“30 ยังแจ๋ว” เพลงจังหวะโจ๊ะๆ ที่เคยได้ยินสมัยเรายังเด็ก แต่พอตัวเลขมาถึงหลักเลข 3 จริงๆ แล้ว ชาว Gen Y ตอนปลายอาจจะต้องขมวดคิ้วเล็กน้อย พร้อมแอบตั้งคำถามกับตัวเองในใจเบาๆ ว่า ชีวิตเรามันจะแจ๋วเหมือนชื่อเพลงที่ว่าไหมนะ
แน่นอนว่า หลัก 30 เป็นช่วงเวลาที่ลงตัวที่สุดของชีวิตช่วงหนึ่ง กำลังเงินพอมี กำลังกายยังแข็งแรง มีพลังงานเต็มปรี่ที่พร้อมจะลงมือลองทำอะไรใหม่ๆ แต่ในขณะเดียวกัน มันก็เป็นช่วงเวลาที่เราต้องทำงานหนักหน่วง จมอยู่กับความไม่มั่นใจในที่สิ่งที่กำลังทำอยู่ ไหนจะต้องล่าฝันทำตามแพชชั่นอีกล่ะ ต้องรับมือกับหลายสิ่งในเวลาเดียวกันแบบนี้ ต่อให้มีแรงขนาดไหน ก็อาจจะมีช่วงเวลาหมดไฟ เรียกร้องหาการปรับสมดุลใหม่ของชีวิตอยู่หลายต่อหลายครั้ง
อาการมัวๆ มึนๆ จนบางทีพาลอยากจะเทไปซะทุกเรื่องแบบนี้ ฝรั่งเขาเรียกว่า ‘Feel Blue’ ซึ่งเชื่อกันว่า
มีที่มาจากร่างกายที่เป็นสีฟ้า เมื่อคนเราขาดออกซิเจน ซึ่งความทรมานยามขาดอากาศหายใจนี้ ก็คงไม่แตกต่างกับความทรมานจากการหมดแรงที่จะไปต่อในการใช้ชีวิตแบบนี้กระมัง
แต่อย่าเพิ่งถอดใจไป อาการ ‘ฟ้าหม่นๆ’ แบบนี้ สามารถล้างออกได้ด้วยสีฟ้าจากแหล่งน้ำ ที่จะเข้ามาเติมเต็มพลังงานและความสดชื่นของการใช้ชีวิตให้กลับมาเต็มหลอดได้อีกครั้ง
ถ้าใครกำลังอยู่ในช่วงขยับขยายตัวเอง มองหาที่ทางใหม่ๆ ให้กับชีวิต มาดูกันว่า การเลือกที่อยู่อาศัยที่ใกล้แหล่งน้ำนั้น ช่วยให้ชีวิตเราแฮปปี้ขึ้นได้มากขนาดไหนและช่วยจัดสมดุล work-life balance ให้กับเราอย่างได้บ้าง
ต้นไม้ก็ดี แต่แหล่งน้ำก็เยี่ยม
แต่ไหนแต่ไรมา เราเชื่อกันว่าการได้พักผ่อนหรืออยู่อาศัยท่ามกลางพื้นที่สีเขียวของธรรมชาติและต้นไม้นั้นคือทางเลือกที่ดีที่สุด แต่จากการทดลองของศาสตราจารย์ Michael Depledge ผู้ก่อตั้งโปรเจ็กต์ Blue Gym ซึ่งศึกษาเรื่องสุขภาพและสภาพความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของการอาศัยในสภาพแวดล้อมที่ใกล้แหล่งน้ำนั้น ได้ผลออกมาว่า แหล่งน้ำนั้นก็มีคุณประโยชน์ที่ดีต่อจิตใจของเราไม่แพ้กัน
