ยืดย้วย หมอนเน่า เจ้านาฬิกาเรือนเก่า หรือกระทั่งความสัมพันธ์กับบางคนที่ค้างคา ดูเหมือนว่าเราทุกคนล้วนต่างมีไอเทมในใจที่ไม่ยอมปล่อยวาง ปลดระวาง หรือเปลี่ยนของใหม่มาทดแทนด้วยกันทั้งนั้น
นี่ยังไม่นับร้านกาแฟเจ้าประจำ ที่นั่งเดิมๆ ในร้านฟาสต์ฟู้ด แบรนด์ยาสีฟันที่ใช้ ไปจนถึงการปรุงก๋วยเตี๋ยวแบบเดิมๆ ที่อย่างไรก็ไม่เคยเปลี่ยน
น่าสนใจว่าทำไมเรายังคงทำพฤติกรรมเดิมๆ โดยเฉพาะใช้สิ่งของรอบตัวชิ้นเดิมๆ ได้ทุกวันอย่างไม่มีเบื่อ ลองไปวิเคราะห์กันดูดีกว่าว่าอะไรคือเหตุผลที่ทำให้เราไม่เปลี่ยนใจไปจากไอเทมประจำตัว
Signature
เวลาไปช้อปปิ้งกับเพื่อนสาว เชื่อว่าหลายคนมักเคยได้ยินคำพูดทำนองว่า “เสื้อตัวนี้โคตรจะแกเลยว่ะ”, “เห็นแว่นอันนี้แล้วหน้าเจ้าป้าพอลล่าลอยมาเลย” หรือ “หมวกอันนี้เกิดมาเพื่อแกจริงๆ นะ!” ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ ถ้าใครจะสามารถจดจำตัวตนของเราได้ จนสามารถบอกได้ว่าสิ่งของชิ้นไหนที่ใช่หรือไม่ใช่เรา เพราะเวลาที่คนเราชอบอะไรอย่างลึกซึ้ง ความเป็นตัวเองจะสะท้อนออกมาผ่านทางเสื้อผ้า เครื่องประดับไปจนถึงของจุกจิกที่ใช้ในชีวิตประจำวัน
และเมื่อเราพบของที่ตรงจริต ใช้แล้วรู้สึกว่าแสดงความเป็นตัวเราได้อย่างตรงใจที่สุด เราก็มักจะใช้ของชิ้นนั้นๆ ซ้ำไปซ้ำมา จึงไม่น่าแปลกใจที่ถึงแม้จะมีเสื้อผ้าใหม่จนล้นตู้ แต่เดรสตัวเก่งที่ใช้ออกงานจนเพื่อนจำได้ก็มักจะเป็นตัวเดิมๆ
Comfortable
เคยไหมเวลาเราใช้สิ่งของชิ้นไหนไปนานๆ เรามักจะรู้สึกว่าเราสามารถจำกลิ่น จำผิวสัมผัส จำดีเทลของสิ่งของชิ้นนั้นได้เป็นอย่างดี เพราะของชิ้นนั้นได้ซึมซับเอากลิ่น เอาความเป็นตัวตนของเราเข้าไปจนกลายเป็นเนื้อเดียวกัน เสื้อยืดตัวเก่งที่นุ่มจนใส่สบายที่สุดในตู้ ผ้าพันคอที่มีกลิ่นของตัวเราผสมกับน้ำหอมยี่ห้อโปรด รองเท้าส้นสูงที่ใส่แล้วสวยสูงเพรียว แต่ก็รู้ใจกันดีพอที่จะไม่กัดเท้าให้เราต้องกัดฟันตลอดวัน
รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้เราเรียกมันว่าความสบายกายสบายใจ ความไว้วางใจได้ว่าเจ้าไอเทมชิ้นเก่งจะไม่ทำให้เราผิดหวัง ทำให้ไม่ว่าโอกาสไหนๆ ใจเราก็มักจะเลือกหยิบใช้ของชิ้นเดิมโดยไม่รู้ตัว
All in one
