คงปฏิเสธไม่ได้ว่า ข้อจำกัดของพื้นที่ใช้สอยกับค่านิยมเรื่องความเป็นส่วนตัวในปัจจุบัน ทำให้หลายคนหันมาแยกตัวอยู่เพียงลำพังในห้องขนาดเล็ก
ไม่ว่าจะเป็นหอพัก อพาร์ตเมนต์หรือคอนโดมิเนียม นัยหนึ่งมันอาจหมายถึงการซื้อพื้นที่ส่วนตัวเพื่อกันตัวเองออกจากเสียงรายงานข่าวจากโทรทัศน์ของพ่อ หรือแว่วดนตรีที่เราก็ไม่ได้อยากฟังจากวิทยุของแม่ หรือกระทั่งเสียงปรารภของคุณย่าคุณยาย ทั้งหมดนี้ทำให้หลายคนตัดสินใจขยับขยายที่ทางจากบ้านหลังใหญ่มาอยู่ในพื้นที่เดี่ยวเล็กแคบกว่าเดิมตัวคนเดียวเพื่อความคล่องตัวและเงียบสงบ…
แต่คงบ่อยครั้ง ที่ท่ามกลางความเงียบสงบในห้องเล็กๆ แห่งนั้น เรากลับหวนคิดถึงความทรงจำบางอย่างจากบ้านหลังเก่าที่เราจากมา ในความอลหม่านเหล่านั้นที่แม้จะไม่สงบนัก แต่มันคือความอบอุ่นที่เราเชื่อว่าคงทำให้หลายคนที่วันหนึ่งต้องสร้างครอบครัวของตัวเอง จะอยากขยับขยายพื้นที่เล็กๆ ที่ตัวเองเคยฝากกายไว้เมื่อยังหนุ่มสาว กลับมาสู่การเป็นบ้านหลังใหญ่สำหรับฝากใจของตัวเองและสมาชิกคนอื่นๆ ประกอบร่างสร้างเป็นบ้านและครอบครัวที่เราใฝ่หา และกลายมาเป็น ‘บ้าน’ ในความหมายที่โอบกอดเราไว้อย่างคำว่า ‘ครอบครัว’
เราอาจคิดถึงความเป็นส่วนตัวบ้าง ในขณะเดียวกันก็เบื่อการทะเลาะเพื่อยึดครองพื้นที่ที่ใช้ร่วมกัน และถ้าจะให้นึกถึงเรื่องราวคงเป็นห้องครัว ห้องนั่งเล่น ที่ความทรงจำมักเกิดขึ้นที่นี่ ด้วยอาหารที่หลากหลายเสมอเพราะคนทำมักคำนึงถึงความชอบของทุกคนในบ้าน กับข้าวร้อนกรุ่นจากกระทะเพราะพ่อกับแม่เชื่อว่ามันดีกว่าอาหารแช่แข็งที่คนรุ่นลูกนิยมซื้อจากห้างสรรพสินค้าเพื่อความสะดวกสบาย ระหว่างนั้น ถ้าไม่มีใครสังเกตเห็น ใครคนหนึ่งในวงข้าวอาจเป็นน้องสาวน้องชายสักคน จะแอบหย่อนกระดูกให้เจ้าหมาที่นอนหมอบรออยู่ใต้โต๊ะ (และถ้ามีผู้ใหญ่หันมาเห็น ก็จะถูกไล่ให้ไปล้างมือก่อนกลับมากินข้าวอีกรอบแน่ๆ)
ซึ่งทั้งหมดนี้คือบรรยากาศที่เกิดขึ้นจากความแตกต่างของคนแต่ละยุคสมัยเมื่อมาอยู่ร่วมกัน ทั้งเด็กที่เริงร่าไปกับบริเวณกว้างในบ้าน วัยรุ่นที่อยากทิ้งตัวลงในห้องเงียบๆ วัยทำงานที่อยากมีมุมสงบไว้ครุ่นคิด หรือรุ่นใหญ่อย่างพ่อแม่ที่ยังผูกพันอยู่กับบทเพลงยุคเดิมๆ ที่พวกเขาเติบโตมา ตลอดจนรุ่นปู่ย่าที่อยากใช้เวลาส่วนมากนั่งดูรายการโทรทัศน์สักช่อง
ด้วยปัจจัยเช่นนี้ แม้จะสร้างบรรยากาศอบอุ่นได้ แต่สำหรับบางจังหวะคงเลี่ยงไม่ได้เลยที่รสนิยม ความชอบและความต้องการของคนในบ้านจะขัดกัน
ฟังดูอาจย้อนแย้งอยู่ไม่น้อย ที่แม้คนรุ่นเราๆ จะอยากได้พื้นที่เงียบๆ แต่ก็ยังไม่วายคิดถึงบรรยากาศของความวุ่นวายในบ้านที่เคยสัมผัสเมื่อสมัยอดีต มีผลวิจัยอ้างอิงว่าโดยธรรมชาติแล้วนั้น มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่จะสบายใจเมื่ออยู่ในสถานการณ์หรือสถานที่ที่เราคุ้นเคย ดังนั้นจึงไม่แปลกเลยที่หลายครั้งหลายคราว คนรุ่นใหม่ที่โตมากับค่านิยม ความเชื่อและวัฒนธรรมใหม่ๆ จะหวนกลับไปคิดถึงบรรยากาศเก่าๆ ที่เคยมีสมัยยังเด็กกับครอบครัว และบรรยากาศเก่าๆ ที่ว่านั้นก็หมายรวมถึงเสียง กลิ่น ตลอดจนรสชาติอาหารที่เราจากมา โดยเฉพาะกลิ่นซึ่งเป็นประสาทสัมผัสแรกๆ ของมนุษย์ที่มาก่อนการได้ยินหรือการมองเห็น เราจึงมีแนวโน้มจะผูกพันกับกลิ่นที่เติบโตมาด้วยตั้งแต่ยังเด็ก
