“อวัยวะเพศคล้ำ ไม่กล้าตรวจภายใน ใครอายบ้างคะ”
นี่คือคำถามแรกที่ปรากฏขึ้นมาเมื่อเราเสิร์ชเกี่ยวกับผู้หญิงที่กลัวการตรวจภายใน ขณะที่ใครหลายคนก็อายเกินกว่าที่จะตอบคำถามว่า “ยังเวอร์จิ้นอยู่หรือเปล่า” หรือไม่กล้าบอกคนอื่นว่าตกขาวช่วงนี้มีกลิ่นแปลกๆ ซึ่งในทางหนึ่งนั้น มันคือการปล่อยตัวเองไว้กับความเสี่ยงที่จะติดโรคทางเพศสัมพันธ์ โดยเฉพาะเชื้อไวรัส HPV ซึ่งเป็นภัยเงียบที่น่ากลัวทีเดียว
หากถามต่อว่าเจ้าเชื้อเอชพีวีนี้คืออะไร และก่อให้เกิดอะไรได้บ้าง เราอยากชวนให้คุณนึกภาพตาม—แน่นอนว่าเมื่อเกิดขึ้นแล้ว มันคงทำให้คุณกระอักกระอ่วนเอียงอายยิ่งกว่าตอนตรวจภายใน เล่าสภาพความเป็นอยู่ของน้องสาว หรือสารภาพประสบการณ์ทางเพศออกมาเสียอีก
เชื้อเอชพีวี (Human Papillomavirus) มีมากกว่า 100 สายพันธุ์ และในบรรดาเหล่านั้นมี 4 สายพันธุ์ร้ายแรงที่ก่อให้เกิดโรคต่างๆ กันออกไป สำหรับเพศหญิง เชื้อเอชพีวีก่อให้เกิดมะเร็งปากมดลูก มะเร็งช่องคลอด มะเร็งปากช่องคลอด รวมถึงมะเร็งทวารหนัก หูดหงอนไก่ ซึ่งสามข้อหลังนี้สามารถเกิดในเพศชายได้ด้วย โดยทางเดียวที่จะป้องกันได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุดก็คือการฉีดวัคซีนป้องกัน
ในประเทศไทยมีวัคซีนให้เลือกฉีด 2 เซ็ตด้วยกัน คือ (1.) วัคซีนเอชพีวีชนิด 4 สายพันธุ์ ครอบคลุมทุกโรคที่เราเอ่ยชื่อเอาไว้และได้ทั้งหญิงและชาย ส่วน (2.) วัคซีนเอชพีวีชนิด 2 สายพันธุ์ ที่ครอบคลุมมะเร็งปากมดลูกมะเร็งบริเวณช่องคลอดและมะเร็งปากช่องคลอด โดยเมื่อฉีดวัคซีนแล้วจากการศึกษาในปัจจุบันยังไม่ต้องฉีดซ้ำโดยคาดว่าจะสามารถป้องกันได้อย่างยาวนาน
อย่าอายที่จะบอกหมอว่าเวอร์จิ้นหรือไม่ แล้วเดินเข้าไปฉีดวัคซีน
นับเป็นโชคดีของสาวเวอร์จิ้น เพราะถึงแม้คุณจะถูกเพื่อนแซวว่าแห้งเหี่ยว การช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการฉีดวัคซีนเอชพีวีก็คือช่วงก่อนที่จะเคยมีเพศสัมพันธ์ (โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงอายุ 11-12 ปี—ซึ่งใครหลายคนคงเลยเวลานั้นมานานแล้ว)
คราวนี้ จึงนำมาสู่คำถามที่ว่า สำหรับคนที่เคยมีเพศสัมพันธ์แล้ว จะได้รับประโยชน์จากการฉีดวัคซีนเอชพีวีหรือไม่?
หากคุณเคยติดเชื้อเอชพีวีสายพันธุ์ที่มีในวัคซีนแล้วและยังคงมีเชื้อในร่างกาย จะไม่ได้รับประโยชน์จากการป้องกันสำหรับเชื้อสายพันธุ์นั้น แต่จะยังได้รับการป้องกันสำหรับเชื้อสายพันธุ์อื่นในวัคซีนเซ็ตเดียวกัน และอาจได้รับประโยชน์ในการป้องกันการติดเชื้อซ้ำ (re-infection) การติดเชื้อลามไปจุดอื่น รวมถึงการถ่ายทอดเชื้อไปยังคู่นอน
แต่สำหรับคนที่เคยติดเชื้อแต่หายแล้ว หรือไม่เคยติดเชื้อเลย จะยังได้รับประโยชน์จากวัคซีนอย่างเต็มที่ ซึ่งสาวบริสุทธิ์ก็สามารถมั่นใจได้ว่าเราอยู่ในกลุ่มหลังนี้แน่ๆ
อย่าอายที่จะตรวจภายใน เพราะมะเร็งมันร้ายและเอาจริง!
