ในยุคที่คนเมืองกำลังตามหาชีวิตที่ดีกว่า รายงาน Global Liveability Index 2025 ของ The Economist Intelligence Unit (EIU) ก็ยืนยันว่า เมืองอย่างโคเปนเฮเกน เวียนนา และซูริก ขึ้นแท่นเมืองน่าอยู่
เพราะตอบโจทย์ครบทั้งความปลอดภัย การศึกษา สุขภาพ สิ่งแวดล้อม และโครงสร้างพื้นฐานที่ดี ทำให้การอยู่อาศัยไม่ใช่แค่มีบ้าน แต่หมายถึงการได้ใช้ชีวิตที่มีคุณภาพจริงๆ คำถามคือ กรุงเทพฯ ของเรา มีพื้นที่แบบนั้นบ้างไหม?
ทุกวันนี้ตลาดอสังหาฯ ในกรุงเทพฯ เริ่มขยับจากการขายแค่ทำเลหรือความหรูหรา ไปสู่การขาย ‘คุณภาพชีวิต’ โครงการใหญ่ๆ เริ่มทำในรูปแบบ mixed-use ที่รวมการทำงาน การพักผ่อน และการใช้ชีวิตไว้ด้วยกัน เพื่อให้คนเมืองไม่ต้องเสียเวลาไปกับปัญหารถติดหรือโครงสร้างพื้นฐานที่ยังไม่สมบูรณ์ ถือเป็นการยกระดับมาตรฐานการอยู่อาศัยให้ใกล้เคียงเมืองชั้นนำของโลกมากขึ้น
หนึ่งในนั้นคือ ‘วัน แบงค็อก’ ที่ประกาศตัวชัดเจนว่าเป็น ‘เมืองที่พร้อมอยู่เสมอ’ ไม่ใช่แค่แลนด์มาร์กอสังหาฯ แต่คือ Green Smart City ที่ยืนอยู่บน 3 เสาหลัก: People-Centricity, Sustainability และ Smart City Living ตั้งแต่การออกแบบไปจนถึงการบริหารจัดการ เพื่อทำให้ทุกการใช้ชีวิตเป็นเรื่องราบรื่นและยั่งยืน
อยากรู้ไหมว่า วัน แบงค็อก สร้าง ‘เมืองที่พร้อมอยู่เสมอ’ ที่จะส่งเสริมให้ผู้คนได้ใช้ชีวิตอย่างเต็มศักยภาพในทุกมิติได้อย่างไร คลิก www.onebangkok.com หรือติดตาม Facebook: One Bangkok Retail, Instagram: parade.onebangkok / thestoreys.onebangkok, TikTok: onebangkok.retail หรือแอด LINE: @onebangkokretail
ความมั่นคงปลอดภัย รากฐานสำคัญของชีวิตคุณภาพ

วัน แบงค็อก ให้ความสำคัญกับความปลอดภัย เพราะอยากให้ทุกคนที่เข้ามาอยู่หรือใช้ชีวิตที่นี่อุ่นใจได้ตลอดเวลา หัวใจหลักคือ District Command Center (DCC) ศูนย์บัญชาการอัจฉริยะที่ทำงานตลอด 24 ชั่วโมง และกล้องวงจรปิดกว่า 5,000 ตัวที่กระจายอยู่ทั่วโครงการฯ ทำให้มองเห็นภาพรวมสถานการณ์แบบเรียลไทม์ และเชื่อมต่อสื่อสารกันได้อย่างราบรื่น เพื่อให้พร้อมรับมือกับเหตุการณ์ต่างๆ ได้ทันที
ในส่วนของระบบรักษาความปลอดภัย DCC ยังใช้ Integrated Security System ที่ผสานการทำงานของกล้องวงจรปิดอัจฉริยะ พร้อมเทคโนโลยี AI ที่ช่วยตรวจจับพฤติกรรมผิดปกติ และส่งการแจ้งเตือนแบบเรียลไทม์ (Smart Surveillance) รวมถึงระบบควบคุมการเข้าออกพื้นที่อย่าง QR Code และการจดจำใบหน้า (Access Control) ที่ช่วยกันคนแปลกหน้าหรือบุคคลที่ไม่ได้รับอนุญาตไม่ให้เข้ามา ทำให้ทุกย่างก้าวภายใน วัน แบงค็อก เต็มไปด้วยความปลอดภัยและมั่นใจได้จริง
นอกจากเรื่องความปลอดภัยแล้ว ยังมีระบบ Disaster Management สำหรับจัดการภัยพิบัติและสถานการณ์ฉุกเฉินแบบครบวงจร โดยวางกระบวนการไว้ 4 ขั้นตอนชัดเจน คือ 1.การรับรู้สถานการณ์ (Situational Awareness) ที่เก็บและวิเคราะห์ข้อมูลแบบเรียลไทม์จากทุกระบบเพื่อตัดสินใจได้ทันเวลา 2.การสนับสนุนการตัดสินใจ (Decision-Making Support) ที่ส่งต่อข้อมูลเชิงลึกให้ผู้บริหารเลือกแนวทางได้อย่างเหมาะสมและรวดเร็ว 3.การสื่อสารและการประสานงาน (Communication & Coordination) ที่ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางอัปเดตข้อมูลและเชื่อมทุกฝ่ายเข้าด้วยกัน เพื่อให้การรับมือเป็นไปในทิศทางเดียวกัน และ 4.การจัดการเหตุการณ์ (Incident Management) ที่คอยติดตาม แก้ไข และลดผลกระทบจากการหยุดชะงักของระบบต่างๆผ่านการตรวจสอบอัจฉริยะ

