กรณีของขอทานจีนกำลังเป็นที่น่าจับตามอง หลังมีรายงานว่าพบขอทานจีนในไทยที่อาจเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์อย่างน้อย 9 ราย ทั้งยังพบขอทานจีนลักษณะคล้ายกันในเชียงใหม่และระยองอีกเช่นกัน
แล้วเรื่องราวที่ผ่านมาเป็นอย่างไร วันนี้ (21 พฤศจิกายน) The MATTER ได้สรุปไว้ให้แล้ว
ย้อนกลับไปวันที่ 18 พฤศจิกายน กัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ เจ้าของเพจเฟซบุ๊ก ‘กันจอมพลัง ช่วยสู้’ ที่คอยช่วยเหลือคนยากลำบาก ได้รับแจ้งว่าพบหญิงใส่ชุดนักศึกษา ใบหน้าเละ นิ้วกุด ถือกล่องไว้ 1 ใบนั่งขอทานอยู่บริเวณประตูน้ำ เขาและทีมงานจึงเข้าไปตรวจสอบ พร้อมกับประสานเจ้าหน้าที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) และตำรวจเพื่อเข้าไปตรวจสอบ
เมื่อกัณฐัศว์ไปถึง เขาพยายามพูดคุยกับหญิงที่นั่งนั่งขอทาน แต่ไม่สามารถสื่อสารกันได้ อีกทั้งคนในพื้นที่ยังให้ข้อมูลกับเขาด้วยว่า พบเห็นคนที่มีลักษณะใบหน้าเป็นผังผืด นิ้วกุด และใส่ชุดนักเรียน-นักศึกษามากกว่า 1 คน วนเวียนกันไปนั่งอยู่ที่จุดดังกล่าว โดยเจ้าของร้านค้ารายหนึ่งกล่าวว่า เขามาเปิดร้านตั้งแต่ 8.00-22.00 น. ก็พบเห็นคนที่มานั่งขอทานแล้ว
จากนั้น ทางเจ้าหน้าที่ พม.ก็พาหญิงรายดังกล่าวไปที่สถานีตำรวจ กัณฐัศว์เล่าเพิ่มเติมว่า ไม่นานหลังจากนั้นก็มีชาวไทยที่อ้างตนว่าเป็นล่าม เดินทางไปที่สถานีตำรวจ ส่งพาสปอร์ตของหญิงขอทาน พร้อมกับขอยัดเงินตำรวจ แลกกับการปล่อยตัวหญิงขอทานคนนั้นกลับประเทศ ซึ่งในเบื้องต้น พบว่าหญิงชาวจีนรายดังกล่าวมีเงินต่อวันประมาณ 1 หมื่นบาท
กัณฐัศว์ยังกล่าวอีกว่า เจ้าหน้าที่ พม.ยังให้ข้อมูลกับเขาว่ากรณีนี้ คล้ายกับกรณีก่อนหน้าที่ทาง พม.เคยควบคุมตัวได้ที่สยามสแควร์ คือเป็นชาวจีน ใส่ชุดนักศึกษา ใบหน้าเป็นผังผืด ถือกล่องนั่งขอทาน เมื่อโดนจับ ก็จะมีคนที่อ้างตัวว่าเป็นล่ามเดินทางมาเจรจาขอให้ปล่อยตัว โดยล่ามที่มาก็ยังเป็นคนเดียวกันอีกด้วย
ต่อมา ในวันที่ 19 พฤศจิกายน กัณฐัศว์ยังได้รับรายงานเพิ่มเติม ซึ่งเขาก็ได้ประสานกับทางเจ้าหน้าที่ พม.เข้าไปตรวจสอบตามที่ได้รับแจ้ง แบะพบว่ามีหญิงชาวจีนคนหนึ่ง เข้าไปนั่งขอทานในตลาดนัด ย่านปิ่นเกล้า ทั้งยั้งมีลักษณะที่คล้ายกับกรณีก่อนหน้า แต่ล่ามที่เข้ามาเจรจา เป็นคนละคนกับ 2 กรณีแรก [สยามสแควร์และประตูน้ำ]
กัณฐัศว์ยังตั้งข้อสังเกตเอาไว้อีกว่า กรณีดังกล่าว น่าจะเกิดขึ้นเป็นขบวนการ เพราะทั้งหมดมีแพทเทิร์นที่เหมือนกัน คือเป็นหญิงจีนใส่ชุดนักเรียน-นักศึกษาแบบเดียวกัน ถือกล่อง วนเวียนกันมานั่งขอทานแต่ไม่มาพร้อมกัน มีแผลคล้ายกับโดนน้ำกรดหรือไฟไหม้บริเวณหน้าและมือ แต่แผลดังกล่าวไม่ได้ลามไป คล้ายกับถูกจุ่มเข้าไปในน้ำกรดหรือมีอะไรครอบเอาไว้ เนื่องจากสังเกตเห็นว่ามีจุดแบ่งระหว่างผิวส่วนที่เป็นแผลและส่วนที่ไม่เป็นแผลชัดเจน
