เป็นเวลากว่า 15 วันแล้วนับแต่กองทัพเมียนมาประกาศรัฐประหารยึดอำนาจเมื่อวันที่ 1 ก.พ. ที่ผ่านมา 15 วันที่นานาชาติต่างเรียกร้องให้มีการคืนอำนาจประชาธิปไตย 15 วันที่เหล่าผู้นำพรรค NLD ไม่ปรากฎตัวต่อสาธารณะ และ 15 วันที่ชาวเมียนมากว่าแสนคนออกมาเรียกร้องเสรีภาพของพวกเขาคืน
ชาวเมียนมาต้องเผชิญหน้ากับการจำกัดการสื่อสารอีกครั้ง หลังเมื่อคืนวันที่ 14 ก.พ. องค์กร Netblocks ซึ่งเป็นองกรสังเกตการณ์อิสระเกี่ยวกับเครือข่ายอินเทอร์เน็ต รายงานว่า ความเร็วของอินเทอร์เน็ตในประเทศเมียนมาลดลง 14% จากความเร็วปกติ ส่งให้เวลาประมาณ 01.00 น. – 09.00 น. ของวันที่ 15 ก.พ. อินเทอร์เน็ตของเมียนมาไม่สามารถใช้การได้ นอกจากนี้ บริษัทให้บริการอินเทอร์เน็ตหลายแห่งในเมียนมายังออกมาเปิดเผยว่า รัฐบาลทหารออกคำสั่งให้งดให้บริการอินเทอร์เน็ตในช่วงเวลาดังกล่าว
การประกาศบล็อกอินเทอร์เน็ตในเมียนมานำมาสู่การแชร์ข้อความมากมายผ่านทวิตเตอร์ และช่องทางโซเชียลอื่นๆ เพื่อรายงานความเป็นไปในประเทศก่อนจะไม่สามารถทำได้ คนเมียนมาออกมาโพสต์รูปรถหุ้มเกราะตามท้องถนนในเมืองต่างๆ ทั้ง ย่างกุ้ง (Yangon), มิตจีนา (Myitkyina) และซิตตเว (Sittwe) ซึ่งเป็นสัญญาณว่า กองกำลังทหารของเมียนมากำลังเตรียมการปราบปรามผู้ชุมนุมที่ออกมาการต่อต้านรัฐประหาร
สัญญาณความรุนแรงในเมียนมาเริ่มชัดเจนมากขึ้น พร้อมๆ กับเสียงของประชาชนที่ถูกริดรอนโดยอำนาจกองทัพ และในความเงียบกว่า 9 ชั่วโมงที่ชาวเมียนมาถูกตัดขาดจากโลกภายนอกเกิดอะไรขึ้นบ้าง ?
เมื่อคืนวันที่ 14 ก.พ. ชาวเมียนมาได้ใช้แฮชแท็ก #WhatsHappeningInMyanmar สื่อสารกับคนทั่วโลกในช่วงเวลาที่ยากลำบาก โดยมีการแชร์ข้อความว่า ‘We Are Not Safe’ พร้อมระบุว่า ก่อนมีการปิดกั้นระบบอินเทอร์เน็ต มีเที่ยวบินจากเมืองคุนหมิง ประเทศจีนมาลงจอดที่เมืองย่างกุ้งถึง 6 เที่ยวบิน โดยเที่ยวบินเหล่านี้ไม่อยู่ในรายชื่อตามกำหนดเวลาลงจอด และเรดาร์การบินขึ้นและลงก็ถูกปิด เพื่อป้องกันการตรวจสอบ ทำให้ชาวเมียนมากังวลเรื่องการถูกแทรกแซงจากนอกประเทศ
นอกจากนี้ ยังมีการแชร์ข้อความ และภาพ ซึ่งระบุว่ารัฐบาลทหารของเมียนมาปล่อยนักโทษ และผู้ต้องคดีมากกว่า 1 หมื่น เพื่อก่อจลาจล ทำลายข้าวของ และเผาบ้านเรือนประชาชนในช่วงค่ำคืนที่ผ่านมา อีกทั้งยังมีรายงานว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้แก๊สน้ำตา และฉีดน้ำใส่กลุ่มผู้ชุมนุมในเมืองย่างกุ้ง
วันนี้นับเป็นวันที่ 9 หลังที่ประชนออกมาชุมนุมต่อต้านรัฐประหารในเมียนมาอย่างเป็นทางการ ที่ผ่านมามีรายงานการใช้ความรุนแรงระหว่างทหาร และประชาชน นำมาสู่การต่อสู้ และการแสดงอารยะขัดขืนของชาวเมียนมาทั่วประเทศ หลากหลายอาชีพ ทั้งนักแสดง, เจ้าหน้าที่ตำรวจ, กลุ่มเกษตรกร และอีกมากมายที่ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลทหารคืนอำนาจอธิปไตยให้แก่ประชาชนชาวเมียนมา
Hnin Zaw นักข่าวจากสำนักข่าว Reuters เปิดเผยว่า ขณะนี้ธนาคารเอกชนทุกแห่งในประเทศเมียนมาประกาศปิดทำงาน เพื่อสนับสนุนให้พนักงาน และประชาชนประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตย อีกทั้งยังมีการรณรงค์ให้ทุกวันจันทร์ เป็น ‘วัน CDM แห่งชาติ’ ให้เหล่าข้าราชการทุกคนหยุดทำงาน เพื่อต่อต้านการรับใช้รัฐบาลที่มาอย่างผิดกฎหมาย
ประชาชนในเมียนมายังคงเดินหน้าประท้วงกันต่อไป พร้อมกับนานาชาติที่ออกมาประณามการกระทำของกองทัพ สถานทูตจากสหรัฐอเมริกา แคนาดา และประเทศในยุโรปอีกกว่า 12 ประเทศเรียกร้องให้กองกำลังของเมียนมาหยุดใช้ความรุนแรงปราบปรามผู้ประท้วง พร้อมประณามการจับกุมผู้นำทางการเมืองและนักเคลื่อนไหว ตลอดจนการแทรกแซงการสื่อสารของกองทัพ กลุ่มทูตตะวันตกได้แถลงการณ์เมื่อวันที่ 14 ก.พ. ที่ผ่านมาว่า “เราขอสนับสนุนการแสวงหาประชาธิปไตย เสรีภาพ สันติภาพ และความมั่งคั่งของชาวเมียนมา” พร้อมระบุเพิ่มเติมว่า “โลกกำลังจับตาการกระทำเหล่านี้อยู่”
อ้างอิงจาก
https://twitter.com/MayWongCNA/status/1361026362127962115
https://www.france24.com/…/20210214-myanmar-military…
https://www.aljazeera.com/…/myanmar-military-deploys…
https://apnews.com/…/race-and-ethnicity-aung-san-suu…
https://www.bbc.com/news/world-asia-56062955
#Brief #TheMATTER