มะเร็งปากมดลูกนั้น เป็นเพียงไม่กี่มะเร็งที่ป้องกันได้ เพราะนอกจากป้องกันไม่ให้ติดเชื้อเอชพีวีซึ่งเป็นตัวก่อมะเร็งได้ด้วยการฉีดวัคซีน ยังมีการตรวจภายในที่ช่วยค้นหาโรคได้ตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อให้ทำการรักษาได้ทันท่วงทีอีกด้วย และมะเร็งปากมดลูกคือภัยร้ายระดับท็อปจากเชื้อเอชพีวี จากสถิติของสถาบันมะเร็งแห่งชาติ ในทุกๆ วัน จะมีผู้หญิงไทย 23 คนที่กลายเป็นผู้ป่วยมะเร็งปากมดลูกรายใหม่ และอีก 12 คนเสียชีวิตลง
ความร้ายของมันคือในระยะแรก ผู้ป่วยจะไม่ปรากฏอาการใดๆ เลย ทางเดียวที่จะรู้ได้และรักษาอย่างทันการณ์ก็คือการตรวจภายในและการตรวจด้วยวิธี แปปสเมียร์ (Pap smear—การป้ายเซลล์บริเวณปากมดลูกเพื่อเอาเซลล์นั้นไปตรวจหาเซลล์มะเร็ง ซึ่งควรทำประจำทุกๆ ปีเ ดังนั้นไม่ว่าอวัยวะเพศจะคล้ำหรือมีสีใดๆ ก็ควรไปตรวจภายในดูบ้าง เพื่อป้องกันโรคต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น
และสำหรับมะเร็งปากมดลูก เมื่อถึงระยะลุกลามแล้ว อาการคือจะมีเลือดออกหลังมีเพศสัมพันธ์ ตกขาวมีกลิ่นหรือมีลักษณะคล้ายน้ำคาวปลา ถ้าเป็นมากอาจถ่ายปัสสาวะเป็นเลือดหรือมีอาการผิดปกติไปถึงระบบขับถ่ายอุจจาระ และท้ายที่สุด—ตามประสามะเร็ง ก็คือสร้างความเจ็บปวดมหาศาล กระจายไปสู่อวัยวะอื่นหรือกระทั่งความตาย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นในปัจจุบันมะเร็งปากมดลูกสามารถรักษาให้หายขาดได้ ขึ้นอยู่กับระยะของโรค
ดังนั้นยิ่งกล้าไปตรวจภายในเร็วเท่าไหร่ก็จะยิ่งดีเท่านั้น
พฤติกรรมแบบไหนที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชพีวี?
เมื่อคุณอยากเช็คว่าตัวเองอยู่ในกลุ่มเสี่ยงมากพอที่จะไปตรวจภายในเร็วๆ นี้เลยหรือไม่ โอเค ได้!
เพศสัมพันธ์คือปัจจัยหลักที่ทำให้ผู้คนติดเชื้อเอชพีวี โดยพฤติกรรมเสี่ยงสำคัญคือการมีคู่นอนหลายคน หรือสำหรับใครที่มีคู่นอนคนเดียว ก็ยังเสี่ยงอยู่ดีหากคู่ของคุณไม่ได้มีเซ็กส์กับคุณแค่คนเดียว หากคุณมีเซ็กส์โดยไม่ป้องกัน
แต่ถึงอย่างนั้นไม่ใช่แค่เพศสัมพันธ์แบบสอดใส่ เพียงการสัมผัสหรือแค่ภายนอก ก็ติดเชื้อได้เช่นกัน เพราะเชื้อเอชพีวีนั้นติดต่อได้ตั้งแต่องคชาติ รูทวารหน้า-หลัง รวมไปถึงลิ้น ต่อมทอลซิล และช่องลำคอด้วย ซ้ำร้ายเชื้อเอชพีวียังมีปรากฏอยู่ตามห้องน้ำสาธารณะอีกต่างหาก ถึงแม้จะมีโอกาสก่อให้เกิดโรคน้อยมากก็ตาม
ถ้าจะให้พูดกันง่ายๆ ใครใครก็มีความเสี่ยงกับเชื้อเอชพีวีได้ทั้งนั้นไม่ว่าจะอยู่ในช่วงอายุหรือเพศไหน ดังนั้นสิ่งสำคัญที่สุดคือละทิ้งความอายที่จะเผชิญหน้ากับมัน ลองไปตรวจภายใน รีบไปหาหมอเมื่อพบอาการแปลกๆ เกี่ยวกับอวัยวะเพศและเล่าให้หมดเปลือก รวมถึง ยอมรับเกี่ยวกับพฤติกรรมทางเพศที่สุ่มเสี่ยง เพราะอันที่จริงการดูแลรักษาสุขภาพตัวเองไม่ใช่เรื่องที่น่าอาจเลย—ขอให้คุณโชคดี