พอใกล้สิ้นปี สิ่งหนึ่งที่เหล่ามนุษย์เงินเดือนวุ่นวายหาข้อมูลกัน คงหนีไม่พ้นการหากองทุน LTF/RMF ไว้ลดหย่อนภาษี
แต่นอกจากการลดหย่อนแล้ว การซื้อกองทุนรวมถือเป็นการลงทุนเพื่อผลตอบแทนในอนาคต ซึ่งจะเห็นได้ว่าในช่วง 5-10 ปีที่ผ่านมา LTF และ RMF ที่มีนโยบายลงทุนในหุ้นให้ผลตอบแทนที่น่าพอใจเลยทีเดียว ถ้าดูผลตอบแทนย้อนหลัง 5 ปี ของกองทุนอันดับต้นๆ จะอยู่ 5-6% ต่อปี ถ้าย้อนไป 10 ปี ได้ถึง 15-17% ต่อปีเลยทีเดียว แต่แน่นอนว่ากองทุนที่ลงทุนในหุ้นแบบนี้ย่อมมีความเสี่ยงสูง ระหว่างทางก้จะมีทั้งปีที่กำไร และขาดทุนด้วย แต่ในระยะยาวโอกาสกำไรน่าสนใจไม่น้อย ในขณะที่การฝากธนาคารให้ดอกเบี้ยต่ำเตี้ยเสียเหลือเกิน และสำหรับปีนี้ ทาง Krungsri Asset ก็มีกองทุนใหม่มานำเสนอถึง 5 กองทุน เพื่อให้เหล่ามนุษย์เงินเดือนที่รับความเสี่ยงได้มากน้อยแตกต่างกันได้ลองเลือกดู โดยถึงแม้จะเป็นกองทุนใหม่ ไม่มีประวัติผลตอบแทนมาให้ประกอบการตัดสินใจ แต่ทุกกองทุนเป็นการนำกลยุทธ์การลงทุนในกองทุนเปิดที่จัดตั้งมาก่อนหน้า มีผลงานให้เห็นมาเปิดเป็น LTF/RMF ทั้งสิ้น จะได้ตรงใจใครที่อยากลงทุนคู่ไปกับการลดหย่อนภาษี
กองทุนหุ้นไทย แบบไดนามิก
กองทุนใหม่อย่าง ‘KFLTFDNM-D’ / ‘KFDNMRMF’ เป็นการนำโมเดลกลยุทธ์การลงทุนกองทุนเปิด ชื่อ ‘KFDYNAMIC’ ที่จัดตั้งมาตั้งแต่ปี 2003 มาใช้ โดยมีผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่จัดตั้งสูงถึงถึง 9.74% ต่อปี สูงกว่าดัชนีผลตอบแทนของ SET ซึ่งอยู่ที่ 6.93% ต่อปี นอกจากนี้ กองทุนเปิด ‘KFDYNAMIC’ ยังได้รับรางวัล Morningstar Thailand Fund Awards 2018 กลุ่มกองทุนหุ้นขนาดกลางและเล็ก อีกด้วย
ซึ่งในปีนี้ทาง Krungsri Asset ได้นำโมเดลนี้มาเปิดเป็นกองทุนแบบ LTF/RMF บ้าง โดยแนวทางการลงทุน คือจะลงทุนในหุ้นไทยเจ๋งๆ ประมาณแค่ 20 ตัวเท่านั้น ไม่จำกัดว่าจะเป็นหุ้นเติบโตสูง หุ้นขนาดใหญ่ กลาง เล็ก หรือหุ้นปันผลสูง เรียกว่าลงทุนเน้นๆ ในหุ้นที่มีศักยภาพดีจำนวนไม่มาก เหมาะกับคนที่รับความเสี่ยงได้สูง และมีระยะเวลาลงทุนนานหน่อย แต่ถ้าอยู่ในวัยใกล้เกษียณอาจจะไม่เหมาะนัก
กองทุนหุ้นอินเดีย
ตะกี้เป็นหุ้นไทย แต่สำหรับใครที่มีหัวใจภารตะ ทาง Krungsri Asset ก็มีกองทุน RMF ที่ชื่อว่า ‘KFINDIARMF’ ให้เลือกเหมือนกัน เนื่องจากตอนนี้อินเดียเป็นหนึ่งในประเทศที่มีอัตราเติบโตทางเศรษฐกิจสูง จากประชากรวัยทำงานจำนวนมาก ที่มีกำลังซื้อและการบริโภคเพิ่มขึ้น กองทุน RMF นี้จะลงทุนในกองทุนหลักเดียวกับกองทุน KFINDIA ที่มีอยู่ก่อนแล้ว จะเน้นลงทุนบริษัทในอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มเติบโตดีตามเศรษฐกิจของอินเดียไปด้วย เช่น อุปโภคบริโภค การเงิน ธนาคารชั้นนำ โครงสร้างพื้นฐาน เทคโนโลยี รวมทั้งบริษัทด้านการส่งออก
กองทุนผสมหลากหลายสินทรัพย์
