เป็นที่รู้กันว่า การรับประทานอาหารตามใจปาก หรือที่เรียกว่า You Are What You Eat เป็นบ่อเกิดของโรคที่พากันเดินพาเหรดมาจากตับ ไต ไส้ พุงของคุณ
โดยเฉพาะโรคไม่ติดต่อเรื้องรัง (NCDs) อย่างโรคเบาหวาน โรคหลอดเลือดสมองและหัวใจ โรคมะเร็ง โรคความดันโลหิตสูง และโรคอ้วนลงพุง สำหรับประเทศไทย สถิติล่าสุดพบว่ามีถึง 14 ล้านคน ที่เป็นโรคในกลุ่มโรค NCDs และที่สำคัญเป็นสาเหตุหลักการเสียชีวิตของประชากรทั้งประเทศ ซึ่งโรค NCDs เหล่านี้เป็นโรคเชิงพฤติกรรม ของมนุษย์ที่เกิดขึ้น จากการมีพฤติกรรมเสี่ยงต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการทานอาหารที่ มัน เค็ม หรือ หวานจนเกินไป รวมถึงมีกิจกรรมทางกายที่น้อย ซึ่งทางแก้ง่ายๆ ที่จะทำให้เราห่างไกลจากโรคเหล่านี้ เริ่มต้นได้จากการที่เราต้องเปลี่ยนพฤติกรรมของเราโดยเฉพาะในเรื่องของการกิน!
แต่ทว่าอาหารไทยสุดแซ่บนั้น ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า เป็นอาหารที่อุดมไปด้วย รสหวาน รสเค็ม และความมัน อีกทั้งการปรุงรสที่พร้อมจะสาดผงชูรสให้นัวถึงใจ ตรงนี้เอง ทำให้คนที่ยังติดรสชาติรู้สึกขยาดอาหารเพื่อสุขภาพ หรือสมัยนี้ที่เรียกว่าอาหารคลีน โดยมองว่าเป็นอาหารเหล่านี้เป็นอาหารนก อาหารกระต่ายไปเสียหมด สมชื่อแฮชแท็ก #ไม่อร่อยอย่าแ_ก ซึ่งแท้จริงแล้ว เราสามารถทำอาหารเพื่อสุขภาพให้เป็นอาหารรสดีเด็ดได้ โดยมีหลักประยุกต์ง่ายๆ ด้วยการ “ลดหวาน ลดมัน ลดเค็ม ลดโรค” เพียงเท่านี้ เราจะมีสุขภาพที่ดีขึ้น โดยที่เรายังสามารถกินอาหารอร่อยๆ ได้เหมือนเดิม
อย่ากินก่อโรค
อะไรที่มากไปมักไม่ดี การกินอาหารปรุงแต่ง หมักดอง หรืออาหารที่มีรสหวาน มัน เค็ม อย่างสม่ำเสมอ ล้วนเป็นบ่อเกิดของโรคร้าย อาทิ โรคอ้วน เบาหวาน ตับ ไต ไปจนถึงมะเร็ง ฉะนั้น รักษาสมดุลด้วยการหันมารับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ หรืออาหารที่ใกล้เคียงกับธรรมชาติมากที่สุด รวมรับประทานผักผลไม้ในปริมาณที่เพียงพอ เพื่อเป็นการป้องกันตัวเองในเบื้องต้น
อาหารคือยา ถ้ายาไม่อร่อย ก็ลองทำให้อร่อยสิ
เป็นที่รู้กันว่าพืชผักผลไม้นั้นเป็นของมีประโยชน์ ทว่าการหยิบมาเคี้ยวกร้วมสดๆ หรือกินแบบสลัดนั้น อาจทำให้สายกินรู้สึกหดหู่ พาลหมดกำลังใจในการมุ่งสู่สายคลีน ซึ่งแท้จริงแล้ว อาหารไทยอร่อยๆ สามารถนำมาเป็นอาหารคลีนได้ เพียงลดการเติมกะปิ น้ำปลา ผงชูรส เปลี่ยนข้าวขัดสี เป็นข้าวกล้อง ส่วนเนื้อสัตว์นั้น ไม่จำเป็นจะต้องเป็นอกไก่เสมอไป เปลี่ยนมากินเนื้อแดงไม่ติดมันก็ยังไหว แรกๆ อาจจะทำยาก แต่ถ้าเราลองปรับเปลี่ยนกระบวนการคิดของตัวเองว่าสิ่งที่เรากำลังกินเข้าไปมันดีต่อสุขภาพ และปรับตัวเองให้ชินกับรสชาติใหม่ๆ รับรองได้ว่าไม่ว่าคุณจะเป็นใครก็ทำได้
สเต็กคลีน
