ปัญหาของการดื่มแล้วขับ คือปัญหาที่สร้างผลกระทบอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นผู้กระทำเองหรือว่าเหยื่อจากอุบัติเหตุ ล้วนมีแต่ความสูญเสียที่ไม่มีใครอยากให้เกิด
บริษัท ดิอาจิโอ โมเอ็ท เฮนเนสซี่ (ประเทศไทย) หรือ DMHT ผู้นำด้านเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นำเข้าพรีเมียมระดับโลก เดินหน้ารณรงค์ให้ผู้บริโภคตระหนักถึงอันตรายของการดื่มแล้วขับอย่างต่อเนื่อง จึงนำแพลตฟอร์ม E-learning แบบ Interactive ระดับโลก ที่มีชื่อว่า Wrong Side of the Road โดยพัฒนาร่วมกับสถาบันสหประชาชาติเพื่อการอบรมและวิจัย (United Nations Institute for Training and Research หรือ UNITAR) ที่จะช่วยให้ผู้บริโภคเรียนรู้ผลกระทบจากการดื่มแล้วขับ จากมุมมองของผู้กระทำและเหยื่อจากอุบัติเหตุจริง ซึ่งเปิดให้ผู้ที่สนใจเข้าไปเรียนรู้ได้แล้ววันนี้
เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคมที่ผ่านมา มีการแถลงข่าวเปิดตัวแคมเปญนี้ ณ กองบังคับการตำรวจจราจร โดยแถลงถึงความร่วมมือระหว่าง DMHT, UNITAR และได้รับการสนับสนุนจากกองบัญชาการตำรวจนครบาล รวมถึงไฮไลต์สำคัญคือแขกรับเชิญที่มาถ่ายทอดประสบการณ์เมาแล้วขับ ซึ่งเป็นเคสที่ปรากฏอยู่ในแพลตฟอร์มอีกด้วย
สัมผัสเรื่องราวอันทรงพลังจากทั้งสองมุมมอง เพื่อเรียนรู้ถึงผลกระทบจากการดื่มแล้วขับได้ที่ drinkdriving.drinkiq.com
สำหรับกลุ่มเป้าหมายของแคมเปญ Wrong Side of the Road คือคนทั่วไป อายุ 20-35 ปี และผู้ใช้รถใช้ถนนเป็นประจำ ความน่าสนใจของแพลตฟอร์ม E-learning คือออกแบบมาจากผลการสำรวจพฤติกรรมคนไทยของ DMHT ที่ชี้ให้เห็นว่าคนไทยมีแนวโน้มจะเปลี่ยนพฤติกรรมจากเหตุการณ์ที่สร้างผลกระทบต่อสังคม และหลังจากได้เรียนรู้ผลเสียด้วยตัวเอง หรือเรียกง่ายๆ ว่าต้องประสบเหตุจริงก่อนจึงจะเข้าใจ แพลตฟอร์มจึงได้นำเคสของ แพน – นทีเทพ บุนนาค นักแสดงผู้เคยตกเป็นข่าวจากการดื่มแล้วขับ และ อีฟ – ราชาวดี ใจหงิม เหยื่อจากอุบัติเหตุจากการโดยสารรถยนต์ของผู้ที่ดื่มแล้วขับ มานำเสนอในรูปแบบ Interactive ที่ผู้ชมสามารถเลือกคำตอบได้ ไม่ต่างอะไรกับการที่มีเคสจริงมาเล่าให้ฟังเลยทีเดียว
คุณเบน มอร์ลี่ย์ ทูตพาณิชย์ สถานเอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทย ได้กล่าวเปิดงาน โดยอธิบายถึงผลกระทบสำคัญของการอุบัติเหตุในประเทศไทยที่มีผลต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยว พร้อมทั้งยกเคสตัวอย่างการแก้ปัญหาดื่มแล้วขับในประเทศอังกฤษ ซึ่งมีเปอร์เซ็นต์ของการเกิดอุบัติเหตุจากการดื่มแล้วขับ ลดน้อยลงเรื่อยๆ สวนทางกับยอดขายแอลกอฮอล์ที่เพิ่มมากขึ้น เป็นผลมาจากการรณรงค์อย่างจริงจัง ตั้งแต่การให้ความสำคัญกับการให้ความรู้ในโรงเรียน การสร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนที่เป็นหนึ่งเดียวกัน รวมไปถึงการบังคับใช้กฎหมายและบทลงโทษที่หนัก ทำให้ชาวอังกฤษมีจิตสำนึกและรับผิดชอบต่อสังคมมากยิ่งขึ้น แคมเปญ Wrong Side of the Road จึงถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการแก้ปัญหาดื่มแล้วขับในประเทศไทย
“เรามีความภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้เปิดตัวโครงการ Wrong Side of the Road ในประเทศไทย ซึ่งโครงการนี้เป็นส่วนสำคัญของความมุ่งมั่นในการลดการดื่มแอลกอฮอล์อย่างเป็นอันตรายที่เราดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง เราออกแบบแพลตฟอร์ม Wrong Side of the Road จากข้อมูลเกี่ยวกับผู้บริโภคชาวไทย ซึ่งชี้ให้เห็นว่าการเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับตราบาปที่เกี่ยวข้องกับการดื่มแล้วขับในรูปแบบ Interactive ที่สร้างการมีส่วนร่วมเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการเปลี่ยนพฤติกรรมและทัศนคติ ซึ่งผลลัพธ์ที่เห็นได้จากประเทศต่างๆ ที่มีการเปิดตัวโครงการ ก็เป็นไปในทิศทางที่ดี การได้รับความสนับสนุนจากพันธมิตรอย่าง UNITAR และการได้ร่วมงานกับกองบัญชาการตำรวจนครบาล ในการส่งต่อสารสำคัญไปยังผู้ใช้รถใช้ถนน และร่วมกันพยายามลดปัญหาที่สามารถป้องกันได้นี้ เป็นสิ่งที่ผมรู้สึกยินดีเป็นอย่างมากอีกด้วย” มร. ภูนีต นารัง กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดิอาจิโอ โมเอ็ท เฮนเนสซี่ (ประเทศไทย) หรือ DMHT กล่าวถึงความตั้งใจของแคมเปญนี้
ด้านคุณเอสเทรลล่า เมอร์ลอส ผู้อำนวยการระดับโลก ฝ่ายการอบรมเพื่อความปลอดภัยบนท้องถนน UNITAR ได้กล่าวถึงการนำองค์ความรู้ระดับสากล ที่นำมาร่วมออกแบบแพลตฟอร์ม Wrong Side of the Road เพื่อให้คนไทยได้เข้าใจในการแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุที่เกิดจากการดื่มแล้วขับ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องร่วมมือกัน
“เมาแล้วขับยังคงเป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญของอุบัติเหตุบนท้องถนนในประเทศไทย โดยสถิติจากช่วงปีใหม่และสงกรานต์ที่ผ่านมาพบว่า เมาแล้วขับเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนมากที่สุดเป็นอันดับที่ 2 โดยมีการขับรถเร็วเป็นสาเหตุอันดับ 1 ซึ่งการเมาแล้วขับสามารถป้องกันได้ หากทุกคนตระหนักถึงความสูญเสียและความเดือดร้อนแก่ตัวเองและผู้ใช้ถนนร่วมกัน แต่การสร้างความตระหนักดังกล่าวต้องใช้ความร่วมมือจากทุกภาคส่วนร่วมกันรณรงค์ในระยะยาว ในฐานะตัวแทนของกองบัญชาการตำรวจนครบาล รู้สึกยินดีที่บริษัทชั้นนำในระดับสากลอย่างบริษัท ดิอาจิโอ โมเอ็ท เฮนเนสซี่ (ประเทศไทย) มีความมุ่งมั่นในการร่วมสร้างความปลอดภัยบนท้องถนนในประเทศไทย แพลตฟอร์ม Wrong Side of the Road นี้จะถูกนำไปใช้สร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการดื่มแล้วขับให้กับเจ้าหน้าที่ภาครัฐที่เกี่ยวข้อง และประชาสัมพันธ์ให้กับประชาชนได้รับรู้ เพื่อร่วมกันลดอุบัติเหตุบนท้องถนนต่อไป” พล.ต.ต. จิรสันต์ แก้วแสงเอก รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวถึงความร่วมมือที่เกิดขึ้น
