สังเกตกันไหมว่า หน้าเฟซบุ๊กและสื่อโซเชียลต่างๆ ของเพื่อนพ้องรอบตัวเราตอนนี้ไม่มากก็น้อยจะเป็นเนื้อหาเกี่ยวกับการมีชีวิตที่ดี ไม่ว่าจะเป็นด้านสุขภาพ การบริโภคที่กรีน คลีน แฟร์ การทำงานที่ไหนก็ได้แบบไม่ต้องฝ่าฟันรถติด ไปจนกระทั่งการมีเวลาพักผ่อนนอนหลับที่เพียงพอ นำมาซึ่งความสงสัยของผู้เฝ้ามองปรากฏการณ์เขียวเปลี่ยนโลกนี้ว่าจะยั่งยืนยาวนานหรือดับหายไปเพียงชั่ววันแบบเทรนด์ไลฟ์สไตล์อื่นที่แพร่หลายกันในโลกออนไลน์
อย่างไรก็ตาม นิตยสาร Forbes ยังเสริมว่า เทรนด์การใช้ชีวิตดังกล่าวยังส่งอิทธิพลไปสู่การออกแบบพื้นที่อยู่อาศัยแบบ inclusive space หรือพื้นที่สำหรับทุกคน ที่จะสามารถรองรับความต้องการอันหลากหลายที่ทำให้ชีวิตของเราง่ายขึ้นผ่านสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ภายในพื้นที่ จนทำให้เราสามารถใช้ชีวิตแบบจบและครบภายในบริเวณบ้านของตนเอง และยังมีเวลาเหลือเฟือสำหรับกิจกรรมอื่นๆ ที่จะช่วยพัฒนาและส่งเสริมความยั่งยืนของคุณภาพชีวิตของเรา
เพียงเธอนั้น “ใส่ใจ” กันเบาๆ
ปัจจุบันเทรนด์การ “ใส่ใจชีวิต” เริ่มขยับมาเป็นหนึ่งใน a must ที่ชาวเมืองให้ความสำคัญและให้คุณค่าเป็นอันดับต้นๆ โดยไม่ใช่แค่สุขภาพกายเท่านั้น แต่หมายรวมถึงการบริโภคและใช้ชีวิตท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่เป็นมิตรต่อใจ โดยจากงานวิจัยของบริษัทการลงทุนอย่าง Harris Group ระบุว่า 72% ของจนยุคมิลเลนเนียลยินดีจะจ่ายเงินให้กับสินค้าหรือบริการที่เฮลตี้มากกว่าเสียเงินไปกับสินค้าวัตถุทั่วไป ซึ่งนั่นยิ่งทำให้เห็นชัดว่า เราได้ก้าวเข้าสู่ยุคที่มากกว่าการจับจ่าย มาเป็นการใช้ชีวิตที่น่าพิสมัยในสภาพแวดล้อมที่ดีตั้งแต่ตื่นเช้ายันเข้านอน
ไม่เพียงเท่านั้น จากผลสำรวจยังบอกว่าสำหรับชาวมิลเลนเนียลแล้ว การกินดีและอยู่ดีในสภาพแวดล้อมที่ดีนี้คือสิ่งละพันอันละน้อยที่เกิดขึ้นอย่างเป็นปกติในประจำวันจากไลฟ์สไตล์ที่ปรากฏผ่านการเลือกเฟ้นสิ่งต่างๆ ให้กับชีวิต และนั่นจึงทำให้สินค้าหรือบริการที่เกี่ยวกับมิติเหล่านี้ขึ้นแท่นสินค้าจำเป็นสำหรับชาวเรา ยกตัวอย่างแช่น การสวมนาฬิกาที่ช่วยวัดระยะการเคลื่อนไหวและบอกอัตราการเต้นของหัวใจพร้อมคำนวณแคลอรีที่เราเผาผลาญได้ให้เสร็จสรรพ การเข้าคอร์สโยคะหรือสมัครฟิตเนสสักแห่งไว้เพื่อกระตุ้นให้ตัวเองขยับร่างกาย กระแสวิ่งมาราธอน อาหารคลีน คอมฟอร์ทฟู้ด สายคาเฟ่ฮ็อปปิ้งบรรยากาศวิไล หรือสวนสาธารณะสีเขียวสำหรับการพักผ่อน ล้วนแล้วแต่ขึ้นแท่น “ของมันต้องมี” ที่ใครๆ ก็เลือกสรรไว้กับตัวแบบไม่ใช่เพื่ออวดอ้างความทันสมัย แต่เพราะใส่ใจและให้คุณค่ากับสิ่งเหล่านั้นจริงๆ และนั่นทำให้ไลฟ์สไตล์เช่นนี้ไม่อาจเลือนหายไปกับกระแสออนไลน์แต่จะยังยั่งยืนไปได้อีกนาน
Life happens everywhere
รูปแบบการใช้ชีวิตข้างต้นดูจะสอดคล้องกับกระแสการทำงานแบบ digital nomads หรือผู้คนที่สามารถทำงานที่ไหนก็ได้โดยอาศัยเพียงอุปกรณ์ในการสื่อสาร คอมพิวเตอร์สักเครื่อง และอินเทอร์เน็ตเป็นเครื่องมือในการติดต่อและทำงานร่วมกัน เราจึงสามารถพบเห็นผู้คนที่ทำงานเช่นนี้เกือบทุกที่ ไม่ว่าจะเป็นที่บ้านของพวกเขาเอง คาเฟ่ชิคๆ โคเวิร์คกิ้งสเปซ หรืออาจจะพบเห็นตามแหล่งท่องเที่ยวพักผ่อนริมชายหาดก็ยังได้ คนเหล่านี้ไม่จำเป็นจะต้องอยู่ติดกับสำนักงานหรือไม่ต้องต่อสู้กับการจราจรอันคับคั่ง โดยเฉพาะการจราจรในประเทศไทยที่ถูกจัดอันดับโดย Global Traffic Scorecard Report ในปี 2017 ว่า ไทยแลนด์ของเราเป็นประเทศที่มีรถติดมากเป็นอันดับ 1 ของโลก และติดอันดับที่ 12 ของโลกในการใช้เวลาบนท้องถนนกว่า 64 ชั่วโมงต่อปี!
