สำหรับมือใหม่ หัดขับรถว่ายากแล้ว เจอถนนในเมืองกรุงเข้าไป บอกเลยว่ายากกว่าเป็นสิบเท่า!
มีคนเคยบอกไว้ว่า การขับรถก็เหมือนการเล่นเกมที่ต้องสะสมสกิลต่างๆ เพื่ออัพเลเวลการขับขี่ให้มากขึ้น ซึ่งถนนในกรุงเทพฯ ก็ไม่ต่างอะไรกับด่านสุดท้ายที่เหล่าคนขับรถต้องเจอ เพราะนอกจากเรื่องรถติดที่กลายเป็นปัญหาเบสิกที่หลายคนคุ้นเคย แต่ก็ไม่ชินสักที ยังต้องมาเจอกับวิกฤตอื่นๆ มากมายที่เรียกร้องทักษะหรือสกิลเทพๆ ไว้เอาตัวรอดอยู่เสมอ
แต่ในทุกๆ วิกฤตก็ย่อมมีทางออก เราจึงยกตัวอย่างเหตุการณ์สุดวิกฤต ว่าต้องพบเจอกับอะไรที่โหดร้ายบนท้องถนนในเมืองบ้าง พร้อมแนะนำสกิลพื้นฐานที่จำเป็นต้องมี ที่บอกเลยว่าถ้าเชี่ยวกับถนนเมืองกรุงเมื่อไร จะถนนที่ไหนก็สบาย
ได้ถอยมีเสียว
เนื่องจากบ้านในเมืองของคนทำงานส่วนใหญ่มักจะเป็นหมู่บ้านจัดสรรลักษณะทาวน์โฮม ซึ่งที่จอดรถก็มักจะต้องใช้การหันหน้ารถเข้าหน้าตัวบ้าน ทำให้เวลาจะออกจากบ้านจึงจำเป็นต้องถอยรถออก ซึ่งไม่เพียงแค่การถอยรถออกจากบ้านเท่านั้น เวลาถอยรถออกจากที่จอดรถต่างๆ อย่างเช่นคอนโดหรือที่จอดรถในห้างก็เช่นกัน ด้วยความที่มนุษย์เรามีดวงตาอยู่ข้างหน้า โครงสร้างดวงตารวมทั้งสองข้างแล้ว ทำให้เรามองเห็นภาพได้กว้างสุดประมาณ 180 องศาเท่านั้น เวลาที่มีอะไรเคลื่อนไหวอยู่ข้างหลังก็มักจะทำให้เกิดอาการระแวงอยู่เสมอ ยิ่งถ้าเป็นมือใหม่หัดถอยรถออกแล้วก็เกิดอาการเหวอๆ ไปตามๆ กัน
สกิลที่ต้องมี
ด้วยเหตุนี้จึงทำให้รถยนต์ทุกคันต้องมีกระจกมองหลังและกระจกมองข้างติดตั้งไว้ สกิลที่จำเป็นต้องใช้ก็การมองกระจกมองหลังสลับกับเอี้ยวตัวหันไปมองข้างหลังว่ามีรถคันอื่นกำลังขับผ่านมาหรือไม่ เน้นว่าให้หันไปมองด้วยตาตัวเอง เพราะองศาของกระจกมองหลังช่วยให้เรามองเห็นองศาได้ประมาณหนึ่งเท่านั้น เมื่อมั่นใจแล้วว่าไม่มีรถก็ค่อยๆ ถอยออกมาทีละนิดๆ แต่สมัยนี้ทุกอย่างก็ง่ายไปหมด เพราะรถรุ่นใหม่ๆ เขามีกล้องมองหลังและเรดาร์ตรวจจับการเคลื่อนไหวที่ส่งสัญญาณดังปิ๊บๆ เมื่อเจอรถคันอื่นที่อยู่ในมุมอับกำลังจะวิ่งผ่านขณะที่เรากำลังถอยหลัง เรียกว่าล้ำไปกว่ากล้องมองหลังธรรมดาๆ อีก
ซอยแคบแหกไม่ได้
หลังจากถอยรถออกจากบ้านได้แล้ว วิบากกรรมของคนขับรถส่วนใหญ่ยังไม่หมดง่ายๆ เพราะระบบขนส่งสาธารณะอันเลวร้าย ทำให้บ้านไหนก็มีรถยนต์กันทั้งนั้น แถมไม่ได้มีแค่คันเดียวอีกด้วย หมู่บ้านจัดสรรส่วนใหญ่เต็มไปด้วยรถที่จอดเรียงรายกันหน้าบ้านทั้งสองฝั่งซ้ายขวา จนเหลือเลนตรงกลางที่แสนจะแคบให้เราขับผ่านไปได้แบบฉิวเฉียดเท่านั้น เรียกได้ว่าเหลือพื้นที่แค่ไม่ถึงคืบระหว่างคันรถเท่านั้น ถ้าใครรีบร้อนกลัวจะไปทำงานไม่ทัน คงต้องมีไปสอยกระจกข้างกันบ้างล่ะ