ถัดมาคือ ‘KFGOODRMF’ เป็นกองทุนแบบ All in one ลงทุนได้ครบจบในกองทุนเดียว คือกระจายเงินไปลงนู่นลงนี่ ทั้งในตราสารหนี้คุณภาพดีของภาครัฐและเอกชน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ขั้นตํ่าอยู่ที่ 50% ส่วนอีก 50% จะลงทุนในหุ้น กองทุนอสังหาฯ รีท และกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน เหมาะสำหรับใครที่อยากได้ผลตอบแทนดีๆ จากหุ้น แต่ก็ไม่อยากเสี่ยงลงทุนในหุ้นทั้งหมด กองทุนนี้มีความยืดหยุ่น ลงทุนในตราสารหนี้ได้ตั้งแต่ 50-100% ช่วงที่ตลาดหุ้นมีแนวโน้มเติบโตดี ผู้จัดการกองทุนก็จะเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหุ้นไปได้สูงสุดถึง 50% ลดตราสารหนี้ลงมาที่ 50% เพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีเมื่อหุ้นขึ้น ส่วนช่วงที่ผู้จัดการกองทุนมองว่าตลาดหุ้นขึ้นมาเยอะแล้ว ก็อาจย้ายเงินไปเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในตราสารหนี้สูงขึ้นได้ เป็นการใช้ความยืดหยุ่นเพื่อให้ไม่พลาดโอกาสลงทุน และปรับลดความเสี่ยงด้วย
กองทุนตราสารหนี้
มาถึงกองทุน RMF ตัวสุดท้ายที่เพิ่งเปิดใหม่ ก็คือ ‘KFAFIXRMF’ ที่จะเน้นลงทุนตราสารหนี้ภาครัฐ ภาคเอกชน ของในประเทศและต่างประเทศ เช่น ตราสารภาครัฐ ตราสารรัฐวิสาหกิจ ตราสารออกโดยสถาบันการเงิน ตราสารภาคเอกชน ตราสาร High yield โดยตราสารหนี้เอกชนจะเป็นตราสารคุณภาพสูง โดยกว่า 90% มีอันดับความน่าเชื่อถือของตราสารที่ระดับ A- ขึ้นไป
จุดเด่นของกองทุนนี้คือ สามารถลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศได้เยอะ เท่ากับมีโอกาสมากขึ้นในการมองหาตราสารหนี้คุณภาพดีและผลตอบแทนดีจากประเทศต่างๆ ไม่จำกัดแค่ในเมืองไทย สำหรับใครที่รับความเสี่ยงได้น้อย หรือใกล้เกษียณมีระยะเวลาลงทุนอีก 1-2 ปี จะเหมาะสมกับกองทุนนี้ เพราะเน้นความมั่นคงของเงินต้นมากกว่ามุ่งหวังผลตอบแทนสูง
และทั้งหมดนี้ก็คือ 5 กองทุน LTF / RMF ใหม่ล่าสุดของ Krungsri Asset ที่ออกมาให้เหล่ามนุษย์เงินเดือนได้ลองเลือกกัน ซึ่งแต่ละกองทุนก็จะมีความเสี่ยงมากน้อยแตกต่างกันไป หลากหลายช้อยส์ให้เลือก ลองดูว่าสนใจนโยบายการลงทุนแบบไหน และตัวเองรับความเสี่ยงได้แค่ไหน เช่น เน้นเงินต้นไม่ขาดทุน คงต้องเลือกกองทุนตราสารหนี้ ถ้ารับความเสี่ยงได้กลางๆ มีหุ้นบ้างก็น่าสนใจ แบบนี้กองทุนผสมหลายสินทรัพย์จะตอบโจทย์ แต่ถ้าเป็นสายแข็งเสี่ยงไหวก็ไปเลือกกองทุนหุ้นไทย หรือจะกระจายไปต่างประเทศด้วยก็ได้
ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และศึกษาสิทธิประโยชน์ทางภาษีในคู่มือการลงทุนก่อนตัดสินใจลงทุน ทั้งนี้ ผลดำเนินการในอดีตของกองทุนรวม มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต และ LTF เป็นกองทุนที่ส่งเสริมการลงทุนระยะยาวในหุ้น และ RMF ลงทุนเพื่อเกษียณอายุ
กองทุน KFINDIARMF ลงทุนในกองทุนหลักที่มีการลงทุนกระจุกตัวในประเทศอินเดีย ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย กองทุนจะไม่ใช้เครื่องมือปัองกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ จึงอาจทำให้ผู้ลงทุนขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน และ/หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้
โดยทั้ง 5 กองทุน จะเปิดขายครั้งแรก ราคาหน่วยลงทุนละ 10 บาท ในวันที่ 12-21 พฤศจิกายน 2561 และเพื่อการตัดสินใจที่เหมาะสม สามารถดูข้อมูลและเงื่อนไขเพิ่มเติมต่อได้ที่เว็บไซต์ http://bit.ly/2yHQA4x