปรึกษาอันดับหนึ่งที่มาแรงแซงโค้งกว่าคนใกล้ตัวคนไหนๆ จะไปตกอยู่ที่คุณ Google เสียแล้ว ด้วยความเมพขิงๆ ระดับถามปุ๊บตอบปั๊บความเร็วแปรผันตาม wifi และ 4G ทำให้เวลาเกิดปัญหาหรือความไม่สบายใจ จึงมักจะเลือกใช้ช่องทางนี้เป็นที่พึ่งในอันดับแรก ซึ่งแน่นอนว่าย่อมรวมถึงความกังวลเวลาเจ็บไข้ได้ป่วยของตัวเองและคนรอบตัวด้วยในบ่อยครั้ง
ซึ่งในหลายคราวคุณหมอ Google ท่านนี้ก็มักจะให้คำแนะนำดีๆ ที่ทำให้เราตระหนักถึงความสำคัญของสุขภาพจนตัดสินใจแวะไปให้คุณหมอตัวจริงตรวจเช็คอย่างถี่ถ้วน แต่ก็มีอีกหลายครั้งที่อาการเบื้องต้นเล็กน้อย ถูกนำไปขยายความจนกลายเป็นโรคร้ายแรงชวนใจหายใจคว่ำ สร้างความจิตตก กินไม่ได้ นอนไม่หลับ ขยับแต่นิ้วเซิร์จอ่านกระทู้เพิ่มความกังวลใจให้ตัวเองไปเสียเปล่าๆ ซึ่งวันนี้เราก็จะพาไปแอบส่องกันดูซิว่า มีอาการอะไรกันบ้างนะที่ที่เมื่อคุณเซิร์จถามคุณหมอ Google แล้วมักจะได้คำตอบชวนจิตตระหนกให้คิดไปไกลว่าเป็นโรคร้ายแรง
ปวดศีรษะเรื้อรัง
ถ้าคุณไม่ใช่นางเอกซีรีส์เกาหลียุคปี 2008 ก็อย่าเพิ่งฟันธงลงไปเลยว่าอาการปวดหัวเรื้อรังที่กำลังเป็นอยู่นั้นคืออาการบ่งบอกถึงโรคเนื้องอกในสมองอย่างที่เด้งขึ้นมาในหน้าแรกผลลัพธ์การค้นหาใน Google เพราะบางครั้งเจ้าอาการที่ไม่ได้เจ็บปวดรุนแรงแต่สร้างความรำคาญให้กับชีวิตประจำวันเช่นนี้ ก็อาจเกิดจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตของเราเองในแต่ละวัน ไม่ว่าจะเป็นความเครียดจากการทำงานและสังคมรอบตัว การดื่มแอลกอฮอล์เป็นกิจวัตร การเข้านอนดึก นอนไม่เป็นเวลา ให้เวลาพักผ่อนในแต่ละวันน้อยเกินไป ตลอดจนอาการที่เกิดจากการใช้ยาแก้ปวดติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน นั่นยังไม่รวมถึงว่าแท้จริงแล้วคุณอาจกำลังมีปัญหาสายตาผิดปกติโดยไม่รู้ตัวก็เป็นได้
แต่ถึงอย่างนั้นบางครั้งอาการปวดศีรษะดังกล่าวก็อาจเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงโรคร้ายแรงได้เช่นกัน หากว่าเป็นการปวดที่มาพร้อมกับอาการอื่นๆ ร่วมด้วย อย่าง แขนขาอ่อนแรง คอแข็ง มีอาการชักกระตุกที่บริเวณอวัยวะต่างๆ เป็นต้น ซึ่งนอกจากโรคเนื้องอกในสมองซึ่งมักจะเป็นโรคต้องสงสัยอันดับหนึ่งในใจหลายๆ คนแล้ว บางครั้งอาการปวดเรื้อรังก็อาจเป็นสัญญาณของโรคอื่นๆ ได้อีก เช่น โรคหลอดเลือดสมอง โรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง ซึ่งหากคุณไม่ได้เป็นคนที่มีพฤติกรรมเสี่ยงใดๆ แต่กลับมีอาการเหล่านี้เกิดขึ้น ก็ควรรีบไปเข้ารับการตรวจรักษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยเร็วที่สุด
ปวดท้องน้อย
อาการปวดท้องในบริเวณจุดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ชายโครงซ้าย ชายโครงขวา ใต้ลิ้นปี่ รอบสะดือ ปวดทั้งซ้ายทั้งขวา ปวดตลอดด้านหน้า หรือตลอดด้านหลัง (เดี๋ยว! อันนี้เรียกปวดหลัง!) คือหนึ่งในอาการยอดฮิตอันดับต้นๆ ที่มักทำให้คนต้องหันมาพึ่งเซิร์จเอนจิ้นเพื่อตรวจสอบสุขภาพเบื้องต้น ทว่าที่ฮิตในฮิตยิ่งกว่าฮิตก็เห็นจะเป็นอาการปวดบริเวณท้องน้อย ซึ่งมีโอกาสเป็นไปได้ตั้งแต่แค่ไส้ติ่งอักเสบ นิ่วในท่อไต ไปยันเนื้องอกในลำไส้ ขึ้นอยู่กับอาการที่มีร่วมด้วย
