นิยามของการทำงาน ‘อาสาสมัคร’ อาจเป็นเพียงการเสียสละเวลาหรือการลงมือทำบางอย่างให้กับผู้อื่น แต่ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นกลับสามารถสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมได้อย่างยิ่งใหญ่
ทำให้วันที่ 5 ธันวาคมของทุกปี สหประชาชาติได้กำหนดให้เป็นวันอาสาสมัครสากล เพื่อเน้นย้ำความสำคัญของบทบาทอาสาสมัครในการเป็นพลังสำคัญในการเปลี่ยนแปลงโลกให้ดีขึ้น
ซึ่งความเปลี่ยนแปลงจากงานอาสาสมัครที่ว่า ประกอบขึ้นจากพลังของอาสาสมัครตั้งแต่ในระดับบุคคล แต่เมื่อรวมตัวกันมากขึ้น ก็เกิดเป็นกลุ่มก้อนของอาสาสมัครที่มีพลังแห่งการลงมือทำมากขึ้น ไปจนถึงพลังที่ใหญ่ขึ้นในระดับองค์กร ที่อาศัยพลังของสมาชิกหรือพนักงานภายใน มาร่วมกันสร้างผลกระทบเชิงบวกให้กับสังคมโลกได้อย่างยั่งยืน
The MATTER ชวนมารู้จักพลังจิตอาสาจากสถาบันการเงินระดับภูมิภาคอย่าง ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย ในฐานะขององค์กรใหญ่ ที่ให้ความสำคัญกับงานอาสาสมัครอย่างแน่วแน่ โดยมีการปลุกพลังจิตอาสา ผ่านการรวมตัวกันของพนักงานที่พร้อมใจกันสร้างความเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้น และที่สำคัญคือแรงสนับสนุนจากองค์กร ที่พร้อมผลักดันให้โครงการจิตอาสาต่างๆ เกิดขึ้นเพื่อขับเคลื่อนสังคมอย่างยั่งยืนได้จริง
จิตอาสา พลังที่เริ่มต้นจากตัวเรา และได้รับการสนับสนุนจากวัฒนธรรมองค์กร
นิยามของการทำงานจิตอาสา หมายถึงการที่ใครคนใดคนหนึ่งพร้อมสละทั้งเวลา แรงกาย แรงใจ หรือกระทั่งแรงทรัพย์ เพื่อสนับสนุนหรือช่วยแก้ไขปัญหาบางอย่างด้วยความเต็มใจ โดยที่ไม่ได้หวังผลตอบแทนใดๆ ซึ่งถ้าหากลองมองไปยังเป้าหมาย SDGs ของสหประชาชาติ จะเห็นได้ว่าประเด็นส่วนใหญ่ ทั้งเรื่องสังคม เศรษฐกิจ การศึกษา หรือกระทั่งสิ่งแวดล้อม ล้วนแล้วแต่ต้องอาศัยพลังจากการทำงานของทุกภาคส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งพลังของจิตอาสา ซึ่งถึงแม้จะเป็นส่วนเล็กๆ แต่เมื่อมีการรวมตัวจากระดับบุคคลไปสู่ระดับของกลุ่มหรือองค์กรได้ การจะไปสู่จุดหมายในการขับเคลื่อนหรือเปลี่ยนแปลงสังคมให้ดียิ่งขึ้นตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
โดยหนึ่งในการรวมตัวของจิตอาสาที่เป็นพลังเล็กๆ แต่ยิ่งใหญ่ คือการรวมตัวกันของพนักงานในองค์กร เพราะด้วยการมีปริมาณของคนจำนวนมาก ยิ่งเป็นองค์กรใหญ่ๆ การรวมตัวกันของคนที่มีใจรักในการทำงานจิตอาสา เป็นสิ่งที่ทำได้ง่าย ไม่ว่าพนักงานแต่ละคนจะมีเป้าหมายแตกต่างกันอย่างไร การมีวัฒนธรรมองค์กรที่ให้ความสำคัญกับการทำงานจิตอาสา จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่สุดในการขับเคลื่อนพลังและรวมตัวคนที่มีใจอยากช่วยเหลือสังคม ให้พร้อมทำงานจิตอาสาอย่างเต็มศักยภาพ
UOB Heartbeat หัวใจแห่งจิตอาสา
