เมื่อเอ่ยถึง ‘อาชีพในฝัน’ ของคนรุ่นใหม่ เชื่อว่าคุณสมบัติอย่างแรกๆ ที่นึกถึงคือเรื่องของความอิสระ
คือไม่มีกฎเกณฑ์ตายตัว จะทำงานที่ไหนเมื่อไรก็ได้ และที่สำคัญคือเรื่องของรายได้ที่ต้องไม่จำกัด หรือชนเพดานของตำแหน่ง เหมือนเช่นงานประจำที่ใครหลายคนพยายามหลุดพ้น
คุณสมบัติของอาชีพดังกล่าว จึงเปรียบเหมือนภาพฝันที่คนรุ่นใหม่ส่วนใหญ่อยากจะไปให้ถึง ไม่ว่าจะเป็นฟรีแลนซ์รับงานตามถนัด การเป็นคอนเทนต์ครีเอเตอร์ หรือการลงทุนทำธุรกิจด้วยตัวเอง แต่ความเป็นจริงแล้ว ปัญหาที่เกิดขึ้นคือลูปการทำงานที่ทำให้อาชีพเหล่านั้น ยังคงวนเวียนอยู่ในกรอบการทำงานแบบเดิมๆ ไม่เติบโตอย่างที่ควรจะเป็น
โดยปัจจัยที่ทำให้ไปถึงเป้าหมายได้เร็วขึ้น ไปได้ไกลกว่า และไม่วนลูปอยู่กับความสำเร็จเดิมๆ ก็จำเป็นต้องมีสภาพแวดล้อมที่พร้อมสำหรับการเติบโต ลองไปสำรวจกันว่าจะมีอาชีพไหนที่ควรจะไปต่อกัน
อาชีพในฝันที่ใครๆ ก็อยากไปให้ถึง
อย่างที่เกริ่นไปข้างต้น ว่าอาชีพในฝันสำหรับคนรุ่นใหม่ ต้องมีคุณสมบัติสำคัญคือความอิสระในการทำงาน สามารถจัดการทุกอย่างได้ด้วยตัวเอง ทั้งเรื่องของเวลาการทำงาน สถานที่ทำงาน หรือกระทั่งรายได้ที่ต้องเติบโตไปเรื่อยๆ แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นจริงคือ การทำอาชีพที่มีคุณสมบัติดังกล่าว ทั้งการเป็นฟรีแลนซ์รับจ้าง เทรดเดอร์ คอนเทนต์ครีเอเตอร์ พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ หรือกระทั่งการลงทุนทำธุรกิจต่างๆ ด้วยตัวเอง ไม่ต่างอะไรกับ ‘หมาล่าเนื้อ’ ที่ต้องคอยกระโจนออกไปล่าหาอาหารยามที่อาหารหมด หากไม่ออกไปล่าก็อาจไม่มีอาหารกิน วนลูปอยู่กับการตามล่าหาลูกค้า โอกาส หรืองานใหม่ๆ เพื่อสร้างรายได้ให้มั่นคง จนไม่มีเวลาหยุดพัก ดูห่างไกลกับคำว่า Passive income ที่หลายคนฝันถึง ซึ่งจริงๆ แล้วยังมีอีกหนึ่งอาชีพที่อยากให้ลองเปิดใจทำความรู้จัก คือ ‘ตัวแทนประกันชีวิต’
แต่หลายคนอาจสงสัยว่า ทำไมการทำอาชีพตัวแทนประกันชีวิต ถึงเป็นอาชีพในฝันได้ เพราะในทางตรงกันข้าม ตัวแทนประกันชีวิตก็เป็นหนึ่งในอาชีพที่หลายคนไม่อยากเข้ามา เพราะภาพจำของการทำงานแบบลูปเดิมๆ เช่นกัน ทั้งการหาลูกค้าใหม่ บริการลูกค้าเก่า เมื่อหาลูกค้าใหม่ไม่ได้ ก็ติดกรอบเพดานของรายได้ที่ไม่เติบโต กลายเป็นความกดดันที่ทำให้หลายคนต้องถอดใจไปกับอาชีพนี้อย่างน่าเสียดาย แม้ว่าจะมีที่จุดแข็งเรื่องความอิสระ สามารถจัดการทำงานทุกอย่างได้ด้วยตัวเอง พัฒนาทักษะและเติบโตได้แบบไม่ต้องมีตำแหน่งมากรอบใดๆ คือคุณสมบัติของอาชีพในฝันที่คนรุ่นใหม่อยากจะเป็นก็ตาม ซึ่งหัวใจที่ช่วยให้อาชีพนี้ไปต่อได้ คือสภาพแวดล้อมในการทำงานที่พร้อมสำหรับการเติบโตนั่นเอง
