ว่ากันว่า “ที่ใดมีรักที่นั่นมีทุกข์” แต่กระนั้นมนุษย์ต่างโหยหาความรักมาหล่อเลี้ยงจิตใจอยู่เสมอ
ไม่ต่างอะไรกับเงินที่ทั้งบันดาลสุขและทุกข์ไปพร้อมๆ กัน แต่เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่า เงินเป็นสิ่งจำเป็นในการแลกเปลี่ยนปัจจัยสำคัญในการดำรงชีวิต คนทุกยุคทุกสมัยจึงปวดหัวกับเรื่องการ “เก็บ” และ “ใช้” เงินอยู่วันยังค่ำ
มันก็จริงอย่างที่ใครเขาว่า “เงินทำให้เราพ้นทุกข์ไม่ได้” เพราะไม่ว่าคุณจะเป็นคนเจเนอเรชั่นไหน ต่างต้องเผชิญหน้ากับปัญหาเรื่องเงินไม่ต่างกัน ทางที่ดีเราควรวางแผนและบริหารการเงินให้พร้อมเสียก่อน
กระนั้นทุกข์ที่เราจะพูดถึงในวันนี้ ไม่ใช่ทุกข์ของคนไม่มีเงินหรอกนะ แต่เป็นทุกข์ของคนที่มีเงินเป็นล้านต่างหากเล่า!
Baby Boomer ทุกข์ที่ต้องอดทน
นึกง่ายๆ คนยุค Baby Boomer คือเหล่าคุณปู่ ย่า น้า อา ที่เกิดในช่วง พ.ศ. 2489 – 2507 ปัจจุบันมี
อายุราวๆ 54 – 72 ปี ในเชิงประวัติศาสตร์ คนกลุ่มนี้เกิดในช่วงเปลี่ยนผ่านหลังสงครามโลกครั้งที่สอง แม้พวกเขาอาจเด็กเกินกว่าจะจำความได้ แต่ก็ได้รับผลกระทบจากความแร้นแค้นของสงครามเช่นกัน โดยเฉพาะสภาพเศรษฐกิจที่ยังไม่ค่อยดีมากนัก ทำให้พวกเขาต้องผลักดันตัวเองด้วยการทำงานหนัก เก็บเงินสร้างเนื้อสร้างตัวหรือสร้างกิจการเพื่อเป็นมรดกของวงศ์ตระกูล
กว่าจะมีเงินล้านของคนยุคนี้จึงต้องแลกด้วยหยาดเหงื่อแรงกาย หล่อหลอมให้พวกเขาต้องมีความอดทน อดกลั้น มีความมานะมากกว่าคนปกติ จึงไม่แปลกที่พวกเขามักถูกมองว่างกอยู่บ่อยๆ แต่หารู้ไหมว่าความงกนี่แหละที่ทำให้พวกเขาประสบความสำเร็จมากกว่าคนเจเนอเรชั่นอื่นนะเออ
Gen X ทุกข์ที่ต้องดิ้นรน
Generation X มักเป็นคำที่ถูกใช้เพื่อสื่อถึงกลุ่มวัยรุ่นที่ชอบทำตัวแปลกแยกอยู่บ่อยครั้ง เขาจึงมีชื่อเล่นอีกอย่างหนึ่งว่า ยับปี้ (Yuppie) ย่อมาจาก Young Urban Professionals นับตั้งแต่ช่วง พ.ศ. 2508-2522 ปัจจุบันจะมีอายุ 39 – 53 ปี
เจนเอ็กซ์เติบโตมาพร้อมคำสอนของรุ่นก่อนที่ให้ความสำคัญกับการประหยัด อดทน และถูกปลูกฝังให้สานต่อเจตนารมย์เดิมเป็นหลัก ทว่าเจนเอ็กซ์เองก็เริ่มมีแนวความคิดเป็นของตัวเองมากขึ้น เช่นการออกตามหาความฝันเพื่อตอบสนองความฝันของตัวเอง เราจึงเห็นคนเจนนี้ค่อนข้างหลากหลาย ทั้งเป็นคนที่มีแนวคิดทันสมัยหรือคนที่สานต่อแนวคิดเดิม แต่ก็พยายามไม่ทำผิดพลาดเหมือนคนรุ่นก่อน
สิ่งที่น่าสนใจคือคนรุ่นนี้เกิดคาบเกี่ยวระหว่างโลกเก่าและโลกใหม่ เป็นช่วงที่โลกกำลังพัฒนาจากเทคโนโลยีที่เริ่มเจริญมากขึ้น การมีเงินล้านในสภาพสังคมเช่นนี้ ทำให้ต้องดิ้นรนปรับตัวมากกว่ารุ่นอื่น หากรู้จักใช้ก็จะรอดวิกฤติไปได้ หากพลาดท่าก็จะเสียเงินล้านไปอย่างเปล่าประโยชน์
Gen Y ทุกข์บนสิ่งใหม่
หนึ่งในยุคที่อยู่ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงหลายๆ ด้านของโลก ทั้งการเมือง การศึกษา เศรษฐกิจ และสังคม ซึ่ง Generation Y มีอีกชื่อหนึ่งว่ายุคมิลเลนเนียล (Millennials) คือคนที่เกิดในช่วง พ.ศ. 2523–2540 มีอายุราว 21 – 38 ปี นับเป็นกลุ่มคนที่มีความสำคัญต่อการกำหนดอนาคตสังคม