การทดลองดังกล่าวเริ่มต้นด้วยการโชว์ภาพภูมิทัศน์ต่างๆ ให้ผู้เข้าร่วมการทดลองได้ดู ซึ่งก่อนหน้านี้เคยมีการวิจัยกันมาแล้วว่า ระดับความเครียดจะลดลงตามจำนวนพื้นที่สีเขียวที่อยู่ในภาพนั้น สิ่งที่ Depledge ทำแตกต่างไปจากงานวิจัยเดิมคือ เขาค่อยๆ โชว์ภาพพื้นที่สีเขียวที่มีแหล่งน้ำเป็นส่วนประกอบให้กับผู้เข้าร่วมการทดลองได้ดู ไล่ตั้งแต่สระน้ำไปจนถึงริมชายฝั่ง รวมถึงแหล่งน้ำในเมือง เช่น น้ำพุ หรือ คลองที่ไหลผ่านเมือง ซึ่งผลที่ได้รับคือ คนให้ความสนใจภาพที่มีแหล่งน้ำเป็นส่วนประกอบมากกว่าภาพที่มีแต่พื่้นที่สีเขียวอย่างเดียวและส่งผลเรื่องการลดลงของระดับความเครียดไม่แพ้กัน
การได้ใช้ชีวิตท่ามกลางสีเขียวจากต้นไม้เป็นเรื่องที่ดีอย่างแน่นอน แต่สภาพการณ์ที่พื้นที่สีเขียวเริ่มจะหายากขึ้นทุกวันในสภาพเมืองที่พัฒนาไปอย่างไม่หยุดยั้ง การหันหน้าเข้าแหล่งน้ำอย่างพื้นที่ริมแม่น้ำที่ให้ผลลัพธ์ชุบชีวิตจิตใจให้กลับมาชุ่มชื่นอีกครั้งได้ดีไม่แพ้กัน ก็ดูจะเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อยเหมือนกันนะ
เฮลท์ตี้เมื่อมีน้ำ
“อากาศริมทะเล” เคยเป็นหนึ่งในตำรับยาของคุณหมอในยุควิคตอเรียนที่จ่ายให้กับเหล่าคนไข้ที่มีอาการเจ็บปวดหรือร่างกายเมื่อยล้า ดังนั้น จึงไม่น่าประหลาดใจเลยที่ว่า มีหลากหลายการวิจัยได้ออกมาพูดตรงกันว่า การได้อยู่อาศัยในสภาพแวดล้อมที่ใกล้กับแหล่งน้ำ ช่วยให้สุขภาพและความเป็นอยู่ของผู้อยู่อาศัยดีขึ้น
ทีมงานของ European Centre for Environment and Human Health (ECEHH) ได้ทำการศึกษาถึงเรื่องนี้ โดยนำข้อมูลจากหน่วยงาน Natural England พร้อมด้วยข้อมูลการบันทึกสุขภาพด้วยตนเอง (ซึ่งมีการวิจัยว่าใกล้เคียงกับสุขภาพจริงของผู้บันทึก) แบบไม่เปิดเผยตัวตน โดยนำข้อมูลที่ได้มาแยกตามรหัสไปรษณีย์ พวกเขาพบว่า ยิ่งคนอยู่อาศัยใกล้กับชายฝั่งอังกฤษมากเท่าไร สุขภาพของคนก็จะยิ่งดีขึ้นเท่านั้น และยังมีหลักฐานอื่นๆ เพิ่มเติมว่าสภาพแวดล้อมใกล้แหล่งน้ำอื่นๆ ก็ช่วยให้สุขภาพดีขึ้นเช่นกัน
ถ้าเอาให้ใกล้ตัวขึ้นอีกนิด การออกกำลังกายใกล้แหล่งน้ำ ไม่ว่าจะลงไปว่ายน้ำให้ชุ่มฉ่ำหรือปั่นจักรยานเลียบแม่น้ำจะช่วยให้เราได้ผลจากการออกกำลังกายที่ดีขึ้น รวมถึงจะช่วยกระตุ้นให้เกิดประจุลบ หรือ Negative Ion ในร่างกายซึ่งช่วยเพิ่มความสามารถในการดูดซับออกซิเจน และ รักษาสมดุลของเซโรโทนิน สารเคมีที่ส่งผลต่ออารมณ์และความเครียดของเรา
