กระทิง – ขุนณรงค์ ประเทศรัตน์ นักแสดงหนุ่มดาวรุ่งที่พกพาความสดใสมาพร้อมกับความมั่นใจผ่านการแสดงบนหน้าจอ แต่กว่าจะเดินทางมาจนค้นหาตัวเองได้อย่างในทุกวันนี้ เขาได้กีฬาบาสเกตบอลเป็นบทเรียนของการฝึกใจให้แข็งแกร่ง (Resilience) ทั้งกับเรื่องวินัย การเตรียมพร้อม และที่สำคัญคือไม่หยุดที่จะสู้กับความท้าทายที่อยู่ตรงหน้า
เราเชื่อว่าเส้นทางจากบทบาทนักกีฬาระดับสโมสรมาสู่การเป็นนักแสดงไม่ได้ง่าย บางครั้งก็ต้องผิดหวังหรือล้มเหลว แต่อุปสรรคนี่แหละที่ถูกเปลี่ยนเป็นแรงผลักดันให้กระทิงสนุกกับทุกทางเลือกในชีวิต เช่นเดียวกับเรื่องราวของชีวิตที่ล้มแล้วลุก สู้ไม่ถอย และมีความสุขกับทุกสิ่งที่ทำ โดยมีกีฬาเป็นรากฐานสำคัญที่หล่อหลอมทัศนคติและทักษะการใช้ชีวิตอย่างเช่นทุกวันนี้
กีฬาสร้างตัวตน
กระทิงเริ่มต้นบทบาทของนักกีฬาจากการพยายามค้นหาตัวเองในวัยเด็ก เขาลองเล่นกีฬาหลายประเภท จนมาพบว่าบาสเกตบอลคือกีฬาที่สนุกและมีความสุขทุกครั้งที่เล่น จากการฝึกหัดเล่นเติบโตกลายมาเป็นความอยากแข่งอยากจริงจัง และนี่คือจุดเริ่มต้นของกระทิงในเส้นทางสายนักกีฬาบาสเกตบอล
“จุดที่ทำให้ผมจริงจังกับกีฬาบาสเกตบอล คือผมรู้สึกว่าเวลาเล่นแล้วผมมีตัวตน เป็นคนสำคัญ มีบทบาทกับชีวิตตัวเอง เหมือนกับทุกคนมองเห็นเราเพราะเราเก่งในสนาม เพราะผมเรียนไม่เก่งแล้วรู้สึกว่าตัวเองด้อยมาตลอด จนผมมาเจอบาสเกตบอลที่ทำให้ผมมองเห็นคุณค่าในตัวเอง จุดนี้แหละที่ทำให้ผมอยากพัฒนาต่อจนเริ่มซ้อมทีม แข่งมาเรื่อยๆ แล้วก็ได้ทุนมาเรียนต่อที่กรุงเทพฯ ครับ”
แน่นอนว่าจากสนามซ้อมมาสู่สนามจริงต่างกันลิบลับทั้งเรื่องความกดดันจากแมทช์การแข่งขัน คู่แข่งตรงหน้า หรือความคาดหวังจากผู้ชม แต่การเตรียมตัว จิตใจที่แข็งแกร่ง และสู้จนสุดใจคือเคล็ดลับที่เขาพกพาทุกครั้งที่แข่งขัน
“การจัดการกับแรงกดดันพวกนี้สำหรับผม คือการเตรียมตัวให้ดี ผมจะถามตัวเองตลอดว่า ผมแข่งเพื่ออะไร ผมต้องเล่นจริงจัง ไม่มีการสงสารฝั่งตรงข้าม อย่างไรก็ห้ามยอมแพ้เด็ดขาด เพราะกีฬาบาสเกตบอล ผมรู้สึกว่ามันผลัดกันนำผลัดกันตาม หรือแก้เกมได้ตลอด นอกจากเตรียมตัวเลยต้องเป็นเรื่องของการเตรียมความรู้สึก เตรียมเป้าหมาย และคิดว่าเราจะแพ้ไม่ได้”
จากสนามแข่งสู่สนามชีวิต
เด็กหนุ่มคนนี้พกพาความฝันด้านกีฬาบาสเกตบอลอย่างเต็มเปี่ยมมาจากเชียงราย จนได้เข้ามาสู่การซ้อมทีมในกรุงเทพฯ ที่นี่ต่างหากที่เขาบอกว่า ทำให้เขาได้พบความจริง อาจจะทำให้ท้อบ้าง แต่กระทิงบอกว่า “มันอยู่ที่ใจครับ”
“ตอนอยู่เชียงราย เราอายุ 15 ปีแต่ตัวใหญ่มาก เล่นข้ามรุ่นได้ พอมาถึงกรุงเทพฯ ทุกคนทั่วประเทศคือรวมคนเก่งมาอยู่ตรงนี้หมด มันก็มีท้อครับ แต่ผมเป็นคนที่รู้สึกว่า ยิ่งผมแพ้ ผมก็ต้องกลับมาหาตัวเองว่า ผมพลาดตรงไหน ต้องเพิ่มตรงไหน เก็บเกี่ยวการบ้านของตัวเอง อย่างผมก็จะใช้วิธีการซ้อมเองตอนเช้า ฝึกสกิลที่คิดว่าตัวเองพลาด มันก็มีที่รู้สึกเฟล แต่ผมอยากเอาชนะมากกว่า มันอยู่ที่ใจด้วยครับ ว่าเราอยากแก้ไขไหม หรือว่าจะยอมแพ้อยู่แค่ตรงนี้”
