เชื่อว่าเป้าหมายหนึ่งของนักวิ่งมาราธอนทุกคน คือการทำลายสถิติข้อจำกัดของตัวเอง ด้วยการทำเวลาให้ดียิ่งขึ้นหรือทำระยะทางให้ไกลกว่าเดิม แต่เชื่อว่าอีกหนึ่งเป้าหมายที่หลายคนอยากจะพิชิตให้ได้ นั่นคือการได้ไปวิ่งในสนามแข่งขันระดับโลก
BMW Berlin Marathon คือหนึ่งในรายการวิ่งมาราธอน 1 ใน 6 เมเจอร์ของโลก ที่จัดขึ้นในทุกเดือนกันยายน ณ กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี ถือเป็นหนึ่งในสนามวิ่งในฝันที่นักวิ่งมาราธอนหลายคน อยากจะลองไปสัมผัสดูสักครั้งหนึ่งในชีวิต โดยในปีล่าสุดที่เพิ่งผ่านพ้นไป ข่าวของ Eliud Kipchoge นักวิ่งจากเคนย่าที่ทำลายสถิติโลกไปหมาดๆ ณ สนามแห่งนี้ ก็ยิ่งกระตุ้นให้ใครหลายคนอยากจะลองตามรอยเส้นทางวิ่งอันแสนท้าทายนี้มากยิ่งขึ้น
ลองไปหาเหตุผลกันดูว่าเพราะอะไร ประวัติศาสตร์อันยาวนานของ BMW Berlin Marathon ถึงได้เป็นเป้าหมายให้นักวิ่งอย่างเราๆ อยากจะลองไปพิชิต และลองฟังประสบการณ์ของคนไทยที่เคยไปสัมผัสสนามแห่งนี้มาแล้ว
เส้นทางที่น่าทึ่ง
ลองจินตนาการถึงภาพของนักวิ่งจากทั่วโลกกว่า 40,000 คน มารวมตัวกันอยู่ที่จุดสตาร์ท ณ ประตู Brandenburg แลนด์มาร์กที่ตั้งอยู่ใจกลางกรุงเบอร์ลิน ซึ่งเคยเป็นจุดเส้นเขตแดนที่แบ่งเยอรมนีตะวันออก และตะวันตก ภายหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ลมหายใจของนักวิ่งที่สูบเข้าออกดังอยู่รายรอบผสมไปกับเสียงพูดคุยหลายภาษาของผู้คนหลากเชื้อชาติ ก่อนที่เสียงปืนปล่อยตัวจะดังสนั่นขึ้น แล้วทุกคนก็ก้าวเท้าออกไปพร้อมๆ กัน นี่คือโมเมนต์อันแสนมหัศจรรย์ที่นักวิ่งหลายคนอยากจะไปอยู่ในช่วงเวลานั้น เพราะเสน่ห์สำคัญอย่างหนึ่งของการวิ่งมาราธอนที่หาไม่ได้จากกีฬาชนิดไหนๆ คือการได้สัมผัส และเป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่นั้นๆ แตกต่างจากการแข่งขันในสนามกีฬาอื่นๆ ทั่วไป เพราะเส้นทางการวิ่งคือเอกลักษณ์ที่สนามแต่ละสนามให้ได้ไม่เหมือนกัน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการได้สัมผัสกับประวัติศาสตร์สองข้างทางของเมืองเบอร์ลิน เมืองที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน ตลอดระยะทางกว่า 42.195 กิโลเมตร ซึ่งหลังจากออกสตาร์ท สถานที่แรกที่ปรากฏตรงหน้าคือ Berlin Victory Column วงเวียนขนาดใหญ่ซึ่งเป็นที่ตั้งของ เสาชัยชนะ Siegessäule อนุสาวรีย์ความสูงกว่า 8.3 เมตร ที่สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองชัยชนะของปรัสเซียนหรือเยอรมันขณะนั้น ในสงครามกับเดนมาร์ก ออสเตรีย และฝรั่งเศสช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ขณะที่สองข้างทางเต็มไปด้วยผู้ชมที่คอยปรบมือและโห่ร้องให้กำลังใจอยู่เป็นระยะๆ ผ่านอาคาร The Reichstag ที่ก่อสร้างมาตั้งแต่ปี 1894 ในสมัยจักรวรรดิเยอรมัน ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของรัฐสภาเยอรมัน จนกระทั่งถึงจุดแลนด์มาร์กสำคัญอย่าง จัตุรัส Potsdamer Platz จุดที่เคยเป็นยุทธศาสตร์สำคัญของการสร้างกำแพงเบอร์ลิน แต่หลังจากเสร็จสิ้นสงครามเย็น กำแพงนี้ก็ถูกทำลายลงในปี 1989 ซึ่งในปัจจุบันไปแปรเปลี่ยนเป็นย่านหนึ่งที่ได้ชื่อว่าทันสมัยที่สุดในเบอร์ลินไปแล้ว ก่อนเส้นทางจะนำไปสู่เส้นชัยที่ประตู Brandenburg อีกครั้ง