ทว่านอกจากแค่อาการปวดซึ่งเป็นผลลัพธ์ปลายทางแล้ว พฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันก็เป็นอีกสิ่งที่เราควรนำมาพิจารณาประกอบด้วย ไม่ว่าจะเป็นการเลือกรับประทานอาหาร ว่ามักจะกินแต่อาหารมันจัดๆ มีแต่เนื้อสัตว์ เป็นของปิ้งย่าง แทบไม่มีผักหรือผลไม้ เลยหรือเปล่า หรือเป็นคนที่ดื่มแอลกอฮอล์จัด ดื่มน้ำเปล่าน้อย มักกลั้นปัสสาวะเป็นประจำหรือไม่ และด้วยความที่อาการปวดท้องน้อยนั้นเป็นอาการร่วมของโรคที่ร้ายแรงและไม่ร้ายแรงต่างๆ มากมาย ครอบคลุมหลายอวัยวะด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น ลำไส้ ไต กระเพาะปัสสาวะ รังไข่ มดลูก ดังนั้นหากทดลองปรับเปลี่ยนพฤติกรรมแล้วอาการต่างๆ ยังไม่ดีขึ้น การพบหมอเสียแต่เนิ่นๆ เพื่อวิเคราะห์หาสาเหตุที่แท้จริงก็ดูจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด
เจ็บหน้าอก
ถ้าอาการเจ็บหน้าอกที่เกิดขึ้นไม่ได้มีสาเหตุมาจากการอกหัก ทักแชทขึ้น seen แต่ไม่ตอบ ล่ะก็ ดูเหมือนว่าร่างกายของคุณจะเจอกับปัญหาเสียแล้ว แต่อย่าเพิ่งตระหนกตกใจไป เพราะแม้ว่าแนวโน้มของอาการเจ็บหน้าอกมักจะนำมาซึ่งโรคร้ายแรงได้มากกว่า ไม่ว่าจะเป็นโรคเกี่ยวกับหัวใจ เยื่อหุ้มหัวใจ ตับอ่อนอักเสบ โรคเกี่ยวกับปอดและทางเดินหายใจต่างๆ ทว่าจริงๆ แล้วอาการเจ็บหน้าอกก็อาจเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงโรคทั่วไปอย่างกรดไหลย้อน หรือการบาดเจ็บกล้ามเนื้อหน้าอกเนื่องจากการออกกำลังกายได้เช่นกัน ขึ้นอยู่กับลักษณะของการเจ็บ ว่าเป็นเจ็บแสบ เจ็บแปล๊บ เจ็บปวดแน่นๆ เจ็บจุก หรือเจ็บแบบใดกันแน่
ซึ่งถ้าหากคุณเป็นคนที่มีพฤติกรรมแย่ๆ อย่าง กินอาการไม่ตรงเวลา กินของทอดของมัน ชอบกินอาหารรสรสเปรี้ยวจัดเผ็ดจัด ดื่มน้ำอัดลมหรือแอลกอฮอล์เป็นประจำ กินเสร็จแล้วนอนทันที ล่ะก็ สันนิษฐานไว้ก่อนได้เลยว่าคุณกำลังย่างขาเข้าสู่โรคยอดฮิตของคนเมืองในยุคนี้อย่างโรคกรดไหลย้อนข้างหนึ่งแล้ว ซึ่งแม้การเป็นกรดไหลย้อนอาจจะดีกว่าตรวจพบว่าเป็นโรคหัวใจ หรือโรคร้ายแรงอื่นๆ แต่หากคุณยังไม่ลด ละ เลิกพฤติกรรมเสี่ยงเหล่านี้ รวมถึงเข้ารับการรักษาอย่างจริงจัง จากความเจ็บป่วยธรรมดาๆ ก็อาจพัฒนากลายเป็นโรคมะเร็งหลอดอาหารได้ในที่สุด
แขนขาอ่อนแรง
แขนขาอ่อนแรงคือหนึ่งในอาการสำคัญของโรคร้ายแรงที่หลายคนเริ่มรู้จักมากขึ้นในยุคนี้อย่าง โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง หรือ ALS (Amyotrophic Lateral Sclerosis) เนื่องจากมีคนดังในวงการต่างๆ ทั่วโลกที่เป็นโรคนี้ โดยที่เรารู้จักกันดีก็อย่างเช่น Stephen Hawking นักฟิสิกส์ผู้ยิ่งใหญ่ ความน่ากลัวของโรคนี้ก็คือในปัจจุบันยังไม่มีการค้นพบยาที่สามารถรักษาโรคดังกล่าวให้หายขาด ทำได้เพียงประคับประคองอาการเพื่อยืดอายุออกไปเท่านั้น นอกจากนี้อาการดังกล่าวยังมีแนวโน้มบ่งชี้ถึงโรคที่น่ากลัวไม่แพ้กันอื่นๆ ได้อีก ไม่ว่าจะเป็น โรคหลอดเลือดสมองตีบตัน หรือภาวะอัมพฤกษ์
