Wonderfruit เทศกาลดนตรีและศิลปะงานใหญ่งานหนึ่งของประเทศไทย กำลังเข้าสู่ปี 5 ที่ยังคงคอนเซปท์สำคัญไว้อยู่เสมอ คือ ชุมชนสร้างสรรค์และยั่งยืน
โดยทุกพื้นที่ในงานคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมทั้งหมด เพื่อให้ทุกคนมีความสุขกลับไป จะมีสักกี่เทศกาลในเมืองไทยที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมเท่า Wonderfruit ก็คงจะหาได้ยากที่คิดถึงเรื่องนี้เป็นอันดับแรกแทนที่จะเป็นไลน์อัพศิลปินที่มาร่วมแสดง ซึ่งในปีนี้ที่จะจัดเป็นครั้งที่ 5 ได้ขยับขยายพื้นที่งานให้ใหญ่ขึ้นเพื่อรองรับคนจากทั่วโลก รวมถึงงานอินสตอลเลชั่นอาร์ต เวที และกิจกรรมอีกมากมายที่มีให้ร่วมตั้งตื่นยันเข้านอน
สร้างสรรค์และยั่งยืน
สองคำนี้อาจเป็นเทรนด์ที่ใครก็พูดถึงกันในระดับสากลแต่คนที่ลงมือปฏิบัติจริงนั้นอาจน้อยแค่หยิบมือเดียว Wonderfruit เป็นอีกหนึ่งงานขนาดใหญ่ที่เอาจริงเอาจังกับสิ่งนี้มาก มากจนขนาดที่เราเมาอยู่ก็รู้สึกได้ว่างานนี้ของจริงตั้งแต่แก้วน้ำถึงเวทีที่ล้วนตั้งต้นมาจากแนวคิดยั่งยืน โดยนำวัสดุธรรมชาติมา Upcycling ให้มีคุณภาพดีขึ้นให้เราได้ใช้โดยที่เราอาจไม่รู้สึกว่าแนวคิดนี้เป็นเรื่องที่ไกลตัว เพราะในงานนี้เราจะได้เห็นไอเดียต่างอยู่ในทุกตารางเมตรของงาน
ด้วยความเอาจริงเอาจังของ Wonderfruit ทำให้เราแปลกใจว่าทำไมในชีวิตประจำวันถึงไม่มีการทำแบบนี้อย่างจริงจัง ไม่ว่าการใช้แก้วสแตนเลส ภาชนะช้อนซ้อมจากชานอ้อย ที่ทุกเทศกาลควรทำให้เป็นเรื่องปกติ อย่างจุดเติมน้ำเปล่าที่มีอยู่รอบๆ ให้คนได้เติมได้ตลอด เป็นเทศกาลที่มีข้อตกลงว่าเป็นพื้นที่ zero single-use plastic ตลอดทุกครั้งที่ผ่านมา
ศิลปะ สถาปัตยกรรม และความยั่งยืน
แผ่นไม้ที่อัดแน่นจนสามารถขึ้นเป็นโครงสร้างสถาปัตยกรรมของเวที SOLAR STAGE ที่ออกแบบโดย GREGG FLEISHMAN สถาปนิกที่มีผลงานมากมายรวมถึงเทศกาลระดับโลกอย่าง Burning Man ที่เป็นจุดหมายหนึ่งของคนทั้งโลก และเสียงร้องของ Izzy Bizu นักร้องโซล อาร์แอนด์บีที่มาแสดงเมื่อปีที่แล้วยังติดอยู่ในความทรงจำแบบจีโอแมทตริก เมื่อดนตรี สถาปัตยกรรม และผู้คนมาร่วมอยู่ในพื้นที่เดียวอย่างใกล้ชิด ในเวทีทรงกลมที่ผู้คนปีนป่ายขึ้นไปฟังได้ตามแต่ตัวเองจะชอบ ในช่วงเวลาวิเศษที่กลางวันคืนเป็นหนึ่งเดียวกัน ยังคงตราตรึงใจผู้เขียนอยู่ว่าโชคดีจริงที่ได้มางานนี้เรียกว่าโคตรคุ้ม
Wonderfruit 2018 ที่มีการขยับขยายพื้นที่ให้ใหญ่ขึ้นและเหมาะสมกับความยิ่งใหญ่ของงาน ที่ “เดอะฟิลด์ แอท สยามคันทรีคลับ พัทยา” โดยพื้นที่แห่งใหม่นี้ห่างจากพื้นที่จัดงานเดิมเพียงไม่กี่กิโลเมตร และยังอยู่ในอาณาเขต สยามคันทรีคลับ พัทยา ไม่เพียงแต่มีขนาดที่ใหญ่ขึ้น ยังเป็นแหล่งรวมธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ และยังคงยึดแนวทางเดิมคือ Reduce, reuse, recycle ในทุกการออกแบบใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้นในครั้งนี้ แต่ก็ไม่ลืมใส่ความสนุกสนานมีชีวิตชีวาเข้าไป