สภาพแวดล้อมคือหัวใจของตัวแทนประกันชีวิต
แม้ว่าความอิสระคือจุดแข็งของอาชีพตัวแทนประกันชีวิต แต่ก็จำเป็นต้องมีสิ่งแวดล้อมที่คอยช่วยผลักดันและสนับสนุนให้ไปถึงเป้าหมายอีกด้วย กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต จึงได้สร้างสรรค์แคมเปญ ‘ตัวแทนประกันชีวิต ระดับมาสเตอร์ เป็นไปได้ คุณเป็นได้’ ที่เปิดโอกาสให้ทุกคนเข้ามาร่วมงานในฐานะตัวแทนประกันชีวิต เปลี่ยนภาพจำเดิมๆ ให้กลายเป็นอาชีพในฝัน
ด้วยสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยทีมงานมืออาชีพคอยดูแลและผลักดันตั้งแต่เริ่มต้น ทั้งการอบรมเพิ่มทักษะการขาย การเทรนนิ่งที่จะเปลี่ยนให้เป็นคนใหม่ พร้อมแผนรับรองรายได้ที่ไม่ติดอยู่กับเพดาน ทั้งโบนัสรายเดือน รายไตรมาส และรายปีแบบไม่จำกัด และที่สำคัญคือมีเครื่องมือดิจิทัล พร้อมให้ทำงานได้ทุกที่ ช่วยให้การติดตามบริการลูกค้าและการวางแผนการขายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนั้นคือการไม่ปิดกั้นโอกาสเติบโต ด้วยโปรแกรม AXA Prime ที่ช่วยยกระดับความเป็นมืออาชีพ เสริมคุณวุฒิด้วยการเทรนนิ่งกับผู้เชี่ยวชาญระดับภูมิภาคเอเชีย และทีมงานมืออาชีพที่คอยซัพพอร์ตในทุกๆ ปัญหา ให้สามารถเป็นตัวแทนประกันชีวิตคุณภาพได้อย่างที่ฝันไว้
ความสำเร็จระดับมาสเตอร์ที่เป็นไปได้
ได้เห็นภาพรวมของการเป็นตัวแทนประกันชีวิตกับ กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต ไปแล้ว สิ่งที่พิสูจน์ได้อีกขั้นคือทิศทางและกลยุทธ์ของบริษัทที่กำหนดด้วยเป้าหมาย 2024 Year of Double Growth ที่ตั้งใจพัฒนาและเพิ่มจำนวนฝ่ายขายให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง
โดยในปีที่ผ่านมา มีจำนวนตัวแทนจากกรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต มืออาชีพกว่า 16,000 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนรุ่นใหม่ไฟแรงที่ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว รวมถึงมีตัวแทนที่ติดคุณวุฒิ AXA Prime ถึง 641 คน และ AXA Prime Blue กว่า 243 คน ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่ไม่น้อย การันตีความสำเร็จระดับมาสเตอร์ที่ทุกคนสามารถเป็นได้อย่างแน่นอน
สมัครเป็นตัวแทนฯ คลิก https://www.krungthai-axa.co.th/th/agent-recruitment