นอกจากการดูแลเรื่องความปลอดภัยในชีวิตประจำวันแล้ว วัน แบงค็อก ยังให้ความสำคัญอย่างมากกับความมั่นคงของโครงสร้างอาคาร ทุกอาคารถูกออกแบบให้แข็งแรงและทนทานต่อแรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหว ด้วยการตอกเสาเข็มลึกถึง 80 เมตร ซึ่งถือว่าลึกที่สุดในประเทศไทย และมีฐานรากขนาดใหญ่กว่า 100,000 ตร.ม. เชื่อมต่อกับโครงสร้างอาคารแบบยืดหยุ่น เพื่อให้รองรับแรงสั่นสะเทือนได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด พร้อมทั้งมีแผนรับมือและการฝึกซ้อมอพยพที่ชัดเจน เพื่อให้ทุกคนมั่นใจว่าโครงการพร้อมรับมือกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดอยู่เสมอ
โครงการยังให้ความสำคัญกับ ระบบป้องกันน้ำท่วม โดยมีบ่อกักเก็บน้ำฝนที่ตกบนโครงการ 5 จุด รวมความจุถึง 15,000 ลูกบาศก์เมตร เสริมด้วยกำแพงและประตูน้ำที่สามารถติดตั้งได้ภายในเวลาเพียง 2 ชั่วโมง เพื่อป้องกันพื้นที่อย่างแน่นหนา นอกจากนี้ยังมี แผนรับมือน้ำท่วมฉุกเฉิน (Flood Respond Plan) ที่ทำงานร่วมกับสถานีตรวจอากาศ 4 จุด และระบบเฝ้าระวังระดับน้ำ เพื่อคาดการณ์และแจ้งเตือนความเสี่ยงล่วงหน้า ให้มั่นใจได้ว่า วัน แบงค็อก จะปลอดภัยจากน้ำท่วมในทุกสภาพอากาศ
เชื่อมต่อกับชีวิตเมืองแบบไร้รอยต่อ

วัน แบงค็อก ออกแบบให้มีโครงสร้างพื้นฐานที่ทันสมัยและเชื่อมโยงทุกมิติของชีวิต โดยมุ่งส่งเสริมให้ทุกคนหันมาใช้การเดินทางที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ผ่านทางสัญจรที่เข้าถึงได้สะดวกสบาย ไม่ว่าจะเป็นทางเดินเท้าที่ปลอดภัย หรือเลนจักรยานที่ออกแบบมาเพื่อรองรับการเดินทางอย่างยั่งยืน โครงการยังเชื่อมต่อโดยตรงกับระบบขนส่งมวลชนหลักของกรุงเทพฯ อย่างสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT สายสีน้ำเงิน สถานีลุมพินี ทำให้การเดินทางเข้าออกโครงการเป็นเรื่องง่ายและรวดเร็ว
นอกจากนี้ ภายในโครงการยังออกแบบทางเข้าออกไว้มากถึง 6 จุด เพื่อรองรับการเดินทางจากหลายทิศทาง รวมถึงมีทางเชื่อมพิเศษที่ตัดตรงเข้าสู่ทางด่วนโดยเฉพาะ ช่วยให้ผู้ที่ใช้รถยนต์สามารถเดินทางเชื่อมต่อกับโครงข่ายถนนสายหลักได้อย่างสะดวกและประหยัดเวลา
และเพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการเดินทางทุกรูปแบบ วัน แบงค็อก ยังมีบริการ EV Shuttle Service รถไฟฟ้ารับ-ส่งฟรี ระหว่างโครงการฯ และสถานี BTS เพลินจิต ให้ผู้คนสามารถเดินทางต่อเชื่อมด้วยระบบขนส่งสาธารณะได้สะดวกยิ่งขึ้น ทั้งหมดนี้สะท้อนความตั้งใจที่จะสร้างประสบการณ์การเดินทางที่ทั้งง่าย ปลอดภัย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง
สุขภาวะที่ดี เพื่อคุณภาพชีวิตที่ยั่งยืน

