ว่ากันว่าในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า AI จะเป็นความหวังใหม่ที่จะพลิกโฉมหน้าของโลกใบนี้ไปจนแทบจำไม่ได้
ด้วยความสามารถอันไร้ขีดจำกัดที่พัฒนาไปทุกทิศทุกทาง มนุษย์กำลังจะสวมบทบาทพระเจ้าด้วยการให้คอมพิวเตอร์ที่ไม่หิว ไม่เหงา ไม่ป่วย ไม่เบื่อ คิด เรียนรู้ และทำงานแบบเดียวกันหรือล้ำยิ่งไปกว่าสมองของมนุษย์ เพื่อเข้ามาทำหน้าที่แทนมนุษย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยบริษัทระดับโลกอย่าง Google, Facebook, Apple, Microsoft, ฯลฯ ต่างให้ความสนใจอย่างจริงจัง จึงจับมือกันเป็นพันธมิตร เพื่อระดมสมองสร้างมาตรฐานกลางในการพัฒนา สร้างข้อตกลงร่วมกันทั้งในด้านเทคโนโลยีและกฎหมายสำหรับสิ่งใหม่ที่ยังไม่มีใครรู้จักมันอย่างแท้จริง
แม้เราจะเพิ่งมารู้จักคุ้นหูกับคำว่า Artificial Intelligence : AI (หรือที่เรียกในภาษาไทยว่าปัญญาประดิษฐ์) เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา ผ่านการถามคำถามตลกๆ กับ Siri หรือยิงมุกใส่ Cortana แต่เชื่อว่าเราหลายคนได้ผูกพันกับเจ้าสิ่งนี้กันมาจากเรื่องราวอันน่าประทับใจในภาพยนตร์หลากหลายแนวมานานนับสิบปี ผ่านตัวละคร AI ในภาพยนตร์ซึ่งมักรับบทเป็นผู้ซัพพอร์ตตัวเอกในด้านต่างๆ ก่อนที่ผู้ช่วยเหล่านั้นจะก้าวออกจากในจอมาสู่ชีวิตจริง
ผู้ช่วยคลายเหงา
ภาพยนตร์ไซไฟโรแมนติกดรามาที่ตราตรึงใจใครหลายคน อย่าง Her (2013) นำเอาความ ‘รู้ใจ’ ของ ‘ซาแมนธา’ ปัญญาประดิษฐ์สาวที่ไร้ตัวตนให้จับต้องมีเพียงเสียงสังเคราะห์ที่ส่งออกมา แต่นั่นก็เพียงพอแล้วที่จะเป็นเครื่องมือในการสร้างความผูกพันกับมนุษย์จริงๆ เพราะการประมวลผลถ้อยคำความคิดต่างๆ ของซาแมนธานั้นตอบโจทย์ความโหยหาต้องการใครสักคนของทีโอดอร์ได้อย่างตรงจุดตรงใจ ไม่ว่าจะเป็นลูกเล่นทางภาษาอันแพรวพราว เซนส์ความตลกและการแสดงอารมณ์ต่างๆ ผ่านน้ำเสียงความเป็นธรรมชาติที่ถูกโปรแกรมขึ้นมาอย่างตั้งใจ จึงไม่แปลกที่ใครหลายคนจะตกหลุมรักซาแมนธาได้เพียงแรกฟัง นั่นเป็นเพราะนอกจากเธอจะเก็บรายละเอียดข้อมูลเบื้องต้นของเขาตั้งแต่เมื่อแรกเข้าระบบแล้ว เธอยังคัดกรองอีเมลต่างๆ ที่ส่งมาหาพระเอกของเราด้วย ทำให้สะสมข้อมูลเกี่ยวกับตัวเขาอย่างเงียบเชียบละเอียดลออไม่กระโตกกระตาก ไม่ต่างจากอัลกอริทึมของโซเชียลมีเดียในทุกวันนี้ที่เราคลุกคลีอยู่ด้วยทั้งวันทั้งคืน AI มีฐานข้อมูลที่ถูกป้อนเข้าไปได้ไม่จำกัด จึงรับรู้ความต้องการของเราและตอบสนองได้ดีเยี่ยมเกินกว่าที่จะห้ามใจไม่ให้ตกหลุมรัก