สกิลที่ต้องมี
ข้อแนะนำอย่างแรกเลยคือต้องใจเย็น อย่าเพิ่งไปหัวเสียหัวร้อนกับคนแถวบ้านที่จอดรถขวางถนนไม่เป็นระเบียบ จากนั้นก็กะขนาดความกว้างของรถเรา ว่าสามารถลอดช่องแคบมรณะนั้นไปได้แน่ๆ สำคัญคือต้องชัวร์ว่ารถของเราตั้งขนานกับถนนทั้งสองฝั่ง ก่อนจะมุดแทรกช่องว่างแคบๆ นั้นอย่างใจเย็น ขณะที่กำลังมุดก็ต้องมองกระจกข้างทั้งซ้ายขวาสลับกัน จนมั่นใจว่ากระจกมองข้างของรถเราไม่ไปสอยกระจกมองข้างของรถที่จอดอยู่แน่นอน เว้นระยะๆ ให้ชัวร์ประมาณหนึ่งคืบก็น่าจะผ่านไปได้แบบสบายๆ หรือการเปิดกล้องดูมุมจากด้านข้างรถก็น่าจะช่วยได้สบาย
ระแวงตอนเลี้ยวออกซอย
พอพ้นจากซอยในหมู่บ้านเรียบร้อย ก่อนจะขับออกไปถนนใหญ่ก็ต้องฝ่าวิกฤตการเลี้ยวออกจากซอยก่อน ซึ่งหนึ่งในอุบัติเหตุที่พบเจอบ่อยที่สุดในเมืองคงหนีไม่พ้นอุบัติเหตุจากรถมอเตอร์ไซค์ เพราะใครๆ ก็อยากจะหนีรถติดด้วยการซิ่งมอเตอร์ไซค์หรือนั่งพี่วินกันทั้งนั้น แต่ก็ต้องแลกมากด้วยความเสี่ยงที่มากขึ้น โดยเฉพาะเคสของการที่รถยนต์ขับออกจากซอยแบบไม่ทันระวัง จนมอเตอร์ไซค์ที่พุ่งมาด้วยความเร็วสูงในเลนซ้ายหักหลบไม่ทันจึงชนเข้าอย่างจัง เรียกว่าคนขับรถยนต์ผิดเต็มๆ ทำให้เวลาจะเลี้ยวออกจากซอยแต่ละครั้งต้องระแวงทุกครั้ง
สกิลที่ต้องมี
จะดีกว่านั้นหากเราช่วยลดความสูญเสียจากอุบัติเหตุด้วยการระมัดระวังมากขึ้น ทุกครั้งที่จะออกจากซอยที่เป็นมุมอับจนมองไม่เห็นรถที่กำลังแล่นมาทางขวามือ ให้ลองหยั่งเชิงด้วยการโผล่หน้ารถออกไปทีละนิดๆ หรือเรียกง่ายๆ ว่า แหลมออกไปนั่นแหละ เพื่อให้รถที่กำลังมามองเห็นแล้วชะลอความเร็วทัน เทคนิคสำคัญคือต้องชะเง้อตัวออกไปมองให้มากที่สุด เมื่อมั่นใจว่ารถคันอื่นจอดให้ทางแล้ว จึงค่อยเลี้ยวออกไป แต่ใครที่ยังไม่ชัวร์ รถบางรุ่นก็มีกล้องหน้าติดตั้งมาให้ด้วย แถมยังมีมุมกว้างถึง 177 องศาจากด้านหน้า ทำให้เราเห็นสภาพแวดล้อมหรือมุมอับก่อนเลี้ยวออกจากซอยได้ โดยที่ไม่ต้องยื่นออกมาทั้งคัน
รถติดสติหลุด
ไม่ต้องแปลกใจหากการขับรถในกรุงเทพฯ น้อยคนนักที่จะเหยียบคันเร่งได้เร็วกว่า 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เพราะสถิติจากกรมการขนส่งทางบกเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา มีจำนวนรถที่จดทะเบียนสะสม 9.8 ล้านคัน เฉพาะในกรุงเทพฯ เท่านั้น เพราะฉะนั้นปัญหารถติด จึงเป็นเรื่องปกติที่ไม่มีใครเคยทำใจให้ชินได้สักที ด้วยความหนาแน่นของรถที่ไม่สมดุลกับถนนจึงทำให้การขับรถในเมืองเป็นการแตะเบรคสลับคันเร่ง แล้วปล่อยให้รถไหลไปเรื่อยๆ จนถึงที่หมาย ซึ่งการสสับไปมาแบบนี้แหละ ที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุชนท้ายกันบ่อยๆ เพราะปล่อยไหลกันเพลินนั่นเอง
