นอกจากวันที่ 3 พ.ย. ที่ผ่านมาจะเป็นวันเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ หลายๆ รัฐก็ยังใช้โอกาสนี้ในการทำประชามติผ่านร่างกฎหมายต่างๆ รวมถึงรัฐนิวเจอร์ซีย์ (New Jersey) ที่มีการเปิดให้โหวตผ่านกฎหมายการใช้ ‘กัญชาเพื่อสันทนาการ’ ซึ่งมีประชาชนออกมาเทคะแนนสนับสนุนอย่างล้นหลาม
.
ตามรายงานของ Associated Press ขณะนี้มีประชาชนร้อยละ 67 ในรัฐสนับสนุนให้สามารถใช้กัญชาในเชิงสันทนาการ และไม่เห็นด้วยร้อยละ 33 ทั้งนี้ การใช้กัญชาทางการแพทย์ถูกกฎหมายในรัฐนิวเจอร์ซีย์ มาตั้งแต่ปี ค.ศ.2010
.
หน่วยงาน Office of Legislative Services ของรัฐนิวเจอร์ซีย์ได้คาดการณ์ไว้ว่า การอนุมัติการใช้กัญชาเพื่อสันทนาการจะทำให้อุตสาหกรรมกัญชาเติบโตมากถึง 1.9 พันล้านดอลลาร์ และภาครัฐจะสามารถเก็บภาษีได้มากถึง 126 ล้านดอลลาร์
.
การผลักดันให้กัญชาถูกต้องตามกฎหมายเกิดขึ้นจากการที่รัฐมีแผนจะกู้ยืมเงินมากถึง 4.5 พันล้านดอลลาร์ในปีนี้ เพื่อเยียวยาการขาดดุลงบประมาณจากการระบาดของ COVID-19 โดยสภานิติบัญญัติของรัฐนิวเจอร์ซีย์วางแผนจะผ่านการออกกฎหมายดังกล่าวภายในสิ้นเดือนพฤศจิกายนนี้ และตามรายงานของวุฒิสมาชิก นิโคลาส สกูตารี (Nicholas Scutari) รัฐจะกำหนดภาษีกัญชาไว้ที่ 6.6% และอนุญาตให้รัฐบาลท้องถิ่นดำเนินการจัดเก็บภาษีเพิ่มเติมได้สูงสุด 2%
.
สก็อตต์ รัดเดอร์ (Scott Rudder) อดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งรัฐ และประธานของ New Jersey CannaBusiness Association ให้ความเห็นว่า การอนุญาตขายกัญชาเพื่อสันทนาการ จะช่วยลดการเปอร์เซ็นต์การเกิดอาชญากรรม และช่วยเพิ่มการจ้างงานในพื้นที่อีกด้วย
.
โดยนอกจากรัฐนิวเจอร์ซีย์แล้ว รัฐมอนทานา (Montana) รัฐแอริโซนา (Arizona) และรัฐเซาท์ดาโคตา (South Dakota) ต่างก็มีการลงคะแนนเพื่อผ่านร่างกฎหมายกัญชาเชิงสันทนาการเช่นกัน ในส่วนของรัฐเซาร์ดาโคตา และ มิสซิสซิปปี (Mississippi) มีการทำประชามติเพื่อนำกัญชาไปใช้ในทางการแพทย์ด้วย โดยประชาชนทั้งสองรัฐก็โหวตผ่านร่างกฎหมายดังกล่าวแล้วเช่นกัน
.
ในขณะที่หลายรัฐเริ่มโหวตผ่านร่างกฎหมายกัญชาถูกกฎหมาย รัฐทางฝั่งตะวันตกของอเมริกาอย่างออริกอน (Oregon) ซึ่งมีชื่อเสียงเรื่องยาเสพติด ได้ประกาศว่ารัฐออเรกอนจะเป็นรัฐแรกที่โทษที่ลดบทลงโทษทางอาญาในคดีที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ซึ่งรวมถึงการจำคุกในกรณีที่พบว่ามีการครอบครองยาเสพติดจำนวนเล็กน้อย และจะมีการเพิ่มทางเลือกให้กับผู้ติดยาเสพติดว่าจะจ่ายค่าปรับจำนวน 100 ดอลลาร์ หรือเข้ารับการประเมินสุขภาพ และบำบัดอาการเสพติด อย่างไรก็ตาม ส่วนของการจำหน่ายยาเสพติดร้ายแรงยังคงถือว่าผิดกฎหมายต่อไป
.
หลังจากนโยบายใหม่นี้ประกาศออกไป ก็มีหลายฝ่ายออกมาวิพากษ์วิจารณ์ข้อเสนอดังกล่าว หลายคนมองว่าการลดโทษของคดีที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดจะทำให้เกิดอาชญากรรมเพิ่มในพื้นที่หรือไม่ นักวิจารณ์บางคนตั้งคำถามว่ากลยุทธ์การจัดสรรใหม่นี้มีเงินทุนเพียงพอเพื่อใช้ในการบำบัดการติดยาเสพติดได้จริงหรือ
.
อย่างไรก็ตาม โอเรกอนไม่ใช่ที่แรกในโลกที่ลดโทษของคดียาเสพติด ประเทศโปรตุเกสก็เคยใช้โมเดลนี้ควบคู่ไปกับการเพิ่มงบบำบัดยาเสพติด ในช่วงปี ค.ศ.2001 ซึ่งหลังจากนั้นก็มีการติดตามผลอย่างต่อเนื่องจากสื่อต่างๆ และพบว่าผลลัพท์ของโมเดลดังกล่าวเป็นไปในทิศทางที่ดี แม้ว่าจะมีเปอร์เซ็นต์การใช้ยาเพิ่มมากขึ้น แต่รูปแบบการใช้ที่ก่อให้เกิดปัญหาลดน้อยลง
.
.
อ้างอิงจาก