เชื่อว่าเราต้องเคยมีเพื่อน หรือคนรู้จักที่เจอทีไรก็มักจะมาในโทนชุดดำอยู่เสมอๆ บางครั้งสีดำอาจเป็นสีประจำตัวของเขา หรือบางครั้งก็อาจเป็นเพราะเล็งเห็นถึงประโยชน์จากการแต่งตัวในโทนกลางๆ ก็เป็นได้เช่นกัน โดยเฉพาะในวันที่ตารางแน่นเอี้ยด โน่นก็ต้องทำ นี่ก็ต้องไป การมีไอเทมชิ้นเด็ดชิ้นเดิมที่พาเราผ่านได้ทุกสถานการณ์ก็นับว่าเป็นบุญไม่น้อย โดยเฉพาะไอเทมที่เป็นทุกอย่างให้เธอแล้วอย่างเดรสเรียบๆ สักชุด กับนาฬิกาเก๋ๆ สักเรือน ที่ไม่ว่าจะมีมีตติ้งตอนเช้า เดทกับสาวตอนเที่ยง เลี้ยงข้าวเย็นลูกค้า จบด้วยปาร์ตี้เพื่อนสละโสดก็เอาอยู่ด้วยไอเทมชิ้นเดิม
Save the world
อีกหนึ่งเหตุผลสุดน่ารักที่หลายๆ คนเลือกจะใช้ไอเทมชิ้นเก่งจนเก่าสลายไปตามกาลเวลา ก็เห็นจะเป็นเพราะความจิตใจดีที่ต้องการรักษ์โลกให้ได้มากที่สุด ด้วยการไม่สร้างขยะเพิ่มจนเกินความจำเป็น โดยเฉพาะขยะในเชิงแฟชั่น เพราะการผลิตสินค้า เครื่องประดับขึ้นมาหนึ่งชิ้น สิ่งที่ร้ายต่อโลกไม่ใช่เพียงสิ่งของที่หลายคนโยนทิ้งเป็นขยะเมื่อใช้การไม่ได้ในท้ายที่สุด แต่ยังรวมไปถึงกระบวนการผลิต การสร้างโรงงาน การขนส่งที่สร้างคาร์บอนฟุตปริ้นท์ปริมาณมหาศาล การเลือกใช้ของที่คุณภาพดี ทนทาน สามารถใช้ได้หลายวาระโอกาส จึงเป็นหนึ่งในทางเลือกที่ดีต่อโลก และดีต่อใจ
Budget
ถึงจะมีหลากหลายเหตุผลดีๆ ในการใช้ไอเทมชิ้นเดิมๆ จนเพื่อนจำได้ แต่ยอมรับเถอะว่าหนึ่งในเหตุผลที่ดีที่สุดก็เห็นจะหนีไม่พ้นเรื่องบัดเจ็ท! ก็แหม ถ้าไม่ได้เกิดมามีพ่อชื่อบิล เกต ใครจะไปสามารถช้อปของใหม่กันได้ทุกวี่ทุกวัน เงินเดือนออกก็อยากจะเก็บเอาไปกินชาบู หมูกระทะ บุฟเฟ่ต์แซลมอนกันบ้าง จะให้ซื้อกระเป๋าใหม่ทุกเดือนได้อย่างไร
ทว่าด้วยข้อจำกัดด้านการเงินก็ไม่ใช่สิ่งที่เลวร้ายเสมอไป การรู้ตัวว่าความโลว์อินคัมที่มีทำให้ไม่สามารถจับจ่ายได้อย่างใจเสมอๆ ทำให้เราต้องใช้เวลาในการพิจารณาเลือกซื้อสิ่งของมากขึ้น ทำให้เรารู้จักเลือกซื้อในสิ่งที่เราอยากได้ สิ่งที่เราคิดว่าจะได้ใช้จริงๆ แล้วสุดท้ายของรอบตัวเราก็จะมีแต่ของที่เราแฮปปี้ที่จะหยิบใช้งานจริง
Memory
