“ใช้จ่ายอย่างมีรสนิยม” “นิยมใช้เงินอนาคต” ใครๆ ก็ลงความเห็นกันว่านั่นคือส่วนผสมเข้มข้นของคนทำงานยุคนี้ที่เกิด และเติบโตมาพอดิบพอดีกับช่วงปี 1981-1997
ถือเป็นช่วงกระแสของการบริโภคนิยม เศรษฐกิจค่อนข้างแข็งแรง มีการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี โลกแฟชั่น ศิลปะ ดนตรีกำลังหวือหวาน่าตื่นเต้น สีสันในช่วงเวลานั้นคึกคักต่อเนื่องจนเติบโตมาเป็นกลุ่มคนวัยทำงานที่กำเงินก้อนใหญ่ ลงทุนไปกับความสะดวกรวดเร็วที่คุ้มค่า ที่พักอาศัยในฝัน ข้าวของเครื่องใช้ที่สะท้อนตัวตนภายใน จนบางครั้งอาจลืมเก็บเงินสำรองฉุกเฉินไว้เพื่อดูแลสุขภาพ ดังนั้นปฏิบัติการใช้เงินอนาคตจึงเริ่มขึ้นตาม Motto เก๋ๆ ที่ว่า Life is too short for regrets so I live for today.
อิสระในการจับจ่ายความสุขที่จับต้องได้จริง
เพราะคนรุ่นเราเกิดในช่วงภาวะแวดล้อมเศรษฐกิจที่ค่อนข้างดี ทำให้ได้รับการดูแลเอาใจใส่จากพ่อแม่เป็นอย่างดี มีการศึกษารักชอบการแสดงออก ไม่ชอบอยู่ในกรอบ ยิ่งเติบโตมาพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี โตมาในยุคที่อินเทอร์เน็ตเริ่มเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันสนุกที่จะแบ่งปันเรื่องราวข้าวของในชีวิตประจำวันให้โลกรู้ ข้อมูลสินค้าอยู่ในมือ เลือกสำรวจได้ตลอดเวลา ตัดสินใจง่ายแค่นิ้วสัมผัส บวกกับความเป็นคนอยู่กับปัจจุบัน เพราะฉะนั้นขอซื้อความสุขตรงหน้าไว้ก่อน ค่อยออมทีหลัง
ใครหลายคนรวมถึงผู้เขียนเองอาจจะส่ายหัวในตอนแรกที่ได้รู้ความจริงข้อนี้
ปัจจุบันความสุขตรงหน้าจับต้องได้ ซื้อหาได้จริง เงินได้มาก็ใช้ไป เพราะของดีมักไม่มีเวลาอยากได้ ไหนจะลงทุนไปกับกินอาหารดีๆ ทุกมื้อ ค่าสมัครลงวิ่งมาราธอนหลากหลายรายการ หรือลงทุนไปกับการเป็นสมาชิกรายเดือนของฟิตเนส ตามด้วยค่าเทรนเนอร์ เสื้อผ้า รองเท้ารักษาสุขภาพข้อเข่าอันจำเป็นเวลาวิ่งต่างๆ แล้วเหลือเงินเก็บออมพอน่ารักต่อปีไว้ให้อุ่นใจ
อาจดีพอ แต่ยังไม่พอ(อยู่)ดี
การอยู่กับปัจจุบัน และลงทุนไปกับการคัดสรรสิ่งที่ดีที่สุดต่อชีวิตในทุกด้านอาจดีพอแล้วสำหรับคนวัยทำงานอย่างเราๆ แต่การลงทุนเพื่อดูแลสุขภาพอาจยังไม่พอดี หลายคนจึงต้องแบกรับความเสี่ยงทั้งด้านสุขภาพการเงินที่ไม่แน่นอน ตลอดจนร่างกายที่ไม่รู้ว่าจะอ่อนแอลงเมื่อไหร่เพราะโรคบางอย่างก็ไม่เคยบอกกล่าวการมีอยู่ในตัวเรามาก่อนบ้างก็มาจากปัจจัยภายนอกรอบตัวที่เราควบคุมไม่ได้ เช่น น้ำตาลในเลือดสูงเกินพิกัดทั้งที่หุ่นยังผอมเพรียว ความเครียดสะสมอันเกิดจากการทำงาน เป็นต้น
สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่ควบคุมลำบาก แต่หากเราวางแผนดูแลสุขภาพไว้แต่แรก ความกังวลเรื่องค่ารักษาพยาบาลก็จะหมดไป
ไม่ว่าจะเป็นการเก็บเงินอย่างมีระบบ เพื่อเงินออมให้เพียงพอหากเกิดไม่สบายขึ้นมาหรือการสมัครประกันสุขภาพ ที่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายเพื่อรักษาอาการเจ็บป่วยที่เราไม่ได้วางแผนไว้ทั้ง ทั้งค่ายา ค่าหมอ ค่าห้องโรงพยาบาล เป็นต้น
การจับจ่ายสิ่งที่เป็นจริง และอยู่กับความสุขปัจจุบันเป็นเรื่องดี แต่ก็คงเป็นเรื่องดีไม่น้อย หากเราวางแผนการรับมือกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันด้านสุขภาพด้วยการสมัครประกันสุขภาพเพื่อว่าในวันฉุกเฉินของชีวิตจะมีใครบางคนเข้ามาดูแลค่ารักษาพยาบาลอย่างทันท่วงที และพร้อมที่จะเคียงข้างในวันที่คุณต้องการกำลังใจ
การเปลี่ยนความไม่แน่นอนให้เป็นความแน่นอนในการดูแลค่ารักษาพยาบาล นั่นคือค่าเบี้ยประกันสุขภาพในจำนวนเงินที่แน่นอน แถมเรายังเอาเวลาที่เหลือไปคิดเรื่องการเลือกจองร้านอาหารอร่อยเพื่อฉลองหลังจากหายป่วย เฟอร์นิเจอร์ชุดใหม่ที่อยากแต่งไว้ในห้อง หรือการสร้างสรรค์โปรเจ็กใหม่ๆ ให้ที่ทำงาน แทนที่จะหมดเวลาไปกับการคิดคำนวณจำนวนเงินค่ารักษา ที่เอ็ทน่า (Aetna) มีแผนประกันให้เลือกหลากหลาย ตอบโจทย์ Lifestyle ที่ต่างกันและที่สำคัญคุณสามารถเลือกแผนประกันได้อย่างอิสระ โดยไม่ผูกติดประกันชีวิต มาช่วยดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายต่างๆทั้ง ค่าหมอ ค่ายา ค่าผ่าตัดและยังพร้อมดูแลคุณในทุกช่วงชีวิต สมัครได้ตั้งแต่อายุ 15 วัน – 65 ปี และการันตีต่ออายุกรมธรรม์ตลอดชีพ หากสมัครก่อนอายุ 60 ปี
ไม่ว่าเป้าหมายการใช้ชีวิตของคุณคืออะไร เอ็ทน่าพร้อมเคียงข้างทุกเป้าหมายสุขภาพไปกับคุณ….