ทอม สตาฟฟอร์ด นักเขียนของ BBC อธิบายถึงความสามารถในการรับกลิ่นที่เชื่อมโยงกับความทรงจำไว้ เนื่องจากประสาทรับรู้ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการมองหรือการได้ยิน ล้วนต้องผ่านอวัยวะจำเพราะอย่างดวงตาหรือหู แต่ประสาทรับกลิ่นไม่ใช่อย่างนั้นเพราะมันสามารถเดินทางโดยตรงผ่านเส้นประสาทรับกลิ่น (olfactory bulb) เข้าไปสู่สมองโดยไม่มีอะไรคั่นกลาง และนั่นเองที่ทำให้มันกลายเป็นหนึ่งในประสาทสัมผัสที่พาคนเราหวนกลับไปยังอดีตได้เร็วและง่ายที่สุด โดยเฉพาะกลิ่นที่เราอยู่ด้วยมาตั้งแต่ยังเด็ก ผูกพันและมีส่วนในการก่อร่างสร้างเรามาโดยตลอดอย่างกลิ่นของบ้าน อันประกอบไปด้วยสิ่งละอันพันละน้อยอย่างกลิ่นหอมของแดด, กลิ่นพิเศษจากกาแฟของพ่อปนกับกลิ่นอาหารเช้าของแม่, กลิ่นเย็นๆ จากเนื้อตัวคุณยาย ทั้งหมดทั้งมวลคือความพิเศษเฉพาะที่สร้างความทรงจำของเราทั้งสิ้น
แล้วมันคงจะดีไม่น้อย หากเราได้มีส่วนร่วมในการสร้างบรรยากาศให้กลายเป็นความทรงจำของใครสักคน และแบ่งปันมันในนามของครอบครัว นั่นทำให้บ้านและสถานที่อยู่อาศัยเป็นปัจจัยสำคัญที่เราคำนึงถึง
และโครงการ Nirvana BEYOND พระราม 2 ก็ตอบโจทย์กลุ่มคนผู้นิยมความเป็นส่วนตัวเท่าๆ กับที่อยากแบ่งปันพื้นที่กับหลายๆ คน กับบ้านที่ถูกออกแบบเฉพาะให้ตอบโจทย์สมาชิกอันหลากหลายรุ่นในบ้าน เช่น ห้องน้ำที่มีราวจับพิเศษสำหรับผู้สูงอายุ ตลอดจนมีขนาดกว้างสำหรับคนที่ต้องนั่งรถเข็น และห้องนอนขนาดใหญ่ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันเพื่อไม่ให้คุณตาคุณยายต้องออกเดินไกลๆ ในบ้านกว้างๆ รวมทั้งลิฟต์ส่วนตัวที่ทำให้เราสัญจรไปมาได้ทั้งบ้าน, ชั้นวางรองเท้าและเก้าอี้สำหรับนั่งลงเพื่อสวมรองเท้าติดกับประตู, ห้องครัวกับโต๊ะรับประทานอาหารขนาดใหญ่เผื่อสมาชิกในบ้านจำนวนมาก และสิ่งสำคัญที่สุดคือ ‘สะพานเชื่อม’ ส่วนต่างๆ ของบ้านไปยังห้องหลักเพื่อความสะดวกสบายของผู้พักอาศัย
ด้วยราคาเริ่มต้น 16 ล้าน ทำให้ Nirvana BEYOND พระราม 2 จึงเป็นบ้านที่เหมาะสำหรับครอบครัวที่ต้องการให้พื้นที่ส่วนตัวกับทุกสมาชิกในบ้าน เด็กรุ่นหลังที่เกิดมาจะได้วิ่งเล่นในบริเวณกว้างๆ และมีห้องส่วนตัวในโมงยามที่พวกเขาอยากอยู่ลำพัง และเดินมายังห้องครัวเพื่อกินอาหารพร้อมหน้าพร้อมตา จดจำกลิ่นพิเศษของกับข้าวฝีมือแม่ รสกาแฟที่พ่อชอบ กลิ่นอ่อนๆ จากหญ้าหลังบ้านและบทสนทนาของผู้อาวุโสที่มีเรื่องเล่ามากมายสับเปลี่ยนไปทุกวัน และอยู่ยาวนานไปจนกระทั่งวันหนึ่งเราได้กลายมาเป็นผู้อาวุโสของบ้านและผลัดห้องส่วนตัวชั้นบนให้คนรุ่นหลังเพื่อย้ายมาห้องชั้นล่าง- จนสิ่งเหล่านี้ได้กลายเป็นความทรงจำเฉพาะตัวของพวกเขาและตัวเราในเวลาต่อมานั่นเอง ซึ่งหากเป็นไปได้ เราคงอยากให้ตัวเราในอนาคตและสมาชิกใหม่ในบ้านได้มีโอกาสแบ่งปันมวลอารมณ์นั้นแก่กันและกันสักครั้ง ในนิยามของคำว่าบ้านและครอบครัว
อ้างอิงข้อมูลจาก
http://www.bbc.com/future/story/20120312-why-can-smells-unlock-memories?ocid=ww.social.link.email