สกิลที่ต้องมี
สำหรับปัญหานี้ คงไม่มีสกิลไหนจะดีไปกว่าการควบคุมสติให้มีสมาธิกับการขับรถมากที่สุด อย่าเพิ่งไปกังวลว่าจะไปตามนัดหรือไปทำงานไม่ทัน ควรโฟกัสอยู่กับท้ายรถคันหน้า แล้วให้เท้าของเราทำหน้าที่ไปตามจังหวะของรถที่กำลังติด ราวกับการนั่งสมาธิยังไงยังงั้น แต่สำหรับบางคนที่ชำนาญแล้ว สกิลอาจพัฒนาไปถึงขั้นเป็นสัญชาตญาณ ติดไหลๆ แค่ไหนก็ชิลล์ สำคัญที่สุดคืออย่าประมาทก็พอ แต่สำหรับใครที่อาจเผลอสติหลุดโดยไม่ตั้งใจ สมัยนี้รถเขาก็มีระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติ เมื่อกล้องเซ็นเซอร์ตรวจจับว่ารถมีความเสี่ยงที่จะเกิดการชน รถจะทำการเบรคโดยอัตโนมัติทันที
นี่ถนนหรือสนามแข่งออฟโรด
ถนนหนทางในกรุงเทพฯ นอกจากจะขึ้นชื่อเรื่องรถติดแล้ว อุปสรรคอีกอย่างของการขับรถคือการต้องคอยสังเกตสภาพพื้นผิวถนน ที่อาจมีฝาท่อ หลุมบ่อขนาดใหญ่ ลูกระนาด ฯลฯ เอ๊ะ นี่เรากำลังขับรถในเมืองหรือสนามแข่งออฟโรดกันแน่ มีอะไรให้เซอร์ไพรซ์ตลอดเวลา ถ้าไม่ระวังรถของเราก็อาจตกหลุมกระแทกจนรถสุดที่รักของเราเสียหายได้ โดยเฉพาะช่วงล่าง ทั้งโช๊คพัง ล้อคด ลูกปืนแตก ฯลฯ หรือถ้าขับมาเร็วอาจถึงขั้นพลิกคว่ำได้ ไม่ปลอดภัยทั้งชีวิตและทรัพย์สินเลยทีเดียว
สกิลที่ต้องมี
สกิลที่ต้องมีคือสายตาอันเฉียบคมสามารถสังเกตพื้นถนนได้จากระยะไกล โดยให้มองกวาดไปข้างหน้าจนเห็นทัศนวิสัยได้อย่างละเอียด ทั้งรถคันหน้าที่กำลังแล่นอยู่รวมไปถึงสภาพของพื้นถนน เมื่อพบสิ่งแปลกปลอมก็ต้องรีบชะลอรถให้ไวที่สุด แต่ในขณะที่ชะลอก็ต้องไม่ลืมมองข้างหลังว่ามีรถตามอยู่ในระยะกระชั้นชิดหรือไม่ เมื่อถึงจุดที่ชะลอให้แตะเบรกเลี้ยงไว้ แล้วปล่อยให้รถไหลข้ามสิ่งกีดขวางไปแบบนิ่มๆ หรือที่เขาชอบเรียกกันว่า หยอด นั่นเอง หรือถ้าเห็นหลุมบ่อหรือสิ่งแปลกปลอมแล้วยังไม่ชัวร์ว่าจะหลบพ้นหรือไม่ ก็สามารถเปิดใช้กล้องเพื่อดูภาพมุม Top ส่องให้ชัวร์ก่อน แล้วค่อยๆ เคลื่อนรถผ่านไป จึงจะเป็นการเซฟทั้งตัวรถและตัวเรามากที่สุด
ที่จอดรถแน่นเอี๊ยด
ทุกวันนี้ไม่ว่าจะมุมไหนของเมืองก็ต้องมีห้างที่เป็นเหมือนดั่งโอเอซิสสำหรับพักผ่อนในวันหยุด แต่รู้หรือไม่ว่า แทบทุกห้างมักจะมีที่จอดรถไม่เคยเพียงพอ โดยเฉพาะในวันหยุดเสาร์อาทิตย์ ต้องแย่งต่อคิวกันจอดพอๆ กับต่อคิวรอกินบุฟเฟต์ร้านดัง เพราะปริมาณรถกับจำนวนที่จอดรถไม่เคยสัมพันธ์กันสักที เมื่อช่องที่จอดรถปกติเต็มก็ต้องอาศัยการจอดซ้อนคันกันไป