ประตูบานเลื่อนที่เผยให้เห็นโถงทางเดินสีขาวหม่น เสียงจอแจของผู้คนที่บ้างนั่ง บ้างนอน รอการเรียกขานชื่อ และโดยเฉพาะกลิ่นของสารพัดยาอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว
บอกให้ฉันรู้อย่างแน่ชัดว่าเราได้เหยียบเข้าสู่อาณาเขตของโรงพยาบาลเรียบร้อยแล้ว ฉันไม่ชอบการมาโรงพยาบาล เรียกว่าถ้าไม่ได้เจ็บไข้ได้ป่วยจนต้องถึงมือหมอจริงๆ หรือคราวที่ญาติสนิทมิตรสหายเป็นอันล้มหมอนนอนเสื่อ ฉันก็พยายามจะกันตัวเองให้อยู่ห่างไกลโรงพยาบาลมากที่สุด
เมื่อมองเห็นรอบกายของคนเหล่านั้นมีลูกชายลูกสาวตัวเล็กๆ นั่งรอคอยด้วยสีหน้าไม่รู้เดียงสา มีพ่อแม่ที่แก่เฒ่าจนแทบช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ปูผ้านอนค้างคืนคอยเป็นเพื่อน เพราะเมื่อความป่วยไข้ได้เข้ามาเยี่ยมเยือนใครสักคนแล้ว มันไม่เคยหยุดแค่นำพาความทุกข์เศร้ามาสู่เจ้าของโรค แต่ยังนำพามวลความทุกข์กระจายปกคลุมไปยังผู้คนรอบตัว ซึ่งบางครั้งกินวงกว้างเกินกว่าที่ใครคนหนึ่งจะประมาณการได้
โรคร้าย ในวันที่โลกไม่ได้ร้ายกับแค่คุณ
ในแต่ละปีมีรายงานอาการเจ็บป่วยด้วยโรคร้ายต่างๆ เพิ่มขึ้นทุกปี แม้วิทยาการทางการแพทย์จะก้าวหน้าขึ้นเท่าใด แต่ด้วยวิถีการใช้ชีวิตของผู้คน การกิน การนอน อายุที่เพิ่มมากขึ้นทุกปี ตลอดจนปัจจัยแวดล้อมต่างๆ ก็ไม่อาจหยุดยั้งโรคร้ายให้เข้ามาทักทายใครสักคนในครอบครัวได้ บ้างส่งสัญญาณเตือนล่วงหน้า บ้างก็ทำตัวราวของขวัญวันคริสต์มาส ที่ปุ๊บปั๊บรับโชคดิลิเวอรีด่วนมาโดยไม่ทันตั้งตัว
แน่นอนคนที่ต้องเจ็บปวดจากอาการเจ็บป่วยมากที่สุดก็คงไม่พ้นตัวคนไข้เอง จากคนที่เคยเดินเหินทำอะไรได้ตามใจ กลับต้องล้มหมอนนอนเสื่อ ทนทุกข์ทั้งทางกายและใจกับอาการที่เผชิญ ไหนจะไม่สามารถทำงานทำการได้ ทั้งบางคนยังไม่รู้ว่าเมื่อรักษาจนหายดีแล้วจะสามารถกลับไปเป็นเหมือนเดิมร้อยเปอร์เซ็นต์หรือไม่ และที่สำคัญไม่ยิ่งหย่อนกว่ากันก็คือค่าใช้จ่ายในการรักษา ซึ่งอาจไม่เพียงกระทบภาวะทางการเงินของผู้ป่วยเพียงคนเดียว แต่ยังอาจหมายถึงภาวะความเป็นอยู่ของคนทั้งบ้านอีกด้วย
โลกร้าย ในวันที่โรคไม่ได้ร้ายกับแค่คุณ