ถ้าวันไหนรู้สึกเหนื่อยๆ ลองมาพักผ่อนรีเฟรชตัวเองกับแหล่งน้ำ ออกกำลังกายให้สดชื่นสักหนึ่งเหนื่อย แค่นี้ก็ช่วยปลุกไฟให้ตัวเองมีพลังและสุขภาพที่ดีไปฟาดฟันกับงานที่ต้องเจอในวันข้างหน้าได้แบบสบายๆ
ใจสงบดั่งสายน้ำไหล
เมื่ออกหักใจสลายเพราะความรัก หรือ เครียดทะลุขีดจำกัดจนต้องหาที่ปลดปล่อย เรามักจะเลือกพาตัวเองไปพักใจกับท้องทะเล นอนฟังเสียงคลื่น เพื่อเยียวยาตัวเอง แต่ถ้าถามว่าทำไมต้องทะเล หลายคนอาจจะเกาหัวแกรกๆ เพราะไม่รู้คำตอบ ซึ่งจริงๆ แล้ว แหล่งน้ำทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นทะเล สระน้ำ หรือ แม่น้ำ นั้นมีประสิทธิภาพในการช่วยฟื้นฟูสุขภาพด้านจิตใจของเราได้อย่างน่าทึ่ง
หากจิตใจว้าวุ่น คิดมากจนสติสมาธิหลุดกระเจิง ลองไปนั่งฟังเสียงน้ำกระทบฝั่งกันดูสิ เพราะมีการค้นพบวิจัยกันมาแล้วว่าเสียงจากคลื่นน้ำจะปรับคลื่นสมองของเราให้อยู่ในภาวะผ่อนคลายแบบเดียวกับการนั่งสมาธิ หรือไม่ต้องฟัง แค่นั่งดูการเคลื่อนไหวของสายน้ำก็มีส่วนทำให้จิตใจเราสงบลงได้เช่นเดียวกัน แถมการนั่งฟังเสียงหรือมองคลื่นน้ำนี้ยังช่วยลดระดับความเครียด คลายความวิตกกังวล รวมถึงช่วยให้เราหลับได้สบายขึ้นอีกด้วย
หรือใครอยากหาไอเดียความคิดสร้างสรรค์ในการลงมือทำงานชิ้นใหม่ๆ ลองพาตัวเองไปอยู่ใกล้น้ำดู เพราะทั้งเสียงคลื่น ภาพการเคลื่อนไหวของสายน้ำ และบรรยากาศความสดชื่นจะทำให้สมองเราเปลี่ยนเข้าสู่โหมดผ่อนคลาย เหล่าความคิดและไอเดียต่างๆ ที่ตกตะกอนและถูกทับถมด้วยความคิดอันวุ่นวายจากสารพัดเรื่องราวที่ต้องจัดการในชีวิตประจำวัน ก็จะเริ่มลอยขึ้นมาให้เราได้เห็น และความคิดเหล่านั้นแหล่ะคือตัวจุดประกายความสร้างสรรค์ที่เราอาจจะกำลังมองหาอยู่ก็เป็นได้
หากอยากผ่อนคลายจิตใจ เรียกคืนความสงบและสุขภาพจิตที่ดีให้กลับมาอีกครั้ง แค่ลองหาที่นั่งสงบๆ ใกล้แหล่งน้ำ หนังสือที่ชอบสักเล่ม พร้อมเครื่องดื่มเย็นๆ ให้ชื่นใจ ปล่อยใจให้ล่องลอยไปกับสายน้ำ เติมพลังใจพักผ่อนให้เต็มที่ ก่อนที่จะเริ่มต้นวันใหม่ไปลุยกับงานได้อย่างเต็มพลัง
ติดเจ้าพระยา พาชีวิตกลับสู่บาลานซ์
รู้ว่าอยู่ใกล้น้ำมันมีสารพัดข้อดีขนาดนี้ หลายคนคงเตรียมตัวเก็บข้าวของย้ายที่อยู่กันเป็นแน่ แต่คำถามสำคัญที่ต้องให้ความสำคัญนั่นคือ แล้วเราจะย้ายไปอยู่ตรงไหนกันดีล่ะ?