เมื่อโลกกำลังขับเคลื่อนด้วยรูปแบบการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไป นำมาซึ่งโจทย์ใหม่ของการพัฒนาคุณภาพของสิ่งอำนวยความสะดวกรวมถึงพื้นที่ที่สามารถรองรับความต้องการอันหลากหลายได้และสามารถส่งเสริมสุขภาวะองค์รวมของผู้อยู่อาศัยผ่านทรัพยากรต่างๆ ที่จัดสรรไว้ในพื้นที่ เพราะเงื่อนไขในชีวิตของคนเรามีมากกว่าหนึ่งข้อ work-life balance กลายมาเป็น wish list อันดับต้นๆ ของคนวัยทำงานที่ต้องการจัดสมดุลระหว่างการทำงานและชีวิตทำให้มีเวลาเหลือสำหรับการพักผ่อนหรือพัฒนาตัวเองในด้านต่างๆ คงจะดีไม่น้อยถ้าหากบ้านของเราอยู่ไม่ไกลจากที่ทำงานมากนัก หรือตื่นเช้ามาอยากวิ่งเสริมสุขภาพสักหน่อยก็แค่เดินออกมาหน้าบ้านแล้วจ็อกกิ้งได้เลย มีแหล่งจับจ่ายใช้สอย แหล่งอำนวยความสะดวกต่างๆ และแน่นอน มีสวนเขียวๆ สักแห่งเพื่อพักผ่อนหย่อนใจ ครบครันแบ็ดเสร็จเป็นหนึ่งเดียวในละแวกบ้าน
เพราะบ้านคือพื้นที่ของชีวิต
การออกแบบชีวิตให้แวดล้อมด้วยปัจจัยที่ส่งเสริมให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีตามที่กล่าวไว้ข้างต้นไม่ใช่ฝันที่ไกลเกินเอื้อมจนเกินไปนัก เพราะล่าสุดโครงการ SKY ดอนเมือง-สรงประภา ได้นำเสนอ “บ้านเดี่ยวมุมมองใหม่” ด้วยการออกแบบบ้านที่ทำให้คุณไม่เพียงได้ “ใช้ชีวิต” อยู่ในบ้านเท่านั้น แต่ยังหมายรวมถึง “ชีวิตนอกบ้าน” ที่ทุกคนในโครงการจะได้เป็นเจ้าของร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ co-working space ที่เปิดตลอด 24 ชั่วโมง สำหรับไลฟ์สไตล์การทำงานของแต่ละคน หรือจะให้พื้นที่ส่วนกลางนี้เป็นจุดเริ่มต้นของการประชุมธุรกิจสตาร์ทอัพไฟแรงที่ให้คุณได้ทำงานโดยไม่จำเป็นต้องเผชิญกับความหนาแน่นของการจราจรบนท้องถนน พร้อม ที่มีHi-Speed internet ให้ใช้ตลอด
ความโปร่งสบายที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ยังเป็นอีกหนึ่งนโยบายหลักของ SKY ที่ปรากฏผ่านการจัดสรรพื้นที่สวนสาธารณะของโครงการสำหรับการพักผ่อนนันทนาการทั้งแบบในร่มและกลางแจ้ง ความพิเศษอยู่ที่เส้นทางวิ่งที่มีการบอกระยะทางวิ่งที่จะทำให้เราสามารถควบคุมระยะทางเพื่อประสิทธิภาพของการออกกำลังได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญคือพื้นที่ของโครงการยังออกแบบมาให้รองรับกับการเคลื่อนไหว และเป็นทางลาดสำหรับผู้พิการ หรือใช้รถเข็นได้ใช้พื้นที่สวนส่วนกลางร่วมกัน
เพราะมากกว่าคำว่าบ้านก็คือการอยู่ร่วมกันของผู้คน SKY จึงพัฒนาโครงการให้มีพื้นที่ที่ทุกคนสามารถเข้ามามีส่วนร่วมไปด้วยกัน ซึ่งทำให้บ้านในโครงนี้เป็นบ้านที่ออกแบบมาเพื่อการใช้ชีวิตที่เปิดกว้างและใส่ใจกับทุกจังหวะของชีวิต
อ้างอิง
BBC : http://www.bbc.com/thai/thailand-39038498
INRIX : http://inrix.com/resources/inrix-2017-global-traffic-scorecard/
TCDC : http://www.tcdc.or.th/upload/iblock/0eb/0eba3566e3809b833b44ff688cb8c8f1.pdf