สถิติที่น่าจดจำ
สิ่งที่ BMW Berlin Marathon ให้ประสบการณ์แก่นักวิ่ง นอกจากเรื่องราวของสถานที่ทางประวัติศาสตร์ที่รายล้อมตลอดสองข้างทางแล้ว สิ่งหนึ่งที่นักวิ่งต้องเผชิญในทุกๆ สนามคือการเอาชนะขีดจำกัดของตนเองในการวิ่ง ซึ่งสภาพของสนามคือสิ่งมีผลเป็นอย่างมาก อย่างที่ทราบกันว่าสนามแห่งนี้คือสนามที่มีการทำลายสถิติบ่อยครั้งที่สุด ย้อนกลับไปในปี 2014 Dennis Kimetto นักวิ่งชาวเคนย่าเคยทำสถิติโลกไว้ที่ 2.02.57 ชั่วโมง ก่อนที่ในปีนี้จะถูกทำลายลงอีกครั้งจากเพื่อนร่วมชาติอย่าง Eliud Kipchoge นักวิ่งจากเคนย่าที่ทำลายสถิติโลกที่เวลา 2.01.39 ชั่วโมงได้อย่างไรข้อกังขา ซึ่งหากจะลองวิเคราะห์ปัจจัยในการทำลายสถิติแล้ว อย่างแรกคือเรื่องของสภาพอากาศ โดยในวันที่ 16 กันยายน 2018 ซึ่งเป็นวันแข่งขัน อุณหภูมิของเมืองเบอร์ลินอยู่ที่ 14 องศา ถือว่าเป็นความเย็นที่กำลังพอเหมาะต่อการวิ่งเพื่อทำเวลาได้เป็นอย่างดี
ปัจจัยอื่นๆ ที่นักวิ่งส่วนใหญ่บอกต่อๆ กันมา คือสนามแห่งนี้มีพื้นถนนส่วนใหญ่เป็นยางมะตอยที่มีความยืดหยุน ช่วยเซฟข้อเข่าของนักวิ่งให้ไม่มีปัญหาบาดเจ็บได้อย่างเห็นผล แตกต่างจากสนามอื่นๆ ที่เป็นคอนกรีต รวมไปถึงเส้นทางวิ่งที่เป็นเส้นตรง มีโค้งน้อย และความชันของถนนที่ไม่ต่างกันมากนัก ทำให้เร่งทำความเร็วได้ดีกว่าปกติ นอกจากนั้นคือเสียงเชียร์จากผู้ชมตลอดสองข้างทางที่ว่ากันว่ามีผู้ชมกว่าล้านคนที่พร้อมใจกันออกมาชมการแข่งขัน สร้างความคึกคักด้วยการร้องเพลงเชียร์และปรบมือให้กำลังใจ นับเป็นอีกหนึ่งแรงกระตุ้นสำคัญที่ทำให้นักวิ่งหลายคนสามารถทำเวลาได้ดีที่สุดในสนามแห่งนี้
ประสบการณ์ที่ยากจะลืม
จากเรื่องราวที่กล่าวมาข้างต้น คงไม่มีสิ่งใดจะยืนยันได้ดีไปกว่าประสบการณ์จริงของคนไทย ที่มีโอกาสได้ไปสัมผัสเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา กับทริป BMW Berlin Marathon 2018 – #MissionBerlin ในโปรแกรม The Ultimate JOY Experience ที่มอบสิทธิพิเศษเฉพาะผู้ใช้รถ BMW เท่านั้น ซึ่งก่อนที่จะเดินทางผู้ร่วมทริปทุกคนยังได้เข้าร่วมการฝึกซ้อมโปรแกรมพิเศษเพื่อเตรียมความพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจกับ ครูดิน – สถาวร จันทร์ผ่องศรี อดีตนักวิ่งมาราธอนทีมชาติไทย และโค้ชพิเศษของทริปนี้ “ทุกคนมีความตั้งใจ มีวินัยในการซ้อม มีความมุ่งมั่นมากๆ และสิ่งที่ทำให้ครูรู้สึกดีมากๆ เพราะทุกคนมีเป้าหมายมากกว่าการทำสถิติ นั่นคือความสุข และความสนุกในการวิ่งในสนามระดับเวิลด์เมเจอร์แห่งนี้” ครูดินเล่าถึงความตั้งใจของผู้ร่วมทริปทุกคน
