ความขัดแย้งระหว่างจีนและฮ่องกงเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงกันมานาน ล่าสุด รัฐบาลฮ่องกงได้เปลี่ยนเนื้อหาประวัติศาสตร์ในหนังสือเรียน เพื่อปลูกฝังให้เด็กนักเรียนซึมซับความเป็นจีน
รัฐบาลฮ่องกงออกคำสั่งให้โรงเรียนต่างๆ สอนนักเรียนชั้นประถมศึกษาเกี่ยวกับภาพประเพณีจีน รวมถึงเรียนรู้เกี่ยวกับสถานที่ที่มีชื่อเสียงในจีน เช่น พระราชวังต้องห้ามในปักกิ่ง รวมถึงกำแพงเมืองจีน เพื่อปลูกฝังให้เด็กๆ รุ่นใหม่รู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกับประเทศจีนแผ่นดินใหญ่
ที่ผ่านมา นับตั้งแต่ประเทศจีนผ่านกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติ ส่งผลให้ชาวฮ่องกงหลายๆ กลุ่มออกมาต่อต้านกฎหมายดังกล่าว นำมาสู่การจับกุมประชาชนชาวฮ่องกงจำนวนมาก ซึ่งเจ้าหน้าที่รัฐจากจีน กล่าวว่าเหตุการจลาจลดังกล่าวเป็นผลจากการศึกษาที่ส่งเสริมเสรีนิยม ซึ่งเป็นต้นเหตุที่ทำให้คนฮ่องกงก่อความรุนแรง ดังนั้น รัฐบาลฮ่องกงจึงมีการแก้ไขเนื้อหาหลายๆ ส่วน อีกทั้งบางกรณีเปลี่ยนเนื้อหาประวัติศาสตร์ใหม่
นอกจากนี้ รัฐบาลฮ่องกงสนับสนุนการสร้าง ‘พงศาวดารฮ่องกง’ (HongKong Chronicles) จำนวน 66 เล่ม ซึ่งจะบันทึกช่วงเวลาที่ฮ่องกงมีความสัมพันธ์อันดีกับจีนแผ่นดินใหญ่ แต่เหตุการณ์ส่วนที่มีความสัมพันธ์ในทางบวกกับประเทศชาติตะวันตก กลับหายไปจากหน้าประวัติศาสตร์
นอกจากการปรับเปลี่ยนบทเรียนต่างๆ แล้ว รัฐบาลยังเตรียมจะลดเวลาเรียนวิชาที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาเสรีนิยมลง ซึ่งนักการเมืองฮ่องกงที่กลุ่มสนับสนุนรัฐบาลจีน (Pro-Beijing) กล่าวว่า บทเรียนเสรีนิยมมักจะส่งเสริมให้เหล่านักเรียน และคนหนุ่มสาวต่อต้านรัฐบาลจีน ในขณะที่เจ้าหน้าที่รัฐมองว่า หลักสูตรใหม่ควรสอนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างฮ่องกงและจีน แต่ไม่ควรให้เหล่านักเรียนวิเคราะห์มากเกินไป
หลังมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าการศึกษาฉบับใหม่จำกัดเสรีภาพในการคิดของเด็กนักเรียน รัฐบาลฮ่องกงได้ออกมาปฏิเสธว่า หลักสูตรการรักษาความปลอดภัยแห่งชาติฉบับใหม่นี้ไม่ได้มีเนื้อหา ‘ล้างสมอง’ แต่อย่างใด โดยแคร์รี หลัม (Carrie Lam) ผู้บริหารเขตปกครองพิเศษฮ่องกง กล่าวว่า “การสร้างพงศาวดารฮ่องกง จะช่วยให้คนรุ่นใหม่เข้าในความสัมพันธ์ที่แยกไม่ออกระหว่างฮ่องกง และจีน”
ทันทีที่พงศาวดารฮ่องกงเล่มแรกถูกตีพิมพ์เมื่อเดือนธันวาคม ค.ศ.2020 ที่ผ่านมา กลุ่มผู้สนับสนุนประชาธิปไตยได้โจมตีว่าหนังสือเล่มนี้บิดเบือนประวัติศาสตร์หลายส่วน โดยมีการเรียกกลุ่มผู้ต่อต้านรัฐบาล ว่าเป็น ‘ผู้ก่อจลาจล’ อีกทั้งยังไม่กล่าวถึงการชุมนุมในวันที่ 1 ก.ค. 2017 ซึ่งเป็นวันที่ชาวฮ่องกงออกมาประท้วงการกลับไปอยู่ใต้การปกครองของจีน ซึ่งถือเป็นการจงใจบิดเบือนความจริงว่าประชาชนฮ่องกงยินยอมเป็นส่วนหนึ่งของจีนอย่างสันติ
อ้างอิงจาก
https://www.nytimes.com/…/hong-kong-national-security…