ผู้ช่วยงาน
ใครหลายคนคงใฝ่ฝันว่าอยากจะมี Digital Life Assistant อย่าง J.A.R.V.I.S. (ซึ่งย่อมาจาก Just A Rather Very Intelligent System) เป็นของตัวเองสักครั้ง เพราะติดใจในความยียวนกวนประสาทต่อปากต่อคำกับเราได้อย่างเมามัน แต่เมื่อถึงเวลาเป็นงานเป็นการก็ช่วยเหลือให้ Iron Man ปฏิบัติภารกิจต่างๆ ลุล่วงไปได้ด้วยดีเพียงเอ่ยปากทักทาย J.A.R.V.I.S. ก็จะเริ่มต้นงานที่ได้รับมอบหมายด้วยความสามารถในการประมวลผลภาษาจดจำเสียงและใบหน้าได้อย่างแม่นยำ ควบคุมอุปกรณ์ข้าวของเครื่องใช้ในบ้านให้ทำงานได้เหมือนเมื่อครั้งที่ครอบครัว Stark ยังมีคุณพ่อบ้าน Edwin Javis คอยดูแลอย่างใกล้ชิด แถมยังล้ำไปกว่านั้นด้วยการแสดงผลต่างๆ แบบ 3D Hologram และประมวลผลความเสี่ยงต่างๆ ขณะปฏิบัติการความสามารถรอบด้านขนาดนี้ จึงกลายเป็นแรงบันดาลใจให้ Mark Zuckerberg สร้าง AI แบบเดียวกันนี้ เพื่อใช้ในบ้านของเขาเองเมื่อปี 2016 ที่ผ่านมาเลยเชียวนะ ซึ่งความสามารถอันหลากหลายของเจ้า AI นั้นไม่ได้มาเพราะโชคช่วย แต่เป็นเพราะวิธีการทำงานของมันนั้นก็จำลองมาจากรูปแบบการคิดของมนุษย์เรานี่เอง จึงทำให้พัฒนาได้อย่างรวดเร็วแถมยังเรียนรู้ระหว่างการทำงานได้อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
ผู้ช่วยคู่หูคู่ใจ
มหากาพย์สงครามอวกาศอย่าง Star Wars ก็เรียกได้ว่ามนุษย์และหุ่นยนต์นั้นแทบจะเดินชนกันไปมาอยู่ทุกภาค เป็นเพื่อนคู่หูร่วมคิดร่วมต่อสู้กับศัตรูฝ่ายตรงข้ามกันแบบเคียงบ่าเคียงไหล่ หุ่นยนต์บางชนิดจัดเป็นปัญญาประดิษฐ์ได้ด้วยเช่นกัน แต่ปัญญาประดิษฐ์ไม่จำเป็นต้องมีรูปร่างก็ได้เช่น L3-37 ใน Solo: A Star Wars Story (2018) เป็นแอนดรอยด์สาว ซึ่งทำหน้าที่เป็นนักบินผู้ช่วยบนยานมิลเลนเนียมฟอลคอนและเป็นคู่หูคู่กัดของแลนโด ว่ากันว่าเธอเป็นหุ่นยนต์ที่คิดเองเป็น มีความรู้สึกนึกคิดเป็นของตัวเองมากที่สุดในจักรวาลสตาร์วอร์สก็ว่าได้ เพราะในขณะที่หุ่นตัวอื่นๆ รับคำสั่งเพียงอย่างเดียว แต่ L3-37 สามารถคิดตัดสินใจเองได้ในการปฏิบัติภารกิจร่วมกับแลนโด ซึ่งในเวลาต่อมาฐานข้อมูลทั้งหมดทั้งมวลของเจ้าหุ่นตัวนี้ได้ถูกถ่ายทอดเชื่อมต่อเข้ากับยานมิลเลนเนียม ฟอลคอนจนกลายเป็นระบบปัญญาประดิษฐ์ในการขับเคลื่อนยานแทน แม้จะไม่มีรูปร่างเป็นตัวเป็นตนเหมือนเดิมแล้วก็ตาม ไม่ว่าจะอยู่ในรูปแบบไหน AI ก็สามารถเติมเต็มส่งเสริมศักยภาพของมนุษย์เราให้สมบูรณ์ขึ้น อุดช่องโหว่ของข้อจำกัดทางร่างกายหรือลดระยะเวลาในการคิดคำนวณให้สั้นลงอย่างมหาศาล