นอกจากนี้ อีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้กัณฐัศว์เชื่อว่าเป็นขบวนการค้ามนุษย์ ก็คือ หลังจากที่ถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวไป ก็จะมีคนที่อ้างตนว่าเป็นล่าม เข้ามายื่นพาสปอร์ต และขอเจรจากับตำรวจ อีกทั้ง เขายังเห็นว่าในกรณีของขอทานรายที่ 2 ก็มีการส่งข้อความแปลภาษาไปให้คนที่อ้างตัวเป็นล่ามว่า เธอไม่ได้พูดอะไรถึงเขาเลย รวมไปถึง ล่ามทั้งหมดยังเดินทางไปที่สถานีตำรวจทันที คล้ายกับมีคนสังเกตสถานการณ์อยู่
กัณฐัศว์ให้ข้อมูลว่า ขอทานชาวจีนกล่าวว่าเต็มใจจะเดินทางมาเพื่อขอทานที่ประเทศไทย โดยที่ไม่รู้ว่าการขอทานนั้นผิดกฎหมาย ซิมโทรศัพท์ที่ใช้อยู่ก็เก็บมาจากข้างถนน แต่ไม่ยอมบอกว่ากุญแจและคีย์การ์ดที่พบนั้นมาจากไหน ส่วนแผลที่เกิดขึ้นนั้น ก็มาจากเหตุการณ์ไฟไหม้ และทั้งหมดก็ไม่ได้เดินทางเข้าประเทศไทยเป็นครั้งแรก
เมื่อวานนี้ (20 พฤศจิกายน) ยังมีข้อมูลว่า มีขอทานชาวจีนอยู่บริเวณหน้าโรงพยาบาลกรุงเทพคริสเตียน กัณฐัศว์พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางรัก จึงเดินทางไปตรวจสอบ จนพบว่าขอทานรายดังกล่าว เป็นชายอายุประมาณ 30 ปี อ้างว่าเดินทางมาเที่ยวในประเทศไทยประมาณ 10 กว่าวัน แต่เขาทำเงินหาย จึงต้องมานั่งขอทาน และมานั่งได้ 3 วัน เนื่องจากได้รับคำแนะนำจากชาวจีนว่าสามารถขอทานได้ ส่วนบาดแผลและความพิการตามร่างกายเกิดขึ้นจากการเป็นทหาร
ในวันนี้ กัณฐัศว์ยังกล่าวถึงความคืบหน้าของขอทานชาวจีนในกรุงเทพฯ ว่า ขณะนี้ตำรวจติดตามตัวได้ 6 คน เหลืออีก 3 คน ที่กำลังเฝ้าติดตามความเคลื่อนไหว ทั้งเขายังได้รับเบาะแสเพิ่มเติมอีกว่า ขอทานจีนไม่ได้มีในพื้นที่กรุงเทพฯ เท่านั้น แต่ยังมีในเชียงใหม่และระยอง ซึ่งตอนนี้ยังไม่มีหน่วยงานไหนที่เข้ามาจัดการปัญหาในท้องที่ดังกล่าว
อย่างไรก็ตามทางด้าน วราวุธ ศิลปอาชา รมว.พม. ให้สัมภาษณ์ว่าเหตุการณ์ขอทานจีนว่า อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการค้ามนุษย์ ซึ่งทาง พม. ได้ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อตรวจสอบเรื่องการค้ามนุษย์ต่อไป
วราวุธยังกล่าวอีกว่า หากประชาชนพบว่ามีการขอทาน ให้แจ้งเจ้าหน้าที่เพราะเป็นสิ่งผิดกฎหมาย และคนที่ให้ขอทาน ก็มีความผิดเช่นเดียวกัน
ส่วนข้อกังวลว่าการฟรีวีซ่าให้ชาวจีน จะทำให้การขอทานมากขึ้นหรือไม่นั้น วราวุธเชื่อว่าเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองมีวิจารณญาณ ถ้าเจอคนที่เข้าข่ายต้องสงสัย ก็คงมีการตั้งคำถามเกิดขึ้น แต่ไม่น่าจะเกี่ยวกัน
รวมไปถึง นภาพร เมฆาผ่องอำไพ รองอธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ พม.ยังกล่าวด้วยว่า ตามขั้นตอนทางกฎหมาย บุคคลเหล่านี้มีความผิด ตาม พ.ร.บ.ควบคุมการขอทาน พ.ศ.2559 โดยหลังจากการดำเนินคดี จะต้องผลักดันกลับประเทศต้นทาง ส่วนการขึ้นบัญชีดำไว้เพื่อป้องกันการเดินทางกลับมาขอทานในไทยซ้ำอีกคงต้องเป็นหน้าที่ตำรวจในหน่วยที่เกี่ยวข้อง
อ้างอิงจาก