หลังประกาศชัยชนะจากการเลือกตั้งผู้นำสหรัฐฯ ที่จัดขึ้นเมื่อช่วงเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา โจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ก็เดินหน้าถ่ายโอนอำนาจ และจัดตั้งคณะทำงานใหม่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งล่าสุด ไบเดน เตรียมตั้งทีมคุ้มครองสิ่งแวดล้อมแห่งสหรัฐอเมริกา (EPA) เพื่อมาดำเนินงานแก้ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมทั้งในระดับประเทศ และในระดับโลก โดยในไบเดนได้ประกาศว่า ‘No time to Waste’ หรือไม่มีเวลาให้เสียอีกแล้ว สำหรับการซ่อมแซมดูแลสิ่งแวดล้อมให้ทันเวลา
นอกจากการแต่งตั้งทีม EPA เพื่อมาดำเนินนโยบายด้านสภาพอากาศ และเสริมสร้างประสิทธิภาพในการป้องกันมลพิษ โจ ไบไดนยังได้เสนอชื่อ ไมเคิล เรแกน (Michael Regan) นักบริหารด้านสิ่งแวดล้อมขึ้นเป็นหัวหน้าทีม EPA และได้เสนอชื่อ เดป ฮาลแลนด์ (Deb Haaland) และเบรนดา มัลลอรี (Brenda Mullally) ทนายความด้านสิ่งแวดล้อม รวมถึงอาลี ซาลดี (Ali Saldi) ผู้เชี่ยวชาญด้านสภาพอากาศ ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่มีคุณสมบัติการทำงานเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมมาร่วมทีมด้วย
หากรายชื่อเหล่านี้ได้รับการรับรองจากวุฒิสภา เดป ฮาลแลนด์ จากรัฐนิวเม็กซิโก จะขึ้นเป็นคณะรัฐมนตรีคนแรกที่เป็นชนพื้นเมืองในประวัติศาสตร์อเมริกา และ เบรนดา มัลลอรี จะขึ้นเป็นผู้นำด้านคุณภาพสิ่งแวดล้อมคนแรกที่เป็นชาวแอฟริกันอเมริกัน ขณะที่ ไมเคิล เรแกน จะเป็นคนผิวดำคนแรกที่จะนำทีม EPA
ทีมงานสิ่งแวดล้อมของไบเดน ตั้งมาเพื่อสานต่อเจตนารมณ์ที่เคยหาเสียงไว้ช่วงที่มีการแข่งขันเลือกตั้งประธานาธิบดี ไบเดนได้สัญญาไว้ว่า เขาจะดำเนินการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงทางสภาพอากาศ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งปัญหาหลักของประเทศและโลกในตอนนี้ พร้อมยังแสดงความเชื่อมั่นว่าทีมงานกลุ่มนี้จะสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับสังคมอเมริกาแน่นอน ซึ่งหลังจากที่มีการแนะนำทีมงานใหม่นี้ขึ้นมา ก็ได้รับสียงตอบรับที่ดีจากประชาชนชาวสหรัฐฯ เนื่องจากรายชื่อทีมงาน พร้อมด้วยคุณสมบัติการทำงานมีความสอดคล้องกับปัญหาที่รอให้เข้ามาแก้ไขมาตลอด
โจ ไบเดนมีกำหนดจะเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีอย่างเป็นทางการในวันที่ 20 มกราคม ค.ศ. 2021 ซึ่งเขาเคยประกาศไว้ว่า ทันทีที่เขาเข้ารับตำแหน่ง เขาจะพาสหรัฐฯ กลับเข้าข้อตกลงปารีสทันที หลังจากที่โดนัลด์ ทรัมป์ พาสหรัฐฯ ถอนตัวไปก่อนหน้านี้ อีกทั้งไบเดน ยังเตรียมจะจัดประชุมสุดยอดผู้นำด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อปัญหาการเปลี่ยนแปลงทางสภาพอากาศ ซึ่งเป็นปัญหาระดับโลก นอกจากนี้ไบเดนยังย้ำว่า เขาจะทำให้สหรัฐฯ เป็นประเทศที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนเป็นศูนย์ภายในปี ค.ศ. 2050 เพราะเชื่อว่าการปฏิบัติเหล่านี้จะเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจ และแรงงานของสหรัฐฯ
อ้างอิงจาก
https://www.bbc.com/news/world-us-canada-55382209
#Brief #TheMATTER