หากลองถามผู้บริโภคอย่างเราๆ ว่าอะไรคือปัจจัยที่ทำให้เลือกจะทำประกันชีวิตกับบริษัทประกันชีวิตสักแห่ง เชื่อว่าปัจจัยแรกๆ ต้องเป็นความน่าเชื่อถือของแบรนด์ที่สั่งสมมาอย่างยาวนาน ตามมาด้วยการบริการก่อนและหลังการขายที่ดี ผลการดำเนินงาน รวมถึงสถานะทางการเงินที่มั่นคง ซึ่งจะทำให้แบรนด์นั้นๆ โดดเด่นท่ามกลางธุรกิจประกันชีวิตที่มีการแข่งขันสูง
หนึ่งในแบรนด์ที่มีคุณสมบัติเหล่านั้นอย่างครบถ้วนคือแบรนด์อย่าง ไทยประกันชีวิต ซึ่งถือได้ว่าเป็นแบรนด์ประกันชีวิตรายแรกที่ก่อตั้งโดยคนไทย ยืนหยัดอยู่ในวงการธุรกิจประกันชีวิตมาอย่างยาวนานกว่า 80 ปี และปัจจุบันยังคงเป็นแบรนด์ประกันชีวิตสัญชาติไทยและก่อตั้งโดยคนไทยที่ใหญ่ที่สุด (เมื่อพิจารณาจากรายได้เบี้ยประกันภัยรับรวมจากข้อมูลของสมาคมประกันชีวิตไทยสำหรับรอบระยะเวลา 11 เดือนสิ้นสุดวันที่ 30 พฤศจิกายน 2564) ถ้าเปรียบเป็นคนที่คอยดูแลเรา ก็เรียกได้ว่าดูแลในทุกช่วงชีวิต ตั้งแต่เด็กจนเกษียณอายุเลยทีเดียว
ในบทความนี้ The MATTER จะพาไปถอดความสำเร็จเบื้องหลังการดำเนินงานของ ไทยประกันชีวิต ที่ดูแลลูกค้าคนไทยได้อย่างมั่นคงมากว่า 80 ปี
ทางเลือกผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการ
ปัจจัยแรกๆ ที่ทำให้ลูกค้ามองเห็นถึงโอกาสและตัดสินใจเลือกแบรนด์ประกันชีวิต คือรูปแบบผลิตภัณฑ์ที่มีความหลากหลาย ตอบโจทย์ความต้องการได้อย่างครอบคลุมและคุ้มค่ามากที่สุด ไทยประกันชีวิตมีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย ทั้งด้านการคุ้มครองชีวิต คุ้มครองสุขภาพ การออม การลงทุน และการวางแผนมรดก นอกจากจะสามารถมัดใจลูกค้าบุคคลได้แล้ว ยังได้สร้างฐานลูกค้ากลุ่มสถาบันและองค์กรต่างๆ ที่เป็นการสร้างความสัมพันธ์ทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้ไทยประกันชีวิตครองส่วนแบ่งทางการตลาดสูงเป็นอันดับที่ 2 ของบริษัทประกันชีวิตชั้นนำในประเทศไทย ด้วยรายได้เบี้ยประกันภัยรับรวมสำหรับรอบระยะเวลา 11 เดือนสิ้นสุดวันที่ 30 พฤศจิกายน 2564 คิดเป็นร้อยละ 14.3 ของอุตสาหกรรมประกันชีวิตทั้งหมดเลยทีเดียว
นายไชย ไชยวรรณ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ไทยประกันชีวิตพร้อมก้าวสู่การเป็นบริษัทประกันชีวิตแห่งความยั่งยืนในฐานะของ Life Solutions Provider เป็นทุกคำตอบของการประกันชีวิต การประกันสุขภาพ และการวางแผนทางการเงินส่วนบุคคลในทุกช่วงชีวิต (Life Stage) ทุกจังหวะชีวิต (Life Event) และทุกการใช้ชีวิต (Lifestyle) ของลูกค้า”
ตัวแทนประกันชีวิตที่บริการด้วยใจ
นอกจากภาพลักษณ์ภายนอกที่ชูจุดแข็งด้วยทางเลือกของผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมและหลากหลายแล้ว ในขั้นตอนต่อมา คือการบริการทั้งก่อนและหลังการขาย โดยเป็นหน้าที่ของตัวแทนประกันชีวิต ซึ่งถือได้ว่าเป็นหัวใจของการดำเนินธุรกิจประกันชีวิตเลยก็ว่าได้ เพราะเป็นส่วนที่อยู่ใกล้ชิดกับลูกค้ามากที่สุด
“ไทยประกันชีวิตมีเครือข่ายตัวแทนประกันชีวิตชั้นนำ ที่ครอบคลุมทั่วประเทศมากกว่า 63,000 คน (ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2564) ที่มาพร้อมกับจิตวิญญาณแห่งการบริการ หรือ Heart Made เสมือนการดูแลคนในครอบครัว ไม่ว่าจะก่อนหรือหลังการขาย ตัวแทนไทยประกันชีวิตพร้อมดูแลลูกค้าด้วยใจไม่เปลี่ยนแปลง เรียกว่าเป็นสิ่งที่ลูกค้าของไทยประกันชีวิตประทับใจมากที่สุด ไม่น้อยไปกว่าการได้รับความคุ้มครองจากกรมธรรม์” คุณไชย กล่าวเสริม
ช่องทางติดต่อและรับบริการที่สะดวกสบาย