แต่ก่อนที่จะตื่นตูมกันไปใหญ่เพราะเปิดเว็บไซต์ไหนก็บ่งชี้แต่โรคร้ายแรงทั้งนั้น บางครั้งอาการอ่อนแรงที่เกิดขึ้นหากเกิดขึ้นเป็นระยะเวลาสั้นๆ และไม่มีอาการอย่างอื่นเช่น กลืนอาหารลำบาก หรือกล้ามเนื้อเต้นกระตุก ร่วมด้วย ก็อาจเป็นภาวะบ่งชี้ถึงการพักผ่อนไม่เพียงพอของเราเท่านั้น หรือบางครั้งที่จริงแล้วแขนขาที่เราคิดว่าอ่อนแรง อาจจะเป็นเพียงอาการชาซึ่งเกิดจากการนั่งทับอวัยวะใดอวัยวะหนึ่งนานๆ การขาดวิตามินบี หรือเป็นอาการบ่งชี้เริ่มต้นของโรคเบาหวาน รูมาตอยด์ ภาวะขาดไทรอยด์ ก็เป็นได้ อ้อ แต่ถ้าอาการแขนขาอ่อนแรงเหล่านี้เกิดขึ้นหลังจากเห็นบิลบัตรเครดิตสิ้นเดือนล่ะก็ ไม่ต้องตกใจไป คุณแค่เป็นโรคทรัพย์จางเท่านั้นเอง
iShield ประกันคุ้มครองชีวิตและโรคร้ายแรงยอดฮิตตลอดชีพ
แม้บางครั้งเพราะการใช้ชีวิตภายใต้พฤติกรรมเสี่ยงต่างๆ จะเป็นสาเหตุของอาการชวนกังวลใจจนคุณต้องแล่นไปถามคุณหมอ Google อยู่บ่อยๆ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าโอกาสที่คุณจะแจ็กพ็อตถูกโรคร้ายแรงต่างๆ โคจรเข้าร่างก็มีไม่น้อยเช่นกัน ทว่าด้วยความก้ำกึ่งเช่นนี้เองทำให้หลายคนเลือกเสี่ยงดวงที่จะไม่ทำประกันเพื่อดูแลเกี่ยวกับโรคร้ายแรงเหล่านี้ เพราะคิดว่าทำไปก็เหมือนจ่ายเบี้ยทิ้งไปเปล่าๆ ตลอดชีวิต และเพราะเข้าใจตรงจุดนั้น กรุงไทย-แอกซ่า จึงได้ออกประกันรูปแบบใหม่ที่เข้าใจถึงอินไซท์ของคนทุกช่วงวัย ซึ่งกังวลเกี่ยวกับคุ้มครองค่ารักษาโรคร้ายแรง แต่ก็ไม่อยากจ่ายเบี้ยแพงๆ ในอัตราก้าวหน้าไปตลอดชีวิต ภายใต้ชื่อว่า ‘iShield’
ข้อดีที่เห็นได้ชัดของประกันตัวนี้ พอจะสรุปออกมาง่ายๆ ได้ 5 ข้อคือ
- เบี้ยประกันคงที่ตลอดสัญญา แม้ว่าคุณจะมีอายุเพิ่มขึ้น ความเสี่ยงต่อการเป็นโรคมากขึ้น แต่ค่าเบี้ยที่ต้องจ่ายก็ยังคงเท่าเดิมตลอด ซึ่งคุณยังสามารถเลือกระยะเวลาในการชำระได้ตามต้องการตั้งแต่ 5 ปี 10 ปี 15 ปี และ 20 ปี อีกด้วย
- ครอบคลุมโรคร้ายแรงตั้งแต่โรคยอดฮิตยันโรคที่พบได้ไม่บ่อยถึง 70 โรค โดยแบ่งเป็นระยะเริ่มต้น 20 โรค และระยะร้ายแรง 50 โรค
- เคลมเบี้ยได้หลายครั้งสำหรับโรคร้ายแรงระยะเริ่มต้น โดยที่ไม่ต้องมีระยะรอคอยระหว่างโรค
- เบี้ยที่จ่ายไปไม่เสียเปล่า ไม่ว่าจะเป็นโรคร้ายแรงหรือไม่ โดยจะได้ผลประโยชน์คืนรูปแบบที่ดีที่สุด 100%
- ที่สำคัญการทำประกันนี้ยังสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้* (ตามเงื่อนไขของกรมสรรพากร) เหมือนได้เงินคืนมาดูแลปกป้องสุขภาพตัวเอง
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมสำหรับแบบประกัน iShield จากกรุงไทย-แอกซ่า ได้ที่ https://goo.gl/KCMSti หรือโทร 1159 ตลอด 24 ชม.