ซึ่งถ้าเป็นคนที่ขับรถมาแบบเชี่ยวๆ แล้ว การจอดแบบซ้อนคันก็ไม่น่าจะใช่เรื่องยากอะไร แต่ถ้าเป็นมือใหม่แล้วล่ะก็ นี่คือท่าจอดปราบเซียน เวลาที่สอบใบขับขี่จึงมีท่าจอด 7 เกียร์ไว้ให้ใช้ประโยชน์เพื่อการนี้โดยเฉพาะ แต่อย่างว่านี่คือหนึ่งในท่าสอบที่คนตกกันมากที่สุด จึงไม่ต้องแปลกใจหากมือใหม่จะเลือกที่จะขับวนไปจนกว่าจะเจอที่จอดง่ายๆ ซะอย่างนั้น
สกิลสำหรับการจอดรถในที่จอดรถแสนแน่นเอี๊ยด
คงไม่มีคำแนะนำไหนดีไปกว่าการฝึกฝนบ่อยๆ สำหรับบางคนอาจจะต้องใช้เวลาสักหน่อยกว่าจะชำนาญ จนสามารถโลดแล่นบนท้องถนนในเมืองได้แบบเทพๆ แต่สำหรับยุคนี้แล้วความชำนาญอย่างเดียวก็ไม่น่าจะพอ ต้องอาศัยตัวช่วยล้ำๆ ที่มีอยู่ในรถ New Mazda3 ที่มาพร้อมกับ feature ช่วยให้การขับรถในเมืองเป็นเรื่องง่าย เริ่มต้นด้วยระบบแสดงภาพ 360 องศารอบทิศทาง ผ่านหน้าจอ Center Display ขนาด 7 นิ้วที่ติดตั้งอยู่ในตัวรถ
ที่ช่วยเราตั้งแต่การถอยออกจากบ้านด้วยกล้องมองหลัง พร้อมทำงานร่วมกับระบบ RCTA (Rear Cross Traffic Alert) หรือเรดาร์ตรวจจับการเคลื่อนไหวที่จะส่งเสียงดังเมื่อมีสิ่งกีดขวาง เข้าเกียร์ถอยหลังเมื่อไรก็อุ่นใจเสมอ เวลาจะมุดซอยแคบๆ ก็มีมุมกล้องที่แสดงภาพจากกล้องด้านข้างทั้งซ้ายและขวา เพื่อให้เราได้เห็นสิ่งกีดขวางรอบๆ อย่างทั่วถึง นอกจากนั้นยังมีกล้องหน้าที่ช่วยให้มองเห็นมุมกว้างถึง 177 องศา บอกเลยว่าเห็นได้กว้างกว่าการชะเง้อตัวออกมามองแน่ๆ ทำให้มั่นใจทุกครั้งที่เลี้ยวออกจากปากซอยบ้าน หรือจะไปหาที่จอดรถตามห้างในวันหยุด มุมกล้องในแบบ Top View แสดงให้เห็นทุกจุดอับสายตา พร้อมเส้นกะระยะจอด ทำให้ไม่ต้องกลัวการจอดรถซ้อนคันยากๆ หรือการจอดขนานข้างทางสุดโหดอีกต่อไป แถมยังช่วยเวลาเจอหลุมบ่อหรือฝาท่อที่แสดงให้เห็นภาพมุมบนแบบชัดๆ ช่วยให้ตัดสินใจหักหลบได้อย่างปลอดภัย
แต่ถ้าใครกลัวว่าสติจะหลุดจนรถไหลไปชนท้ายคันหน้าเวลารถติด New Mazda3 ก็มีระบบ SCBS (Smart City Brake Support) ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติ เมื่อเซ็นเซอร์ตรวจจับว่ารถมีความเสี่ยงที่จะเกิดการชน รถจะทำการเบรคโดยอัตโนมัติ เมื่อขับด้วยความเร็วต่ำ แถมยังมี SCBS-R (Smart City Brake Support-Reverse) ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติขณะถอยหลังอีกด้วย ครบทุก feature ที่ช่วยให้การขับรถในเมืองง่ายขึ้นและปลอดภัยขึ้นจริงๆ
ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมของ New Mazda3 2018 Collection ได้ที่ https://www.mazda.co.th/cars/new-mazda3-hatchback2018/