จะบอกว่านี่คือยุคสมัยของ ‘ผู้สูงอายุ’ ก็คงไม่ผิดนัก เพราะประเทศไทยได้ก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัยสมบูรณ์ หรือสังคมที่มีประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไปเท่ากับหรือมากกว่า 20 เปอร์เซ็นต์ของประชากร
จากข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุข ในปี 2568 ประเทศไทยจะมีประชากรผู้สูงอายุกว่า 14 ล้านคน ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขจำนวนไม่น้อย ความน่าสนใจ คือภายใต้จำนวนดังกล่าว ส่วนใหญ่ยังคงเป็นผู้สูงอายุที่ยังมีศักยภาพและความสามารถอยู่ จากประสบการณ์ทำงานที่ยาวนาน การเกษียณจึงไม่ใช่ช่วงเวลาที่สิ้นสุดคุณค่าในตัวเอง แต่เป็นจุดเริ่มต้นของการเริ่มต้นของการใช้ชีวิตในช่วงเวลาหลังเกษียณและชีวิตในบั้นปลายให้มีความสุขมากที่สุด
องค์กรส่วนใหญ่ที่มีพนักงานสูงวัยเกษียณออกมาในทุกๆ ปี สิ่งที่องค์กรทำได้ นอกจากเรื่องของบำนาญหรือสวัสดิการแล้ว คือการสร้างภูมิคุ้มกันและเสริมคุณค่าในชีวิตหลังเกษียณให้กับพนักงาน ซึ่งธนาคารยูโอบี ประเทศไทย ได้เห็นถึงความสำคัญนี้ จึงได้ริเริ่ม Happy Retirement โปรแกรมเตรียมความพร้อมหลังเกษียณ ให้กับพนักงานของยูโอบี ได้ต่อยอดทักษะที่มีจากการทำงาน ในการใช้ชีวิตหลังเกษียณมีความสุขและเปี่ยมคุณค่ามากที่สุด พร้อมทั้งสนับสนุนกลุ่มวัยเกษียณ สำหรับบุคคลภายนอกองค์กร โดยร่วมมือกับหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร (BACC) ในการสร้างสรรค์โครงการอบรมอาสาสมัครนำชมหอศิลปกรุงเทพฯ โดยหนึ่งในกลุ่มเป้าหมายที่เข้ามาอบรมเรียนรู้ คือกลุ่มวัยเก๋าที่ต้องการเสริมสร้างทักษะใหม่ๆ อีกด้วย
จาก People Philosophy การดูแลไม่สิ้นสุด
กลุ่มธนาคารยูโอบีคือหนึ่งในองค์กรใหญ่ที่เล็งเห็นและให้ความสำคัญกับทรัพยากรบุคคลมากที่สุด เพราะเชื่อว่าพนักงานทุกคน ไม่ว่าจะตำแหน่งไหน คือหัวใจสำคัญที่ทำให้องค์กรขับเคลื่อนเดินหน้าได้อย่างมั่นคง ธนาคารจึงมีแนวทางการดูแลพนักงานหรือ People Philosophy โดยประกอบไปด้วย 3 เสาหลักด้วยกัน คือ Care (ใส่ใจดูแล) Growth (สร้างการเติบโต) และ Trust (ไว้วางใจ) ซึ่งแนวทางดังกล่าว ไม่ใช่แค่การดูแลในขณะที่ยังทำงานอยู่เท่านั้น แต่ดูแลตั้งแต่วันแรกที่เริ่มเข้าทำงาน ไปจนถึงหลังเกษียณเลยทีเดียว ซึ่งได้รับการถ่ายทอดผ่านกิจกรรมที่หลากหลาย และวิถีการทำงานที่ธนาคารจัดสรรให้พนักงานอย่างเต็มที่
โปรแกรม Happy Retirement ส่งเสริมชีวิตหลังเกษียณให้มีความสุข
หลายคนอาจมองว่า ช่วงเวลาหลังเกษียณคือช่วงเวลาที่ศักยภาพในการทำสิ่งต่างๆ ด้อยลง แต่จริงๆ แล้ว คือการดำเนินชีวิตต่อไปได้อย่างมีความสุข ไม่ใช่การอยู่เฉยๆ หรือการพักผ่อนไปวันๆ จำเป็นต้องมีกิจกรรมที่ช่วยส่งเสริมให้ศักยภาพและความสามารถที่ยังคงมีอยู่ ให้สามารถต่อยอดไปสู่การใช้ชีวิตอย่างมีความสุขหลังเกษียณได้ ธนาคารมีความใส่ใจดูแลพนักงาน ด้วยการคำนึงถึง 3 ประเด็น ทั้งความหลากหลาย (Diversity) ความเท่าเทียม (Equality) และ การมีส่วนร่วม (Inclusive) เพื่อทำให้เกิดความยั่งยืนในการบริหารบุคลากรจำนวนมาก จึงทำให้เกิดโปรแกรม Happy Retirement ที่ออกแบบมาเพื่อให้พนักงานเกษียณ สามารถออกมาใช้ชีวิตหลังเกษียณได้อย่างมีความสุขและประสบความสำเร็จในชีวิตบั้นปลายได้