ไฮไลต์สำคัญ คือการได้รับเกียรติจากผู้ที่ืดื่มแล้วขับอย่าง แพน – นทีเทพ บุนนาค และ เหยื่อเมาแล้วขับอย่าง อีฟ – ราชาวดี ใจหงิม ซึ่งเป็น 2 เคสที่ปรากฏอยู่ในแพลตฟอร์ม Wrong Side of the Road มาร่วมถ่ายทอดเหตุการณ์ที่เปลี่ยนชีวิตให้เรียนรู้ร่วมกัน
อีฟเล่าว่า หลังจากทำงานเสร็จ ได้โดยสารไปกับรถพี่คนหนึ่งที่รู้จักเพื่อกลับบ้าน ก่อนจะพบว่าพี่คนนั้นได้ดื่มมาอย่างหนัก กระทั่งเกิดอุบัติเหตุรถแหกโค้ง ที่เปลี่ยนชีวิตของอีฟไปตลอด กลายเป็นคนที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ เป็นอัมพาตครึ่งซีกบน และที่น่าเศร้าไปกว่านั้น คือความฝันในการเป็นนักร้องของอีฟก็ต้องจบลงไปด้วย
“ตัวอีฟเองไม่มีอคติกับคนที่ดื่มอยู่แล้ว เป็นเรื่องปกติที่คุณจะดื่ม แต่จะทำอย่างไรเมื่อคุณดื่มแล้วไม่ทำให้ตัวเองหรือคนอื่นเดือดร้อน ถ้าเกิดเหตุกับตัวเองก็อาจเป็นเรื่องของคุณ แต่ในเมื่อผลกระทบเกิดขึ้นกับคนอื่น ชีวิตของเขาอาจจะพังลงไป เงินเท่าไรก็ชดใช้ชีวิตของเขากลับคืนมาไม่ได้”
ด้านแพนก็ได้เล่าถึงเหตุการณ์เมาแล้วขับ ซึ่งเป็นข่าวใหญ่เมื่อสองปีก่อน ว่าเป็นเหตุการณ์ที่ขาดสติ เพียงแค่คิดว่าต้องขับรถกลับบ้านหลังจากสังสรรค์กับเพื่อนเท่านั้น แม้ว่าเหตุการณ์ครั้งนั้นจะไม่มีใครต้องสูญเสีย แต่ก็เป็นบทเรียนสำคัญที่เปลี่ยนชีวิตของเขาไปตลอดเช่นกัน
“คำว่า ไม่เป็นอะไรหรอก คือความประมาทที่ทำให้เกิดเรื่องขึ้น ยังถือว่าเป็นความโชคดีของผมที่เหตุการณ์ครั้งนั้นไม่ได้ส่งผลกระทบมาก อาจจะเป็นเรื่องทรัพย์สิน และสภาพจิตใจตัวเองและครอบครัวมากกว่า ผมมักจะพูดเสมอเวลาไปเจอใคร ว่าพวกคุณอาจจะไม่ได้โชคดีแบบผม ถ้าผลกระทบทำให้ใครเสียชีวิตหรือเป็นอะไรขึ้นมา คุณไม่สามารถย้อนเวลากลับไปแก้ไขได้อีกแล้ว”
แคมเปญ Wrong Side of the Road เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามของ DMHT ในการลดอุบัติเหตุจากการดื่มแล้วขับในประเทศไทย นอกจากนี้ยังมีการจัดกิจกรรมประชาสัมพันธ์อีกหลายรูปแบบ ทั้งกิจกรรมออนไลน์ผ่านอินฟลูเอนเซอร์ ความร่วมมือกับภาคธุรกิจต่างๆ และกิจกรรมออฟไลน์ตามสถานที่สำคัญทั่วประเทศ เช่น มหาวิทยาลัย สถานีขนส่ง วินมอเตอร์ไซค์รับจ้าง และโรงงาน โดยตั้งเป้าให้กลุ่มเป้าหมายเรียนรู้ผ่าน E-learning จำนวน 250,000 คน ภายในปี 2573 หรือประมาณ 30,000 คนต่อปี เพื่อลดอุบัติเหตุและการสูญเสียจากการเมาแล้วขับให้มากที่สุด
นอกจากประเทศไทยแล้ว แคมเปญนี้ยังมีการเปิดตัวในอีกหลายประเทศทั่วโลก เช่น สหราชอาณาจักร, อเมริกา, ไอร์แลนด์, อิตาลี, อินเดีย, สเปน และเม็กซิโก โดยเป็นส่วนหนึ่งของแผนงานด้านความยั่งยืน Society 2030: Spirit of Progress ที่ดิอาจิโอ ตั้งใจสนับสนุนการปรับเปลี่ยนทัศนคติเกี่ยวกับการดื่มแล้วขับ กับคนจำนวนกว่า 5 ล้านคนทั่วโลกให้ประสบผลสำเร็จต่อไป