พลเมืองญี่ปุ่นจะมีนามสกุลว่า ‘ซาโตะ’ เหมือนกันทุกคนในอีก 500 ปีข้างหน้า เว้นแต่ว่าจะแก้ไขกฎหมายเก่าแก่ที่มาตั้งแต่ปลายทศวรรษ 1800 ที่ผู้หญิงเปลี่ยนมาใช้นามสกุลของผู้ชาย
งานวิจัยชิ้นนี้นำโดย ฮิโรชิ โยชิดะ ศาสตราจารย์ด้านเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยโทโฮกุ คาดการณ์ว่าหากญี่ปุ่นยังคงใช้กฎหมายให้คู่สมรสใช้นามสกุลเดียว คนญี่ปุ่นทุกคนจะถูกเรียกว่า ‘ซาโตะซัง’ ภายในปี 2531 (นับจากปี 2024 ก็อีกราวๆ 500 ปี)
โยชิดะยอมรับว่าการคาดการณ์ของเขามีพื้นฐานอยู่บนสมมติฐานหลายอย่าง แต่แนวคิดนี้คือการใช้ตัวเลขเพื่ออธิบายผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นของระบบปัจจุบันต่อสังคมญี่ปุ่น เขาเล่าว่า “ถ้าทุกคนกลายเป็นซาโตะกันหมด เราอาจจะต้องเรียกกันด้วยชื่อหรือตัวเลขแทน ซึ่งผมก็ไม่คิดว่านั่นจะเป็นโลกที่ดีที่จะอยู่”
จากการสำรวจเมื่อเดือนมีนาคม 2023 นามสกุล ‘ซาโตะ’ อยู่ในอันดับต้นๆ ของนามสกุลญี่ปุ่นซึ่งคิดเป็น 1.5% ของประชากรทั้งหมด และตามมาด้วย ‘ซูซูกิ’ ที่มีเยอะรองลงมา
ถึงอย่างนั้น ชาวเน็ตบางคนก็คิดว่าสิ่งนี้เป็นเรื่องหลอกลวง เพราะมันถูกรายงานครั้งแรกในวันที่ 1 เมษายน 2024 ซึ่งตรงกับวัน April fool’s day แต่ความจริงแล้วงานวิจัยชิ้นนี้มันถูกตีพิมพ์มาตั้งแต่ในเดือนมีนาคมแล้ว
โยชิดะ เล่าว่า ถ้าคนทั้งประเทศกลายเป็นซาโตะนอกจากจะมีปัญหาตอนเรียกแล้ว ยังทำลายศักดิ์ศรีของแต่ละคนด้วย ซึ่งแนวโน้มดังกล่าวจะนำไปสู่การสูญเสียครอบครัว และมรดกด้วย จากการคำนวณของเขา สัดส่วนของคนญี่ปุ่นที่มีนามสกุลซาโตะเพิ่มขึ้น 1.0083 เท่าในช่วงปี 2022 – 2023 สมมติว่าอัตราเหล่านี้ยังคงที่ และกฎหมายดังกล่าวยังไม่เปลี่ยนแปลง ในปี 2446 ประมาณครึ่งหนึ่งของประชากรญี่ปุ่นจะมีนามสกุลซาโตะ และกลายเป็นซาโตะทั้งหมด 100% ในปี 2531
คู่สมรสในญี่ปุ่นต้องเลือกว่าจะใช้นามสกุลใดเมื่อแต่งงานแล้ว แต่ 95% ของคู่สมรส ผู้หญิงคือผู้ที่จะเปลี่ยนนามสกุลของเธอไปใช้นามสกุลของผู้ชายแทน ขณะที่ภาพรวมของสิ่งนี้จะแตกต่างไปทันทีถ้ารัฐบาลญี่ปุ่นกดดันให้คู่สมรสใช้นามสกุลเดิมของตัวเอง
งานวิจัยนี้ได้ทำการสำรวจในปี 2022 โดยสมาพันธ์สหภาพแรงงานญี่ปุ่น ซึ่ง 39.3% ของพนักงาน 1,000 คนที่มีอายุระหว่าง 20 – 59 ปี บอกว่าพวกเขาต้องการเปลี่ยนนามสกุล แม้ว่าจะมีทางเลือกในการใช้นามสกุลเดิมก็ตาม
แม้ว่ารัฐบาลญี่ปุ่นจะอนุญาตให้ปรากฏนามสกุลเดิมข้างนามสกุลใหม่ในหนังสือเดินทาง ใบขับขี่ และใบสำคัญที่อยู่ แต่ญี่ปุ่นก็ยังคงเป็นประเทศเดียวในโลกที่กำหนดให้คู่สมรสต้องใช้ชื่อเดียวกัน แต่สมาชิกอนุรักษ์นิยมของพรรคเสรีนิยมประชาธิปไตย (LDP) บอกว่า การเปลี่ยนแปลงกฎหมายจะบ่อนทำลายความสามัคคีในครอบครัว และทำให้เกิดความสับสนในหมู่เด็กๆ
อ้างอิงจาก