หนึ่งในเหตุผลที่ฟังแล้วอาจชวนน้ำตาปริ่ม หรือยิ้มมุมปากที่สุดของการเลือกใช้สิ่งของเดิมๆ ในแทบทุกวันก็เห็นจะหนีไม่พ้นเหตุผลที่ของชิ้นนั้นคือตัวแทนของใครบางคน หรือตัวแทนของช่วงเวลาสำคัญๆ ช่วงหนึ่งในชีวิต เคยไหมบางครั้งแต่งตัวสวยหวานลุคลูกคุณหนูแต่ในใจอยากหยิบนาฬิกาทรงสปอร์ตเก่ากะรุ่งกะริ่งมาใส่แทบตาย เพราะเป็นของขวัญชิ้นสุดท้ายที่เขาคนนั้นทิ้งไว้ให้ หรือบางคนแต่งตัวไฮคลาสมาทำงานทุกวัน แต่ห้อยสร้อยกรอบพลาสติกราคาถูกติดตัวทุกวันเพราะเป็นของต่างหน้าชิ้นเดียวที่ครอบครัวเหลือไว้ให้ เพราะบางครั้งความทรงจำก็ทำให้สิ่งของมีค่าจนเกินกว่าที่เราจะตัดใจให้ของชิ้นไหนมาแทนได้
Timeless
มีคนกล่าวไว้ว่าแฟชั่นก็เหมือนวัฏจักร วันหนึ่งมันก็จะวนกลับมาที่เดิม ถ้าดูจากการที่ยีนส์ขาบาน เดรสวินเทจ สิ่งของจากสมัยก่อนเราเกิดที่กลับมาฮิตอีกครั้งในยุคนี้ก็ดูเหมือนว่าคำกล่าวนั้นจะไม่เกินจริงนัก การที่ใครบางคนเลือกจะใช้ของชิ้นเดิมๆ อยู่เสมอโดยไม่วิ่งตามเทรนด์แฟชั่น ก็อาจเป็นไปได้ว่าเขาคนนั้นรู้ว่าท่ามกลางแฟชั่นที่เปลี่ยนแปลงทุกวัน ยังมีสิ่งของบางดีไซน์ที่ไร้กาลเวลามาครอบ ของที่ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ดูร่วมสมัยอยู่เสมอ เป็น Timeless item มีความสมัยใหม่ในความคลาสสิค กระทั่งว่าส่งต่อรุ่นต่อรุ่นก็ยังคงฟิตอินกับทุกช่วงเวลา
Swatch รุ่น SKIN Irony ไอเทมชิ้นเดิมที่คุณจะตกหลุมรักซ้ำแล้วซ้ำเล่า
และถ้าคุณกำลังมองหาไอเทมชิ้นเดิมที่คุ้นเคย ทว่ามาพร้อมความเซอร์ไพรส์ใหม่ๆ Swatch รุ่น SKIN Irony ก็คือคำตอบนั้นในวินาทีนี้ จากตัวเรือนแบบพลาสติก วันนี้ Swatch หันมาเอาใจสายมินิมอลลิสต์ที่กำลังมองหาไอเทมซึ่งสามารถไปได้ในทุกโอกาส ใส่ได้ทุกเพศ เข้ากันกับทุกสไตล์การแต่งตัว ด้วยสายโลหะ Stainless Steel ตัวเรือนบางเฉียบ มีน้ำหนักเบา มาพร้อมขนาดหน้าปัด 42 มม. เข้ากับคอนเซปต์ Minimalistic reduction, Pure Chic และ Lifestyle statement
เพราะฉะนั้นไม่ว่าคุณจะเป็นหนุ่มออฟฟิศสายปาร์ตี้ ฟรีแลนซ์รักษ์โลก หรือคนสายงานราชการที่มีความชิคในหัวใจ Swatch รุ่น SKIN Irony ก็ดูจะเป็นหนึ่งในตัวเลือกนาฬิกาเรือนโปรดที่สามารถเทิร์นเป็นไอเทมแสนรักประจำกายได้ไม่ยาก ทั้งยัง #FutureClassic ไม่มีเอาท์ ไม่มีเก่า ให้คุณตกหลุมรักซ้ำๆ ได้ทุกเวลา
เป็นเจ้าของ Swatch รุ่น SKIN Irony ได้แล้ววันนี้ที่ช้อปทั่วประเทศ หรือช้อปออนไลน์ผ่านทางเว็บไซต์ของ Swatch http://shop.swatch.co.th จัดส่งฟรีทั่วประเทศ!