สเต็กก็เป็นอาหารคลีนได้ เลือกเนื้อสัตว์ตามชอบ เช่น อกไก่ สันใน พอร์คช้อป โดยเลือกเนื้อไม่ติดมัน ใช้การอบ และย่างแทนการทอด ปรุงรสด้วยพริกไทย กระเทียม และเกลือแต่น้อย รับประทานกับผักย่างหรือข้าวกล้อง ถือเป็นอาหารสร้างกล้ามเนื้อชั้นยอดเลยทีเดียว
ซุปไก่ใส่มันฝรั่งและมะเขือเทศ
เมนูเด็กทานได้ ผู้ใหญ่ทานดี ที่เปี่ยมด้วยคุณค่าทางโภชนาการ อีกทั้งวิธีการทำยังแสนง่าย เพียงเลือกเนื้อไก่ส่วนที่ชอบ เลาะหนัง ต้มกับมะเขือเทศ มันฝรั่ง หอมหัวใหญ่ และขึ้นฉ่าย ปรุงรสด้วย เกลือ ซีอิ้ว และพริกไทยแต่น้อย ก็ได้เมนูเพื่อสุขภาพ ทั้งยังไล่หวัดได้ชะงัดนัก
น้ำพริกปลาทู
สำหรับคนชอบอาหารรสจัด จะให้ตัดน้ำพริกไปจากชีวิตก็คงจะใจร้ายเกินไปนัก ลองสูตรน้ำพริกปลาทู ที่เปลี่ยนจากปลาทูทอดมาเป็นปลาทูนึ่ง หรือต้ม โขลกกับพริก กระเทียม หอมแดง โดยปรุงรสด้วยเกลือแต่น้อย รับประทานกับผักสด และข้าวกล้อง
ต้มยำปลา
คลีนอย่างแฮปปี้ด้วยต้มยำปลาสูตรเด็ด นอกจากการใช้เครื่องต้มยำท่ามาตรฐานอย่าง กระเทียม หอมแดง ข่า ตะไคร้ และใบมะกรูดแล้ว ปรุงรสด้วยเกลือแต่น้อย เติมน้ำปลาให้พอมีกลิ่น ใช้ความหวานจากเห็ด และเนื้อปลา ซึ่งจะทานเป็นอาหารจานหลัก หรือเป็นซุปสำหรับมื้อระหว่างวัน ก็อร่อย สบายท้อง
ป๊อปคอร์นทำเอง
อย่าเพิ่งขมวดคิ้วไป โฮมเมดป๊อปคอร์นเป็นขนมขบเคี้ยวดีๆ ได้ เพียงใช้น้ำมันมะพร้าวแทนเนยสดสำหรับคั่วเมล็ดข้าวโพด ปรุงรสด้วยคาราเมลที่ทำจากน้ำผึ้ง กะทิสด แต่ใส่ให้น้อยๆ นะ แต่งกลิ่นด้วยวนิลลา และเกลือเล็กน้อย แต่ถ้าเผลอเขมือบไปทั้งหม้อก็ไม่ไหวนาจา ทานพอหายอยากจะดีกว่า
อย่าลืมออกกำลังกาย
นอกจากการเลือกรับประทานอาหารที่ปราศจากสารปนเปื้อน และครบทุกหมู่แล้ว ก็อย่าลืมการออกกำลังกาย โดยใน 1 สัปดาห์ ควรออกกำลังกายให้ได้อย่างน้อย 150 นาทีขึ้นไป และสำหรับใครที่ผอม อยากลดไขมัน ขอแนะนำว่าในการออกกำลังกายหนึ่งครั้งสมควรที่จะออกกำลังกายให้มากกว่า 10 นาทีนะ นอกจากนี้การออกกำลังเพื่อให้ได้ผลที่ดี สมควรที่จะให้อยู่ในระดับเหนื่อยปานกลาง-ไปจนถึงเหนื่อยมาก เช่น การขี่จักรยาน ว่ายน้ำ วิ่ง ฯลฯ และสิ่งที่สำคัญควรลดพฤติกรรมเนื่อยนิ่งอยู่กับที่ ที่เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ก่อผลเสียให้แก่สุขภาพของเราด้วย
การรักษาสมดุลถือเป็นหัวใจหลักในการรักษาสุขภาพ #สุขภาพดีสร้างได้ เพียงแค่เริ่มจากตัวเราเองปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน และต้องขอขอบคุณแนวคิดดีๆ จากสสส. จากโครงการ “ลดหวาน ลดมัน ลดเค็ม ลดโรค” รวมทั้งบริโภคผักและผลไม้ให้เพียงพอ ที่ช่วยให้เรากินอาหารอย่างมีความสุข ไปพร้อมกับสุขภาพที่ดีอย่างยั่งยืน
ขอบคุณข้อมูลจาก
http://www.health.com/health/gallery/0,,20934662,00.html#drop-the-food-guilt-0