รู้หรือไม่ว่าในแต่ละปี อาหารกว่า 1,300 ล้านตัน หรือ 1 ใน 3 ของอาหารที่ผลิตได้ทั่วโลก ต้องกลายเป็นขยะอาหาร (Food Waste) ที่ถูกทิ้งอย่างสูญเปล่า และสร้างก๊าซเรือนกระจกมากถึง 8% ในขณะที่คนกว่า 830 ล้านคนทั่วโลกกลับประสบภาวะอดอยาก
เรียกว่าเป็นความย้อนแย้งอย่างมากของวิกฤตขยะอาหารที่กำลังเกิดขึ้นทั่วโลก ส่วนในประเทศไทยเอง กว่า 60% ของขยะมาจากขยะอาหาร โดยส่วนใหญ่เป็นเศษอาหารหรืออาหารเหลือทิ้งจากการบริโภค และอาหารส่วนเกินที่มีลักษณะภายนอกไม่สวยงามหรือไม่ได้มาตรฐานของร้านค้า ซึ่งมีสถานะวิกฤตไม่ต่างกัน
แต่ขณะเดียวกัน ขยะอาหารเหล่านี้ สามารถบริหารจัดการได้ด้วยการวางแผน รวมถึงเป็นโอกาสให้ MSMEs หรือวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อย และขนาดเล็ก ที่อยู่ในกลุ่มธุรกิจอาหาร สามารถสร้างคุณค่าและไอเดียใหม่ๆ จากขยะอาหาร ที่ให้ทั้งกำไรและใส่ใจสิ่งแวดล้อม เพื่อเพิ่มความเข้มแข็งของธุรกิจและการเติบโตที่ยั่งยืนได้ ไม่ว่าจะเป็นการทำปุ๋ยออร์แกนิกจากการหมักขยะเศษอาหาร, การเป็นตัวกลางรับอาหารคุณภาพดีจากร้านชั้นนำมาจำหน่ายในราคาพิเศษ, การขายผลผลิตทางการเกษตรที่อาจไม่สวยแต่คุณภาพดีในราคาที่จับต้องได้ และการใช้เทคโนโลยีในการลดปริมาณขยะอาหาร เป็นต้น
นอกจากนี้ เพื่อเป็นการผลักดันประเด็นดังกล่าวในเวทีการประชุม APEC 2022 ที่ไทยเป็นเจ้าภาพ กระทรวงการต่างประเทศ ได้ร่วมกับสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) และสภาที่ปรึกษาทางธุรกิจเอเปคของไทย (APEC Business Advisory Council: ABAC) จัดการประชุมเชิงปฏิบัติการผ่านระบบการประชุมทางไกลในหัวข้อ ‘การยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับ MSMEs เพื่อภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกที่ครอบคลุมและยั่งยืน: การลดขยะภาคอาหารในห่วงโซ่อุปทาน’ เมื่อต้นปีที่ผ่านมา โดยแนวคิดสำคัญที่สรุปได้จากการประชุมดังกล่าว มีดังนี้
1) ความท้าทายหลักสำหรับ MSMEs ในการลดขยะอาหารซึ่งเป็นต้นทุนและข้อจำกัดด้านศักยภาพ กุญแจสำคัญคือความร่วมมือแบบหุ้นส่วนภาครัฐและเอกชน การมีแพลตฟอร์มในระดับภูมิภาคเพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และสร้างศักยภาพ รวมทั้งการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีสมัยใหม่และดิจิทัลโซลูชั่น เช่น แอปพลิเคชันเพื่อการแบ่งปันอาหาร ถังขยะอัจฉริยะเพื่อแยกขยะอาหารกับขยะอื่นๆ และเทคโนโลยีที่ช่วยติดตามข้อมูลการสูญเสียอาหารในร้านอาหาร เพื่อสร้างความตระหนักรู้และลดการสร้างขยะอาหาร เป็นต้น
2) การลดขยะอาหาร ต้องอาศัยความร่วมมือแบบองค์รวมจากทุกภาคส่วนในห่วงโซ่มูลค่า โดยให้ความสำคัญต่อการป้องกันการสร้างขยะ มากกว่าการจัดการขยะและฟื้นฟู
3) การใช้ประโยชน์จากอาหารอย่างเต็มศักยภาพ และแปลงขยะให้มีมูลค่าถือเป็นปัจจัยสำคัญเช่นกัน ซึ่งเป็นแนวคิดที่สอดคล้องกับแนวคิด BCG Economy Model ที่เป็นแนวคิดสำคัญในการขับเคลื่อนแก้ไขปัญหาดังกล่าว
จะเห็นได้ว่า การแก้ไขปัญหาวิกฤตขยะอาหาร จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือแบบองค์รวมจากทุกภาคส่วน เพื่อนำไปสู่การเติบโตของ MSMEs และช่วยคลี่คลายปัญหาสิ่งแวดล้อมได้อย่างยั่งยืน