เพื่อเป็นการตอบรับกับกระแสยุคดิจิทัล ไทยประกันชีวิตจึงมีช่องทางการจัดจำหน่ายผ่านพันธมิตรและช่องทางจัดจำหน่ายอื่นๆ ซึ่งรวมถึงสาขาและศูนย์บริการลูกค้าที่ครอบคลุมทั่วประเทศ ทำให้สามารถเข้าถึงทั้งการซื้อและการรับบริการได้อย่างสะดวก อีกทั้งยังมี Digital Platform ที่เชื่อมต่อกับลูกค้าได้ทั่วไทย อย่างแอปพลิเคชัน ‘ไทยประกันชีวิต’ ที่มียอดดาวน์โหลดมากกว่า 400,000 ครั้ง และมีจำนวนผู้ใช้ที่ลงทะเบียนมากกว่า 240,000 ราย (ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2564) ช่วยให้ลูกค้าเข้าถึงข้อมูลกรมธรรม์ ตรวจสอบความคุ้มครองสิทธิประโยชน์ ชำระค่าเบี้ยฯ พร้อมอุ่นใจกับช่องทางติดต่อกับไทยประกันชีวิตได้ตลอดเวลาเมื่อเกิดเหตุคับขัน ซึ่งทั้งหมดสามารถทำได้ผ่านสมาร์ทโฟน
ผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง
คงไม่มีความสำเร็จไหนจะยืนยันความสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรมได้ดีไปกว่าตัวเลขของผลการดำเนินงานของไทยประกันชีวิตที่เติบโตอย่างยั่งยืน และสามารถทำกำไรได้ในทุกๆ วงจรธุรกิจ ด้วยกลยุทธ์การจัดการการลงทุนที่สามารถบรรลุผลตอบแทนที่ดีได้ในระยะยาว
คุณวรางค์ ไชยวรรณ กรรมการและรองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ไทยประกันชีวิตสามารถทำกำไร สร้างมูลค่าให้ผู้ถือหุ้น โดยมีผลดำเนินงานที่เติบโตอย่างยั่งยืน โดยไทยประกันชีวิตสามารถทำกำไรได้ในทุกๆ วงจรธุรกิจอย่างต่อเนื่องตลอด 15 ปีที่ผ่านมา โดยกำไรสุทธิของไทยประกันชีวิตมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยสะสมตั้งแต่ปี 2549 – 2564 อยู่ที่ร้อยละ 14 ต่อปี”
ไทยประกันชีวิตสามารถรักษาประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจและสร้างผลกำไรอย่างต่อเนื่องได้ แม้ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งสร้างผลกระทบต่อธุรกิจประกันในภาพรวม แต่ด้วยวิสัยทัศน์ของผู้บริหารอย่าง คุณไชย ไชยวรรณ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร คุณวรางค์ ไชยวรรณ และ คุณวิญญู ไชยวรรณ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร พร้อมด้วยคณะผู้บริหารทั้งคนไทย และต่างชาติที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านในแต่ละสาขา ล้วนมีบทบาทสำคัญในการผลักดันให้ไทยประกันชีวิตยังคงเป็นเบอร์ต้นๆ ในธุรกิจประกันชีวิตมาอย่างยาวนาน
ไทยประกันชีวิต พร้อมให้ทุกคนเป็นเจ้าของ
หลังจากที่สร้างความเชื่อมั่นได้แล้ว ไทยประกันชีวิตยังเปิดโอกาสให้เราทุกคนเป็นเจ้าของ โดยอยู่ระหว่างการขออนุญาตเพื่อเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มศักยภาพขององค์กร ตอบสนองวิสัยทัศน์การเป็นบริษัทประกันชีวิตแห่งความยั่งยืน และเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งในการให้บริการกับลูกค้า โดยเฉพาะการลงทุนด้าน Digital Transformation ให้สามารถเพิ่มความสะดวกสบายให้กับลูกค้าได้แบบครบวงจร เพิ่มและเสริมสร้างความแข็งแกร่งของช่องทางจัดจำหน่ายผ่านทางพันธมิตร ที่เป็นจุดเชื่อมต่อกับลูกค้าได้อย่างทั่วถึงและครอบคลุมทั่วประเทศมากยิ่งขึ้น รวมทั้งเสริมสร้างความแข็งแกร่งของเงินทุน
ติดตามการเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนเป็นครั้งแรกของไทยประกันชีวิต เร็วๆ นี้
หมายเหตุ: การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน ข้อมูลในเอกสารฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อการเผยแพร่ในประเทศไทยเท่านั้น และไม่ถือเป็นการเสนอขายหลักทรัพย์ ห้ามมิให้มีการทำซ้ำ ส่งต่อ หรือเผยแพร่เอกสารฉบับนี้โดยไม่ได้รับอนุญาต