มีงานวิจัยระดับโลกพบว่า คนรุ่นนี้มักให้คุณค่ากับการพัฒนาเอง มีความทะยานและเชื่อมั่นในศักยภาพของตนที่นำไปสู่ความสำเร็จในอาชีพการงาน เจนวายจึงเป็นกลุ่มวัยทำงาน ทำหน้าที่หลักรันวงการต่างๆ อย่างมีนัยยะสำคัญ หาใช่คนรุ่นไดโนเสาร์ที่จะมากำหนดอนาคตชาติ 10 ปี 20 ปี
เมื่อมีเงินล้านสักก้อน เจนวายจึงมักคิดวางแผนใหญ่โดยใช้ผลประโยชน์จากเทคโนโลยีมาซัพพอร์ตให้เกิดงานใหม่ๆ หรืองานที่ไม่เคยมีมาก่อน เราจะสังเกตได้ว่าธุรกิจสตาร์ทอัพมักเกิดขึ้นจากหัวเรือใหญ่ที่เป็นคนยุคนี้เป็นหลัก ความทุกข์ของพวกเขาจึงเป็นความทุกข์ในการทำงานบนเทคโนโลยี และทุกข์ที่จะต้องใช้เงินล้านให้ทำงานคุ้มค่าที่สุด
Gen Y ทุกข์ที่ต้องใช้เงิน
ความทุกข์ของเจนวายยังไม่หมดเพียงเท่านั้น อีกหนึ่งความทุกข์ที่ต้องเจอคือการใช้เงินปรนเปรอ ตอบสนองความต้องการตามรสนิยมของตัวเอง
ความที่คนเจนนี้เติบโตขึ้นมาในยุคที่เศรษฐกิจเติบโตเป็นอย่างมาก ทำให้คนกลุ่มนี้มีรายได้ค่อนข้างสูง ขณะเดียวกันก็มีอัตราการใช้จ่ายสูงเช่นกัน ส่วนใหญ่เกิดจากความฟุ้งเฟ้อตามเทรนด์ในยุคที่การตลาดบอกคุณว่า #ของมันต้องมี ไม่ว่าจะเป็นกล้องไลก้าที่ถอยมา เพียงเพื่อถ่ายรูปต้นกระบองเพชร
ลงอินสตราแกรม, บ้างก็ตามเก็บ Fall/Winter Collection 2018 ของ Louis Vuitton, Saint Laurent และ Valentino ครบเซ็ท ไม่พอยังจองคิวร้านอาหารมิชลินเพียงเพื่อเช็คอินลงโซเชียลอวดคนอื่น ซึ่งล้วนแล้วเป็นการใช้จ่ายเพื่อแลกกับความสุขของเรา
ข่าวหลายสำนักจึงรายงานตรงกันว่า คนเจนวายนี่แหละ ที่มีหนี้เยอะกว่าทุกเจเนอเรชั่น สะท้อนภาพความทุกข์ของคนเจนนี้ที่เข้าสู่ภาระหนี้ตั้งแต่อายุยังน้อยได้ชัดเจนที่สุด การบริหารจัดการเงินจึงเป็นเรื่องจำเป็น
Gen Z การทําเงินแห่งอนาคต
มาถึงเจนสุดท้ายอย่าง Generation Z ที่เป็นคำนิยามล่าสุดสำหรับคนรุ่นใหม่อย่างแท้จริง นับจากคนที่เกิดหลัง พ.ศ. 2540 เป็นต้นไป พูดง่ายๆ คือกลุ่มเด็กใหม่ที่เป็นอนาคตของชาตินั่นเอง
คนเจนนี้จะเติบโตมาพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกสารพัด เป็นเด็กยุคเทคโนโลยีที่อินเตอร์เน็ตมีความสำคัญมากกว่าปัจจัยสี่ สามารถปัด iPad แชท Facebook ก่อนท่องสูตรคูณเป็นเสียอีก ส่วนใหญ่จะเติบโตมาพร้อมมรดกมหาศาลที่คนรุ่นพ่อได้สร้างเอาไว้ เหมือนมีเงินล้านใส่พานถวายมาตั้งแต่เกิดเลย ทุกข์ของคนเจนนี้คือจะนำเงินล้านนั้นมาต่อยอดสร้างอนาคตอย่างไรให้คุ้มค่าที่สุด
แต่ไม่ว่าคุณจะอยู่เจนไหน การมีเงินล้านจะไม่ใช่เรื่องทุกข์อีกต่อไปเมื่อมาลงทุนกับ KRUNGSRI PRIME
เพียงแค่คุณมีเงินฝากและ/หรือการลงทุนในกองทุนรวมของ บลจ.กรุงศรี รวมกันตั้งแต่ 1 ล้านบาท (ตามเงื่อนไขที่กำหนดผ่านธนาคารกรุงศรีอยุธยา) ก็จะได้สัมผัสประสบการณ์อีกขั้นกับเอกสิทธิ์และสิทธิพิเศษต่างๆ ที่ตอบสนองการใช้ชีวิตทั้งกิน เที่ยว ช้อป ครบทุกไลฟ์สไตล์ พร้อมรับสิทธิพิเศษผ่าน KRUNGSRI PRIME Application ได้ง่ายๆ รวมถึงโอกาสในการสร้างความมั่นคงทางการเงินยุคใหม่ ไม่ว่าจะเป็นสัมมนาทางการเงิน หรือบริการที่ปรึกษาเรื่องการลุงทน
KRUNGSRI PRIME จะพาคุณไปให้ไกลขึ้น ให้คุณพร้อมรับความสำเร็จที่เกิดขึ้นใหม่ได้ทุกวัน
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ http://bit.ly/2Nzqry1
เพื่อให้ล้านแรกของคุณพิเศษกว่าใครเสมอ และเป็นความทุกข์ที่น่าอภิรมย์ที่สุด
อ้างอิงข้อมูลจาก