ด้านผู้ร่วมทริปอย่าง คุณอาร์ม – นพ.ธนิต ประสพโภคากร ก็ได้บอกเล่าถึงความรู้สึกที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการแข่งขันว่า “ไม่เคยคิดว่าชีวิตนี้จะได้วิ่งในงานมาราธอนระดับเวิลด์เมเจอร์มาก่อน เพราะจับล็อตโต้ได้ยากมาก แต่ก็ได้โอกาสดีๆ นี้จากทางโปรแกรม The Ultimate JOY Experience และเมื่อได้โอกาสแสนหายากนี้มาแล้ว ผมจึงตั้งใจซ้อมหนักมาก ด้วยความตั้งใจว่าจะทำเวลาให้ได้น้อยกว่า 5 ชั่วโมง พอไปถึงก็ทำเวลาได้ดีที่สุดตามที่ตั้งใจ รู้สึกภูมิใจมาก รวมถึงการได้มาเป็นส่วนหนึ่งของสนามมาราธอนระดับนี้ ได้วิ่งตามรอยเท้า Kipchoge ได้ลอดประตูชัยวันเดียวกันกับที่เขาทำลายสถิติโลก และได้มาเห็นกับตาตัวเองว่าบรรยากาศงานวิ่งระดับโลกมันเป็นอย่างไร เพราะต่อให้อ่านบทสัมภาษณ์ ดูคลิปการวิ่งมากี่ที่ ก็ไม่เทียบเท่าการได้มาวิ่งเองจริงๆ ครั้งเดียว”
ส่วนผู้ร่วมทริปอีกคนอย่าง ดีเจอ้น – อัตตพงษ์ อัตตกิจกุล ที่เคยบาดเจ็บข้อเท้ามาก่อน จึงทำให้ต้องหยุดเล่นกีฬาเป็นเวลานาน แต่การได้มาร่วมทริปครั้งนี้ ทำให้ได้เข้าโปรแกรมฝึกซ้อมวิ่งของครูดิน ก่อนจะหวนกลับมาสู่การเป็นนักวิ่งได้อีกครั้ง “ทริป BMW Berlin Marathon 2018 – #MissionBerlin ถือว่าเปลี่ยนชีวิตผมเลย ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะกลับมาอยู่บนเส้นทางนี้ได้อีกครั้ง ตอนนี้ผมกลายเป็นคนหลงใหลการวิ่งมาก โดยเฉพาะหลังจากที่ได้ร่วมทริปนี้ ผมได้ความสุข ได้แรงบันดาลใจ และทำให้รู้ว่าศักยภาพตัวเองไปได้ไกลแค่ไหน”
ขณะเดียวกันครูดินเอง ถึงแม้จะเคยผ่านงานวิ่งระดับเมเจอร์มาแล้วถึง 2 สนาม แต่สำหรับประสบการณ์ครั้งแรกที่สนามแห่งนี้ ก็ยังเป็นสิ่งที่ประทับใจไม่แพ้กัน “ครั้งนี้เป็นมาราธอนที่ครูวิ่งสนุกที่สุด เพราะประทับใจทั้งเส้นทางและกองเชียร์หลายเชื้อชาติทั่วโลกที่มาร่วมงาน ทำให้บรรยากาศค่อนข้างแตกต่างจากสนามเวิลด์เมเจอร์อื่นๆ นอกจากนี้ สนามนี้ยังมีมนต์ขลังและเต็มไปด้วยเสน่ห์ เพราะเป็นสนามที่นักวิ่งทุกคนใฝ่ฝันว่าจะสามารถทำลายสถิติของตัวเองได้ ความรู้สึกของอดีตนักวิ่งระดับทีมชาติอย่างครูที่ได้มีโอกาสวิ่งบนเส้นทางเดียวกับนักวิ่งระดับโลก และเป็นเส้นทางที่มีการทำลายสถิติโลกครั้งนี้ เรียกได้ว่าเป็นโอกาสที่หาได้ยากมากๆ”
และอีกไม่นานจะมีการประกาศผลการจับล็อตโต้ของ BMW Berlin Marathon 2019 ในช่วงสิ้นเดือนพฤศจิกายนนี้แล้ว สำหรับใครที่พลาดไปก็ไม่ต้องเสียใจ เพราะเจ้าของรถ BMW ที่เป็นสมาชิกโปรแกรม The Ultimate JOY Experience
ยังมีโอกาสที่จะได้สัมผัสประสบการณ์อันล้ำค่า และคว้าโอกาสในการวิ่งมาราธอนระดับโลกครั้งนี้ เพียงแต่ต้องติดตามกันแบบไม่ให้คลาดสายตา เพราะโปรแกรมนี้บอกเลยว่าได้รับความสนใจอย่างล้นหลามทุกปี
สามารถติดตามกิจกรรมและทริปสุด exclusive ครั้งต่อไปเร็วๆ นี้ที่ www.bmwultimatejoy.com และ www.facebook.com/bmwultimatejoy
อ้างอิงข้อมูลจาก
https://www.runnersworld.com/news/a23244541/berlin-marathon-world-record/
https://www.bbc.com/news/magazine-29480460
https://theculturetrip.com/europe/germany/articles/everything-you-need-to-know–about-the-berlin-marathon/