วัน แบงค็อก ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมสุขภาวะที่ดีทั้งร่างกายและจิตใจของผู้อยู่อาศัยและผู้ใช้อาคาร ผ่านการออกแบบที่คำนึงถึงสุขภาพรอบด้าน ตั้งแต่การเลือกใช้ กระจกฉนวนกันความร้อน (Insulated Glass) ที่ช่วยลดการถ่ายเทความร้อนจากภายนอกเข้าสู่ตัวอาคาร ทำให้ประหยัดพลังงานและรักษาอุณหภูมิภายในให้เหมาะสมอยู่เสมอ อีกทั้งยังช่วยลดเสียงรบกวนจากภายนอก ขณะเดียวกันก็ออกแบบช่องเปิดและหน้าต่างเพื่อให้แสงธรรมชาติส่องถึงภายในได้อย่างทั่วถึง ลดการใช้พลังงานไฟฟ้าและสร้างบรรยากาศที่โปร่งสบาย คุณภาพอากาศภายในอาคารก็ได้รับการดูแลอย่างเข้มงวด โดยใช้ไส้กรอง MERV 8 และ MERV 14 ที่สามารถกรองฝุ่น PM2.5 และ PM10 ร่วมกับการใช้รังสี UV ในการกำจัดเชื้อโรค พร้อมเซ็นเซอร์ตรวจวัดคุณภาพอากาศเพื่อให้มั่นใจว่าอากาศสะอาดบริสุทธิ์อยู่ตลอดเวลา ในพื้นที่สาธารณะก็มีการนำระบบไร้สัมผัสมาใช้ เช่น ระบบจดจำใบหน้า และเครื่องสแกน QR Code เพื่อความสะดวกและสุขอนามัยที่ดี
นอกจากนี้ยังมี เครื่องกรองน้ำดื่มให้บริการทุกชั้น ของอาคารสำนักงานและที่พักอาศัย โดยใช้ไส้กรองคาร์บอนและท่อส่งน้ำไร้สารตะกั่วที่ได้รับการรับรองจาก NSF พร้อมตรวจสอบคุณภาพน้ำอย่างสม่ำเสมอ วัสดุก่อสร้างและตกแต่งที่เลือกใช้ก็ใส่ใจด้านสุขภาพอย่างแท้จริง ปราศจากสารเคมีอันตราย เช่น ตะกั่ว ปรอท และใช้วัสดุที่มีสารระเหยต่ำ เพื่อลดความเสี่ยงในการสัมผัสสารพิษในชีวิตประจำวัน ทั้งหมดนี้สะท้อนถึงความตั้งใจของ วัน แบงค็อกในการสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย โปร่งสบาย และเอื้อต่อสุขภาวะของทุกคนอย่างแท้จริง
มาตรฐานระดับโลกเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน

วัน แบงค็อก ได้รับการรับรองมาตรฐาน LEED for Neighbourhood Development (LEED ND) ระดับ Platinum เป็นโครงการแรกของประเทศไทย สะท้อนถึงการออกแบบพื้นที่ที่เอื้อต่อการเดินและการพักผ่อน เข้าถึงสิ่งอำนวยความสะดวกได้ในระยะเดินถึง เชื่อมต่อกับระบบขนส่งสาธารณะ และยังคำนึงถึงการจัดการพลังงาน น้ำ และทรัพยากร ตลอดจนสาธารณูปโภคที่รองรับการใช้งานจริง รวมถึงคุณภาพชีวิตของผู้คนที่จะเข้ามาอยู่อาศัยและทำงาน
พร้อมกันนั้น โครงการยังมุ่งสู่การรับรองมาตรฐาน WELL ระดับ Platinum ที่ครอบคลุมคุณภาพทั้งด้านอากาศ น้ำ แสง การออกกำลังกาย สาธารณูปโภค และการออกแบบที่ใส่ใจสุขภาวะ เพื่อสร้างพื้นที่ทำงานและที่อยู่อาศัยที่ยกระดับคุณภาพให้ดียิ่งขึ้น ด้านโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล วัน แบงค็อก ยังโดดเด่นด้วยการได้รับการรับรองมาตรฐานระดับโลก ทั้ง WiredScore Platinum สำหรับความสามารถในการเชื่อมต่อระบบดิจิทัล และ SmartScore Platinum สำหรับการนำเทคโนโลยีอัจฉริยะขั้นสูงมาใช้ยกระดับประสบการณ์ของผู้ใช้งาน โดยอาคารสำนักงานและอาคารที่พักอาศัยทั้งหมดภายในโครงการต่างได้รับการรับรองครบถ้วน ส่งผลให้ทั้งโครงการได้รับการรับรองในระดับ Neighborhood เป็นโครงการแรกของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
การรับรองมาตรฐานต่าง ๆ ทั้งในด้านโครงสร้างพื้นฐาน ระบบอัจฉริยะ และความยั่งยืนเหล่านี้ ล้วนสอดคล้องกับเป้าหมาย ESG และตอกย้ำว่าทุกองค์ประกอบของโครงการได้รับการออกแบบและพัฒนาในมาตรฐานระดับโลกสูงสุด เพื่อเป็น ‘เมืองที่พร้อมอยู่เสมอ’ รองรับทุกรูปแบบการใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพและยั่งยืนในทุกมิติ
เมืองที่ไม่หยุดนิ่ง พร้อมต้อนรับทุกคน