เวทีหลักอย่าง Solar stage กลับมาอีกครั้ง ยังคงเป็นการออกแบบของ GREGG FLEISHMAN ด้วยซิกเนเจอร์การใช้ระบบโครงสร้างโมดูลาร์ตามรูปแบบเรขาคณิต ด้วยการนำแผ่นไม้มาวางขัดกันเหมือนจิกซอว์ อีกทั้งยังสร้างให้ใหญ่ยิ่งขึ้น พร้อมไลน์อัพศิลปินตั้งแต่ Nicolas Lutz, Louis Cole, Stars and Rabbit และ NJWA
และปีนี้มีเวทีใหม่อย่าง Theatre Stage ผลงานของ Mpdstudio กับสถาปัตยกรรมไม้ไผ่ที่ออกแบบเพื่อให้ผสานกับสภาพแวดล้อมของโลเคชั่นริมทะเลสาบโดยดัดแปลงพื้นที่เดิมน้อยที่สุด เป็นเวทีสำหรับ Live music จากศิลปินไทยและเทศ เช่น ศิลปินจากไอซ์แลนด์ Sóley กลุ่มศิลปินชาวไทย Costlywood อีกทั้ง Peter Broderick และ Knower มามอบความสนุกที่เวทีนี้
นอกจากที่กล่าวมาปีนี้ยังมีสถาปัตยกรรมใหม่ๆ อย่าง Bath House โรงอาบน้ำขนาดใหญ่ที่ยื่นลอยเหนือน้ำ สร้างขึ้นมาเพื่อเป็นโอเอซิสของงาน Silent Room ห้องเงียบอยากให้คนมางานมาฟังเสียงของตัวเองกันบ้าง และยังมีสถาปัตยกรรม อินสตอลเลชั่นอาร์ตอีกมากในงานให้ผู้เข้าชมงานได้แรงบันดาลใจกลับไป
The Creative Community
อาจารย์อ้อน – ผศ.ดร.รชพร ชูช่วย สถาปนิกผู้สร้าง Farm stage ในปีก่อนว่า “Wonderfruit เป็น Creative Community แต่ละปีงานก็จะเพิ่มของขึ้นเรื่อยๆ คอนเทนท์ก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในเชิงอินสตอลเลชั่นอาร์ต ดีไซน์ ความยั่งยืน มันเป็นประสบการณ์ที่สนุก ใครไม่เคยเจอของแบบนี้ก็สนุกดี”
แต่ Wonderfruit ไม่ได้มีเพียงแค่งานศิลปะ ดีไซน์ สถาปัตยกรรมจากเวที และเสียงดนตรีจากศิลปินทั่วโลก แต่ยังมีวิธีเล่าเรื่องความสร้างสรรค์และยั่งยืน ผ่านกิจกรรมระหว่างวันตั้งแต่ก่อนพระอาทิตย์ขึ้น ไม่ว่าจะเป็น Talks & Workshops ที่พูดถึงเรื่องมากมายตั้งแต่การตามหาจิตวิญญาณถึงเทคโนโลยีอนาคต หรือคุณอยากจะนั่งสมาธิ หัดโยคะ แล้วร่วมเต้นพร้อมกันผู้คนทั่วโลกใน drum circle ตอนเย็นที่กระตุ้นจังหวะในชีวิต จบท้ายด้วยการดูแสงสีจากศิลปิน Performing Art ทุกค่ำคืน โดยส่วนของกิจกรรมในงานที่มีมากมายจนไม่สามารถพิมพ์ลงบทความทั้งหมดได้คุณสามารถดูรายละเอียเพิ่มเติมได้ที่ www.wonderfruit.co/activity
ทำไมเราอยากให้คุณลองไป Wonderfruit 2018
จากที่เขียนมายืดยาวเพื่อบรรยายความน่าสนใจของเฟสติวัลระดับโลกของไทยนี้ไม่มีอะไรมากไปกว่าอยากให้คุณได้มาสัมผัสบรรยากาศศิลปะ ดนตรี ความคิดสร้างสรรค์ และรับไอเดียเรื่องความยั่งยืนที่ทำได้จริง แล้วนำกลับไปใช้ในชีวิตประจำวัน อีกทั้งไลน์อัพศิลปิน ดีเจ จากทั่วโลกที่มาโชว์ให้คุณดูกันสดๆ แบบหาดูจากงานอื่นในประเทศไทยได้ยาก ไม่ว่าคุณจะเป็นคนทั่วไป คนทำธุรกิจ ศิลปิน พนักงานบริษัท นักศึกษา อาชีพอะไรก็ตามแต่ เราเชื่อว่างานนี้จะมอบความสุขและไอเดียกลับไปให้คุณได้เต็มที่
ซื้อบัตรได้แล้ววันนี้ที่ wonderfru.it/wf18xthematter