หากลองมองย้อนกลับไปยังจุดเริ่มต้น ยูโอบี คือหนึ่งในองค์กรที่ให้ความสำคัญกับการทำงานจิตอาสา โดยเริ่มต้นตั้งแต่การวางกลยุทธ์ด้านความยั่งยืนของธนาคารที่สนับสนุนเป้าหมาย SDGs ของสหประชาชาติ ทั้งกลยุทธ์ด้านการสร้างบุคลากรผู้ชำนาญการ ผ่านการสนับสนุนกิจกรรมจิตอาสาเพื่อพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม และเป้าหมายในการตั้งมั่นบนพื้นฐานรู้รับผิดชอบ ผ่านการสนับสนุนการพัฒนาสังคมในด้านศิลปะ เยาวชน และการศึกษา
เรียกได้ว่าครอบคลุมปัจจัยสำคัญในการพัฒนาสังคมในหลากหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการสนับสนุนด้านศิลปะในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อส่งเสริมศิลปะให้เชื่อมโยงผู้คนในสังคมเข้าไว้ด้วยกันอย่างเข้มแข็ง ด้านเยาวชน มุ่งมั่นในการส่งเสริมศักยภาพของเด็ก เพื่อให้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่จะเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศ และด้านการศึกษา กับเป้าหมายในการวางรากฐานเพื่ออนาคต ผ่านการมอบโอกาสทางการศึกษา ลดความเหลื่อมล้ำ เพื่อให้เข้าถึงการศึกษาที่ดีได้อย่างเท่าเทียม
โครงการความรับผิดชอบต่อสังคม UOB Heartbeat เป็นเหมือนหัวใจที่ส่งเสริมให้พนักงานได้ลงมือทำงานจิตอาสา ผ่านโครงการที่ทางธนาคารจัดให้ตามความถนัดและความสนใจ รวมไปถึงกระตุ้นและส่งเสริมให้หน่วยงานต่างๆ ภายในองค์กรได้ริเริ่มโครงการในหน่วยงานตัวเองอีกด้วย ซึ่งความพิเศษของการทำงานจิตอาสาภายใต้โครงการ นอกจากจะได้ลงมือทำประโยชน์ให้กับสังคมแล้ว ตัวพนักงานเองยังได้แสดงศักยภาพของตัวเองที่นอกเหนือไปจากตำแหน่งหน้าที่ และที่สำคัญคือการได้สานสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงาน รวมไปถึงการได้พบปะกับเพื่อนต่างแผนกอีกด้วย
เพื่อส่งเสริมพลังของจิตอาสาให้อยู่ใน mindset ของพนักงาน ธนาคารยูโอบีจึงได้สนับสนุนให้พนักงานสามารถทำงานจิตอาสาได้อย่างเต็มศักยภาพ ทั้งการมีหน่วยงานให้คำปรึกษาเกี่ยวกับกิจกรรมที่ริเริ่มด้วยตนเอง การมอบสวัสดิการ Volunteer Leave 3 วันต่อปี ให้พนักงานได้ใช้เวลากับงานอาสาอย่างเต็มที่ รวมถึงมีแพลตฟอร์มงานจิตอาสาให้พนักงานเข้าไปเลือกสมัครได้ด้วยตนเอง
“เพราะเป็นพนักงานที่อยู่สาขาต่างจังหวัด โอกาสที่จะได้เข้าร่วมอาสาแบบนี้ หาทำด้วยตนเองนั้นได้ยากมากค่ะ
ดีใจที่ได้เข้าร่วมกิจกรรมดีๆ กับทางธนาคาร ได้สร้างคุณประโยชน์ให้กับสังคม
ทำให้รู้สึกตัวเองมีค่ามากขึ้น แถมอิ่มใจ เห็นน้องดีใจ
และรู้สึกคุ้มค่ากับแรงที่ลงไป เมื่อได้เห็นผลลัพธ์ที่ออกมาค่ะ
ดีใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในกิจกรรมดีๆ อยากมีโอกาสได้ร่วมบ่อยๆ ค่ะ”
เขมิกา คำประกอบ
พลังจิตอาสากับผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม
ความสำเร็จของการทำงานจิตอาสา วัดได้จากผลลัพธ์ในการลงมือทำจริง โดยการใช้ความเชี่ยวชาญด้านการเงินของพนักงานยูโอบี เข้าไปสอนวิชาการเงินพื้นฐานให้กับเด็กขาดโอกาส เพื่อปลูกฝัง mindset ด้านการเงินที่ถูกต้อง รวมถึงสอนจัดการแยกขยะ สร้างจิตสำนึกและเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมในการรักษาสิ่งแวดล้อมตั้งแต่ต้นทาง ก็เกิดจากการที่ยูโอบีเป็นต้นแบบขององค์กรที่สามารถบริหารจัดการขยะอย่างยั่งยืนได้สำเร็จ เกิดผลกระทบเชิงบวกกับตัวพนักงานเอง จึงส่งต่อไปยังครอบครัวและสังคมภายนอก หรือกระทั่งในด้านศิลปะ กับกิจกรรมเพนท์กระเป๋าใส่ดินสอให้กับน้อง สร้างแรงบันดาลใจด้านศิลปะกับเด็กๆ รวมไปถึงกิจกรรมทาสีห้องเรียนในต่างจังหวัด เปลี่ยนบรรยากาศในห้องเรียนเดิมๆ ให้สดใส
ผลลัพธ์ของการทำงานจิตอาสา ไม่เพียงแค่สร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับสังคมและกลุ่มเป้าหมายได้รับประโยชน์จากโครงการต่างๆ เพิ่มมากขึ้นกว่า 20,000 คนเท่านั้น แต่ยังช่วยสร้างเครือข่ายของคนที่มีใจรักในการทำงานจิตอาสาให้เพิ่มมากยิ่งขึ้น วัดได้จากตัวเลขของชั่วโมงจิตอาสาที่ทำสำเร็จในปี 2567 มากถึง 14,111 ชั่วโมง โดยแรงกายและแรงใจของพนักงานยูโอบีกว่า 2,852 คน ที่ร่วมกันทำงานกิจกรรมจิตอาสาเพื่อสังคม และยังคงมีแนวโน้มตัวเลขที่สูงขึ้นในทุกๆ ปี
นอกเหนือจาก “การให้” เหล่าจิตอาสายูโอบียังได้รับ ประสบการณ์ดีๆ ทั้งมิตรภาพจากเพื่อนใหม่ สานสัมพันธ์ภายในทีม และสร้างความภาคภูมิใจในตัวเองให้กับอาสาสมัครอีกด้วย
เพื่อเป็นการยืนยันถึงความสำคัญของพลังจิตอาสา ยูโอบีได้จัดงาน 2024 UOB Heartbeat Volunteer Appreciation Day แทนคำขอบคุณและชื่นชมพนักงานที่สละเวลาทำงาน เวลาส่วนตัวออกไปทำกิจกรรมเพื่อสังคม พร้อมเซอร์ไพรส์พนักงานที่สามารถเก็บชั่วโมงทำงานจิตอาสาได้มากที่สุด และหน่วยงานที่ริเริ่มทำกิจกรรมอาสาในหน่วยงานตนเองจนประสบความสำเร็จด้วยถ้วยรางวัลแทนคำขอบคุณ ให้ได้มีรอยยิ้มและแรงบันดาลใจให้กับพนักงานยูโอบีทุกคน ในการร่วมมือร่วมใจสร้างความเปลี่ยนแปลง และผลกระทบเชิงบวกให้กับสังคมผ่านงานจิตอาสา ที่ไม่ว่าใครก็สามารถลงมือทำได้
“สิ่งที่เราได้ทำเพียงแค่เล็กๆ น้อยๆ ก็สามารถสร้างรอยยิ้มและเติมเต็มความสุขให้กับคนอื่นๆ ได้มากมาย
ความสุขที่ได้รับกลับมานั้นคือพลังบวก ที่ทำให้เราพร้อมเดินหน้าทำสิ่งดีๆ ต่อไป”
วัชรินทร์ หาญละคร
วัฒนธรรมองค์กรของยูโอบีที่สนับสนุนการทำงานจิตอาสา จึงเป็นเหมือนแรงกระตุ้นสำคัญให้พนักงานทุกคนได้มองเห็นถึงศักยภาพและคุณค่าในตัวเอง ในขณะเดียวกันก็ได้รับความสุขจากการให้ เพราะทุกครั้งที่จิตอาสาได้ลงมือทำสิ่งดีๆ ให้กับสังคม หัวใจจะเต้นแรงขึ้น เป็นจังหวะแห่งความสุข เช่นเดียวกับชื่อโครงการ UOB Heartbeat เพราะการทำ CSR ร่วมกัน ไม่ใช่แค่กิจกรรม แต่คือหัวใจที่เต้นเป็นจังหวะเดียวกันกับทุกคนในองค์กร เกิดเป็นพลังที่ส่งไปถึงทุกคนในสังคม และสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืนได้ในที่สุด