วัน แบงค็อก ออกแบบให้เป็นศูนย์รวมการช้อปปิ้งและไลฟ์สไตล์แบบครบวงจร ที่เชื่อมต่อกันอย่างราบรื่นผ่าน Retail Loop กว่า 900 ร้านค้า ทั้งยังผสมผสานธรรมชาติ ศิลปะ และวัฒนธรรมเข้าด้วยกันอย่างลงตัว ด้วยพื้นที่สีเขียวและพื้นที่เปิดโล่งกว่า 50 ไร่ ไม่ว่าจะเป็น One Bangkok Park, One Bangkok Boulevard, Wireless Park และ Parade Park ที่ออกแบบมาเพื่อเป็นที่พักผ่อนสำหรับทุกคน พร้อมด้วยทางเดินร่มไม้ยาวกว่า 5 กิโลเมตร และ Art Loop เส้นทางศิลปะและวัฒนธรรมความยาวกว่า 2 กิโลเมตร ที่สร้างบรรยากาศให้ผู้คนได้ใกล้ชิดศิลปะในทุกย่างก้าว
นอกจากนี้ วัน แบงค็อกยังใส่ใจการออกแบบตามหลัก อารยสถาปัตย์ (Universal Design) เพื่อให้ทุกคนเข้าถึงได้อย่างเท่าเทียม ไม่ว่าจะเป็นทางลาดและพื้นที่รองรับสำหรับผู้ใช้รถเข็น ทางเดินที่ออกแบบมาเพื่อผู้มีความบกพร่องทางการมองเห็นหรือพิการทางสายตา รวมถึงป้ายและสัญลักษณ์นำทางที่ใช้ง่ายและเข้าใจได้ทั่วโครงการ เพื่อให้พื้นที่แห่งนี้เป็นมิตรกับทุกคนอย่างแท้จริง
โครงการยังจัดสรรพื้นที่สำหรับการเรียนรู้และกิจกรรมสร้างสรรค์ต่างๆ ทั้งเวิร์กช็อป นิทรรศการ และการพบปะแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิตและการพัฒนาศักยภาพของผู้คนไปพร้อมกัน อีกทั้งยังมีการจัดอีเวนต์หลากหลายรูปแบบตลอดทั้งปี เพื่อสร้างบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความสนุก ความมีชีวิตชีวา และทำให้ที่นี่เป็นชุมชนร่วมสมัยที่ผู้คนสามารถใช้ชีวิตและมีส่วนร่วมได้จริง

โดยเร็วๆ นี้ วัน แบงค็อก เตรียมเปิดตัว Community Hub ซึ่งจะเป็นพื้นที่สำหรับคนทำงานในอาคารสำนักงานได้มาพักผ่อน พบปะสังสรรค์ แลกเปลี่ยนความคิดเห็น และสร้างเครือข่ายทางธุรกิจ (networking) ในบรรยากาศที่เป็นกันเอง ผ่อนคลาย และเอื้อต่อการแชร์ประสบการณ์หรือไอเดียใหม่ๆ ให้กันและกัน พื้นที่นี้ถูกออกแบบมาเพื่อเติมเต็มวิถีชีวิตการทำงานในเมือง ให้ไม่ได้มีแค่เรื่องงาน แต่ยังมีพื้นที่สำหรับการเชื่อมโยงผู้คนอย่างแท้จริง