โดยธนาคารส่งเสริมมาอย่างต่อเนื่อง มุ่งหวังจุดประกายให้พนักงานที่กำลังเกษียณทุกคนได้เตรียมความพร้อมในแง่มุมต่างๆ ครอบคลุม 6 ด้าน คือ สุขภาพกาย สุขภาพใจ การเงิน อาชีพ สังคม และความฉลาดทางปัญญา เรียกว่าครอบคลุมทุกด้านของการใช้ชีวิตคุณภาพ
เกษียณแข็งแรง ดูแลได้ทั้งกายและใจ
เพราะการดูแลสุขภาพให้แข็งแรง คือหัวใจสำคัญในการใช้ชีวิตหลังเกษียณได้อย่างมีความสุขมากที่สุด ยูโอบีจึงจัดให้มีกิจกรรมที่ส่งเสริมสร้างความรู้เรื่องสุขภาพ รวมไปถึงการดูแลตัวเองให้แข็งแรงทั้งสุขภาพกายและสุขภาพใจ โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอีกด้วย อีกทั้งยังได้ร่วมกับ ‘ยังแฮปปี้ YoungHappy’ คอมมูนิตี้ของผู้สูงอายุ จัดกิจกรรมเติมทักษะให้สามารถพึ่งพาตัวเองได้หลังเกษียณ โดยเฉพาะทักษะการรู้เท่าทันด้านดิจิทัลหรือ Digital Literacy ซึ่งเป็นทักษะที่สำคัญมากในโลกยุคปัจจุบัน เพราะผู้สูงอายุคือหนึ่งในเหยื่อของมิจฉาชีพออนไลน์มากที่สุด โดยกิจกรรมมีทั้งรูปแบบออนไซต์ จัดกิจกรรมสอนกันแบบสดๆ รวมไปถึงการเรียนรู้แบบออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์ม Happy Learn ที่ประกอบไปด้วยวิชาเรียนมากมาย ทั้งการดูแลสุขภาพ การออกกำลังกาย รวมไปถึงและทักษะ Digital Literacy ให้สามารถเรียนรู้ได้ด้วยตัวเองตลอดเวลา
เกษียณมีสุข ด้วยสุขภาพการเงินที่ดี
ด้วยการที่ยูโอบีเป็นองค์กรที่ทำงานเกี่ยวกับด้านการเงินโดยตรง จึงให้ความสำคัญกับภูมิคุ้มกันและทักษะที่สำคัญที่สุดสำหรับพนักงานวัยเกษียณ นั่นคือเรื่องของการบริหารจัดการเงินอย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากเป็นช่วงวัยที่หารายได้ไม่เท่าเดิม ค่าใช้จ่ายก็เริ่มสูงขึ้น และเงินเก็บอาจมีวันหมดไป จึงมีการอบรมที่ให้ความรู้เกี่ยวกับการบริหารเงินหลังเกษียณ เช่น เงินที่ได้จากกองทุนเงินสำรองเลี้ยงชีพ การบริการจัดการค่าใช้จ่าย รวมไปถึงการต่อยอดลงทุนที่เหมาะสมกับช่วงวัย
เกษียณมีคุณค่า ด้วยทักษะที่ต่อยอดได้
เพราะการเรียนรู้ไม่มีวันหมดอายุ โปรแกรมนี้ได้ออกแบบโดยพาพนักงานที่กำลังเกษียณร่วมเวิร์กชอปและทำการเกษตร เพื่อค้นหาทักษะใหม่ที่สามารถสร้างรายได้หลังเกษียณ เช่น การปลูกพืชผัก การขยายพันธุ์ไม้ หัดทำน้ำหมักชีวภาพ รวมถึงเวิร์กชอปการทำผ้ามัดย้อม ยาสีฟันสมุนไพร สครับข้าว และน้ำมันสมุนไพร เพื่อจุดประกายและเติมทักษะความสนใจใหม่ๆ ที่สามารถต่อยอดเป็นอาชีพ สร้างรายได้หลังเกษียณได้
นอกจากนี้ ธนาคารยังได้สนับสนุนการต่อยอดทักษะไปยังกลุ่มวัยเก๋า ด้วยความร่วมมือกับหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร (BACC) ร่วมจัดโครงการอบรมอาสาสมัครนำชมศิลปะและดูแลนิทรรศการศิลปะ โดยเปิดรับสมัครผู้สนใจทั่วไปมาร่วมฝึกทักษะและเวิร์กชอปการนำชมกับวิทยากรผู้เชี่ยวชาญ แต่กลุ่มที่เน้นเป็นพิเศษคือกลุ่มวัยเกษียณ ให้กลายเป็นอาสาสมัครวัยเก๋านำชมนิทรรศการศิลปะได้แบบมืออาชีพ เติมคุณค่าและทักษะเรียนรู้ตลอดชีวิตแบบไม่มีหมด
และในท้ายที่สุดของโปรแกรม Happy Retirement ไม่มีอะไรดีไปกว่าการจากลาอย่างแฮปปี้ ด้วยการจัดงาน Farewell Party ที่เปิดโอกาสให้พนักงานที่กำลังเกษียณได้พบปะกับผู้บริหารของธนาคารอย่างเป็นกันเอง เพื่อตอบแทนสิ่งที่พนักงานคนหนึ่งได้ทุ่มเทให้กับองค์กรมาโดยตลอด ซึ่งเป็นสิ่งที่สะท้อนถึงการที่ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย มองเห็นถึงคุณค่าของพนักงานที่กำลังเกษียณให้สามารถมีทักษะเพิ่มและต่อยอดคุณค่าในการใช้ชีวิต
เตรียมพร้อมกับสังคมสูงวัยให้สามารถยืดหยัดด้วยตนเองอย่างภาคภูมิใจ