ถ้าพูดถึงแหล่งน้ำที่สำคัญที่สุดสำหรับชาวกรุงเทพมหานครฯ ย่อมจะหนีไม่พ้น แม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำที่เปรียบได้กับเส้นเลือดใหญ่ที่คอยหล่อเลี้ยงและเชื่อมต่อคนสองฝั่งของพระนครมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน รวมถึงเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมที่ฝรั่งเมื่อได้มาเยือนเมืองหลวงของประเทศไทยต้องหาโอกาสมาล่องเรือชมความงามกันดูสักครั้ง
ลองหลับตานึกภาพกันดู ตื่นมารับแสงแดดยามเช้าริมแม่น้ำ ตกเย็นนั่งชิลฟังเสียงคลื่นกระทบฝั่งคลอไปกับแสงแดดระยิบระยับยามพระอาทิตย์ตกดิน แค่คิดก็ฟินแล้ว
ถ้าใครตัดสินใจได้แล้วว่า อายุขึ้น 30 แล้วอยากจะเริ่มหาที่ทางของตัวเองและอยากสัมผัสบรรยากาศความสุขใกล้แม่น้ำแบบนี้ คงจะไม่มีที่ไหนจะเหมาะไปกว่า The Politan Breeze คอนโดมิเนียม Low Rise สไตล์รีสอร์ทริมน้ำที่จะมาปรับสมดุลชีวิต work-life balance ให้กลับมาลงตัวและมีความสุขในทุกๆ วันได้อีกครั้ง
จุดเด่นของ The Politan Breeze ที่เหนือกว่าใครคือทำเลที่ตั้ง ซึ่งนอกจากจะอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาแล้ว ยังอยู่ในย่านเมืองนนท์ที่กำลังเจริญขึ้นเรื่อยๆ เพื่อขึ้นมาเป็นย่าน CBD แห่งใหม่ แถมการเดินทางเข้าเมืองก็สามารถทำได้ง่ายๆ ด้วยรถไฟฟ้า MRT สายสีม่วงสถานีสะพานพระนั่งเกล้า หรือ จะขึ้นเรือด่วนเจ้าพระยาเพื่อต่อรถไฟฟ้า BTS เรียกได้ว่าสะดวกสบายกันสุดๆ แบบไม่ต้องกลัวรถติด เชื่อมต่อความสบายยามพักผ่อนแบบริมน้ำเข้ากับชีวิตการทำงานในใจกลางเมืองได้อย่างลงตัว เต็มที่ได้กับทั้งการใช้ชีวิตโดยไม่ต้องกังวลเรื่องการเดินทางไปทำงาน บาลานซ์จังหวะชีวิตของตัวเองได้แบบสบายๆ
ที่สำคัญสำหรับชาวเราคือ ราคาที่จับต้องได้และความคุ้มค่าของสิ่งที่ได้รับ ไม่ว่าจะซื้ออยู่อาศัยเอง หรือซื้อเพื่อการลงทุนสำหรับอนาคตกับการที่เมืองเริ่มจะขยายตัวออกไปย่านชานเมืองขึ้นเรื่อยๆ จะเลือกทางไหนก็คุ้มค่าแน่นอน
มีคนเคยบอกไว้ว่า อายุเข้าสู่หลักเลข 3 คือจุดเริ่มต้นการเดินทางสู่อีกช่วงวัยหนึ่งของชีวิต ดังนั้น การหาก้าวแรกที่มั่นคงที่ในการปักหลักอาศัย สตาร์ทชีวิตใหม่กับความสุขในทุกด้านทั้งการพักผ่อนและการทำงานผ่านพลังงานอันสดชื่นจากแม่น้ำเจ้าพระยาที่มาเติมเต็มสุขภาพการใช้ชีวิตทั้งร่างกายและจิตใจ The Politan Breeze คือคำตอบที่อยากให้ทุกคนได้ลองไปสัมผัส
โครงการฯ กำหนดราคาเริ่มต้นไว้ที่ 1.99 ล้านบาท สำหรับผู้ที่สนใจ ทางโครงการฯ ได้จัดโปรโมชั่นพิเศษเฉพาะวันที่
แล้วจะรู้ว่าชีวิต 30 ก็ยังแจ๋วได้จริงๆ นะ : )