ฉันยังจำครั้งที่พ่อป่วยด้วยโรคทางตับได้ดี วันที่แม่วิ่งวุ่นพยายามหาเตียงในโรงพยาบาลรัฐ วันที่เราผลัดกันไปเฝ้า ส่งข้าวส่งน้ำ วันที่คนข้างบ้านต้องเป็นธุระรับส่งน้องชายไปกลับโรงเรียนแทน วันที่ญาติๆ ตลอดจนเพื่อนร่วมงานของพ่อพากันทุกข์ใจกับอาการเจ็บป่วยครั้งนี้ ซึ่งก็เป็นวันเดียวกับที่ฉันตระหนักขึ้นมาว่า เมื่อโรคร้ายบังเกิดขึ้นกับใครแล้ว มันไม่ใช่เรื่องของคนคนเดียวอย่างที่หลายคนเข้าใจ เพราะนอกจากฐานะคนป่วยแล้ว ทุกคนยังเป็นพ่อ เป็นแม่ เป็นพี่เป็นน้อง เป็นญาติ เป็นสามีภรรยา เป็นคนที่สำคัญสำหรับคนอื่นๆ ในฐานะต่างๆ อีกมากมาย
เขาอาจเป็นคุณครูภาษาอังกฤษเพียงคนเดียวของโรงเรียนที่ทำให้นักเรียนรักในการเรียนภาษา อาจเป็นคนดูแลบ้านพักเพื่อหมาแมวจรจัดนับร้อย เขาอาจเป็นป้าเจ้าของร้านขายข้าวแกงราคาถูกเพื่อแรงงานพลัดบ้าน เขาอาจเป็นกระทั่งความหวังเพียงหนึ่งเดียวของครอบครัวที่เหลือเพียงพ่อแม่วัยชรา เพราะฉะนั้นแล้ว ในวันที่โรคร้ายเข้ามาเยี่ยมเยือนจึงไม่ใช่เพียงคนป่วยที่ต้องทนทุกข์กับอาการเหล่านี้ แต่ยังรวมถึงคนรอบตัวอีกมากมายที่ต้องร่วมต่อสู้เพื่อเอาชนะโรคร้าย และความทุกข์ตรมนี้ไปให้ได้อีกด้วย
ร่วมคืนคนที่รัก ในวันที่โลกร้าย
เพราะตระหนักถึงความจริงในข้อนี้เป็นอย่างดี เราจึงอยากเชิญชวนทุกคนมาร่วมสมทบทุนให้กับ มูลนิธิรามาธิบดีฯ เพื่อระดมทุนจัดซื้อเครื่องมือการแพทย์ อาทิ เครื่องช่วยหายใจ อุปกรณ์ในการผ่าตัด และเครื่องเอ็กซ์เรย์ดิจิทัลชนิดต่างๆ ซึ่งยังขาดแคลนอีกเป็นจำนวนเงินกว่า 1,400 ล้านบาท ให้กับสถาบันจักรีนฤบดินทร์ เพิ่มโอกาสที่ดีที่สุดในการรักษาผู้ป่วยจากโรคร้ายประเภทต่างๆ ให้สามารถกลับมาใช้ชีวิตปกติได้ คืนคนที่รักสู่ครอบครัว คืนพ่อแม่สู่ลูก คืนสามีภรรยาสู่มือคนที่รัก คืนชีวิตที่สมบูรณ์สู่ผู้ป่วยอีกครั้ง
โดยสามารถบริจาคได้ที่
มูลนิธิรามาธิบดีฯ
- ธ.ไทยพาณิชย์ 026-4-26671-5
- ธ.กสิกรไทย 879-2-00448-3
- ธ.กรุงเทพ 090-7-00123-4
- กด *948*1111*100# โทรออก เพื่อบริจาคเงิน 100 บาท (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
- บริจาคออนไลน์ www.ramafoundation.or.th
เพราะโรคร้ายไม่ใช่เรื่องของคนเพียงคนเดียว ร่วมเป็นหนึ่งในความช่วยเหลือให้ผู้ป่วย และคนรอบข้างสามารถต่อสู้กับโรคร้ายได้อย่างมีความหวังมากขึ้นได้แล้ววันนี้ด้วยการสมทบทุนตามช่องทางเบื้องต้น เพราะเมื่อเธอเจ็บ ฉันก็เจ็บไม่น้อยกว่าเธอ
ขอบคุณภาพจาก มูลนิธิรามาธิบดีฯ