ผู้ช่วยเรื่องลงทุน
เมื่อก้าวออกมาจากโลกของหนัง ในชีวิตจริงเราก็มี AI ที่ทำให้ชีวิตของเราง่ายและสมดุลมากขึ้น ทำให้ความต้องการในเรื่องสำคัญของชีวิตกับความเป็นไปได้เข้าใกล้กันมากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องการบริหารเงินลงทุนในกองทุนรวม ซึ่งมีความเสี่ยงเข้ามาเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญ มนุษย์เราจึงสร้างสรรค์แอปพลิเคชันตัวช่วยขึ้นมาสารพัดเพื่อให้กลายเป็นเรื่องง่ายมากยิ่งขึ้น อย่างแอป K-My Funds จากบลจ.กสิกรไทยที่เกิดขึ้นจากการจับมือกันระหว่าง Fund Manager มืออาชีพกับ AI กลายมาเป็นฟังก์ชันสุดล้ำจึงเหมือนมี “Digital Wealth Advisor” ผู้ช่วยส่วนตัวด้านการลงทุนติดตัวไปทุกที่บนสมาร์ทโฟน ที่มีฟังก์ชันพอร์ตแนะนำตามความเสี่ยง ให้เราเลือกลงทุนตรงตามความระดับความเสี่ยงได้มากที่สุด Smart Notification แจ้งเตือนการลงทุนที่จำเพาะเจาะจงสำหรับแต่ละคน เพื่อคัดสรรกองทุนที่ใช่หรืออยู่ในความสนใจให้เราลงทุนได้อย่างถูกต้องแม่นยำ ผ่านการประมวลผลด้านข้อมูลโดยใช้ Big Data ให้ปรับพอร์ตได้ทันสถานการณ์ ทั้งยังย่อโลกของกองทุนมาไว้ใน Fund story ที่นำเสนอข้อมูลกองทุนครบทุกประเภท กองทุนเด่นประจำเดือนและกองทุนแนะนำ แสดงให้เห็นถึงภาพรวมทั้งข้อมูล NAV ล่าสุด ข้อมูล NAV ย้อนหลัง นโยบายการลงทุน สัดส่วนการลงทุน ประวัติการจ่ายเงินปันผล และผลการดำเนินงานย้อนหลัง
ต่อให้ยังไม่มีบัญชีกองทุนรวม ก็สามารถดาวน์โหลด K-My Funds มาลองใช้งาน เพื่อเตรียมพร้อมก่อนลงทุนจริงได้แบบไม่ต้อง Log-in
นี่จึงถือเป็นการผสานความสามารถของมนุษย์กับความฉลาดล้ำของ AI มาสร้างสรรค์สิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อการดำรงชีวิต ไม่ปล่อยให้เป็นเพียงผู้ช่วยในจออีกต่อไป แต่กลายมาเป็นผู้ช่วยที่รู้ใจเรื่องการเงินที่ขาดกันไม่ได้เลยจริงๆ ข้อมูลเพิ่มเติม K-My Funds ที่ https://bit.ly/2Mh3JWO
ผู้ลงทุนโปรดทำความเข้าใจลั
ข้อมูลอ้างอิงจาก
https://www.wired.co.uk/article/mark-zuckerberg-jarvis-ai
http://ironman.wikia.com/wiki/J.A.R.V.I.S.
https://www.theatlantic.com/entertainment/archive/2018/05/the-soul-of-solo-is-a-droid/560969/