ความชอบคือแรงผลักดันสำคัญที่พาเขาก้าวข้ามผ่านบรรดาความเหนื่อยความท้อทั้งหลายมาได้ จนกระทั่งชีวิตเดินทางมาถึงจุดเปลี่ยนอีกครั้งกับการมาสู่การเป็นนักแสดง ที่แน่นอนว่าแม้ทักษะจะเปลี่ยนทั้งหมด แต่หัวใจที่แข็งแกร่ง ไม่ยอมแพ้ ทำให้เขากล้าที่จะทดลองในอีกเส้นทางที่ไม่เคยคาดฝันมาก่อน
“ตอนแรกผมเป็นคนขี้อายครับ แต่เอาชนะมันได้เพราะคิดว่ามันเป็นเรื่องของโอกาส เรารู้ตัวเองว่าเป็นคนเรียนรู้ช้า แต่ถ้าเราลงใจจะทำมันแล้ว ผมก็จะลงมือทำให้จนได้ ซึ่งตรงนี้เป็นสิ่งที่กีฬาสอนกับเรา คือเรื่องวินัยมาเป็นที่หนึ่งเลย บวกกับความพยายาม”
“และที่สำคัญคือ ความรู้สึกอยากทำให้ได้ อยากเล่นละครให้ได้ ถ้าวันไหนเรารู้สึกว่าเล่นได้แล้วเรารู้สึกดี กลับบ้านไปผมก็ยังยิ้มอยู่เลย ผมอยากมีความรู้สึกอย่างนี้ทุกวันหลังจากเราทำงาน มันเลยเป็นจุดเปลี่ยนว่าต้องทำให้ได้ อย่างน้อยสุดฝีมือ สุดความสามารถของเรา เราทำเต็มที่ จะได้ไม่รู้สึกเสียดายโอกาสที่ได้รับมา”
ล้มแล้วลุกใหม่ ด้วยทักษะการฝึกใจให้แข็งแกร่ง
แม้กีฬาบาสเกตบอลและการแสดง จะใช้ทักษะความสามารถที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง แต่ความเหมือนระหว่างทั้งสองสิ่งนี้ คือการฝึกฝน การเตรียมความพร้อม และ ทักษะการฝึกใจให้แข็งแกร่ง (Resilience) ที่พาความพยายามของกระทิงไปสู่ความสำเร็จอย่างที่ทุกคนเห็นกันในทุกวันนี้
“ผมได้ทักษะการฝึกใจให้แข็งแกร่งมาจากกีฬาเสียส่วนใหญ่เลย สำหรับผม ถ้าไม่มีกีฬาบาสเกตบอล ผมก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะไปอยู่ไหนหรือทำอะไรอยู่ จนตอนนี้ทักษะตรงนี้ผมก็เอามาใช้กับการแสดงด้วย มันเป็นปกติที่ว่าเวลาต้องถ่ายกับคนอื่นเราก็จะกดดัน แต่ความกดดันพวกนี้เราเคยเจอมาแล้วจากตอนเล่นกีฬา ผมเลยได้ทักษะจากตรงนั้นมาช่วยในการแสดงด้วย”
“ถึงวิธีการอาจจะไม่เหมือนกัน แต่การเตรียมความพร้อมและเสริมสร้างใจให้แข็งแกร่งเอาไว้ ก็ทำให้เราได้กลับมาทบทวนตัวเองว่า พลาดตรงไหน อยากเพิ่มตรงไหน ต้องฝึกอะไรเพิ่ม เตรียมตัวอย่างไรให้มากขึ้น และที่สำคัญ ผมว่าห้ามยอมแพ้ ห้ามยอมแพ้เด็ดขาด ล้มกี่ครั้งก็ต้องลุกขึ้นมาจนกว่าจะสำเร็จ ทำสิ่งที่ตัวเองชอบ หาเส้นทางของตัวเองให้เจอ แล้วมีความสุขกับมันก็พอครับ”
ไมโล เชื่อในการฝึกใจให้แข็งแกร่งผ่านการเล่นกีฬา เพื่อก้าวข้ามความท้าทาย และเตรียมพร้อมรับกับทุกอุปสรรคที่เข้ามาในสนามของชีวิต เปลี่ยนเป็นแรงผลักดัน แล้วพาเราเองก้าวต่อไปในเส้นทางฝันได้ไกลกว่าเดิมเช่นเดียวกับกระทิง ที่ข้ามผ่านทุกบทเรียนสำคัญในชีวิตทั้งบทบาทนักกีฬาสโมสรและอาชีพการแสดง จนประสบความสำเร็จและมีความสุขกับทุกสิ่งที่ทำอย่างเช่นทุกวันนี้