‘วันกองทัพเมียนมา’ เป็นวันที่ทหารเหล่าต่างๆ จะจัดพิธีสวนสนาม เพื่อแสดงแสนยานุภาพของกองทัพให้นานาประเทศได้ประจักษ์เห็น ทว่าเมื่อวันที่ 27 มีนาคมที่ผ่านมา ไม่ได้มีเพียงการสวนสนามในพิธีเท่านั้น แต่ยังมีการสวนสนามไปตามท้องถนน และสังหารผู้ร่วมชุมนุมที่ออกทวงคืนประชาธิปไตย ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตไม่ต่ำกว่า 100 คน
นอกจากเหตุการณ์นองเลือดที่เกิดขึ้น ยังมีเรื่องราวของฮัน เล (Han Lay) มินแกรนด์เมียนมา ผู้ซึ่งออกมากล่าวสุนทรพจน์ทั้งน้ำตา และการเข้าร่วมพิธีสวนสนามของตัวแทนจากประเทศต่างๆ ที่นำมาซึ่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์มากมาย รายละเอียดเหตุการณ์เหล่านี้เป็นอย่างไร The MATTER จะเล่าให้ฟัง
- วันกองทัพเมียนมา ที่จัดขึ้นในวันที่ 27 มีนาคมที่ผ่านมา ถือเป็นการเฉลิมฉลองครั้งที่ 76 ของเมียนมา ซึ่งมีการจัดขบวนสวนสนามอย่างยิ่งใหญ่ และจะมีการถ่ายทอดภาพดังกล่าวออกไปทั่วโลก ดังนั้น กองทัพจึงต้องการให้วันสำคัญ ‘เป็นไปอย่างสมบูรณ์แบบที่สุด’ จึงมีการประกาศก่อนหน้าว่า “ผู้ที่ท้าทายคำเตือนของกองทัพ และออกมาชุมนุม อาจถูกยิงที่ศีรษะ” ซึ่งนับว่าเป็นคำขู่ที่โหดร้ายอย่างมาก
- แต่ท้ายที่สุดคำเตือนของกองทัพก็ไม่สามารถหยุดยั้งพลังมวลชน ประชาชนชาวเมียนมายังออกมาประท้วงกันอย่างต่อเนื่องตามท้องถนนในเมืองย่างกุ้ง มัณฑะเลย์ และเมืองอื่นๆ ส่งผลให้ในวันดังกล่าว มีผู้ถูกสังหารมากกว่า 100 ราย (ตามข้อมูลจากสำนักข่าว Myanmar Now) โดยนักเคลื่อนไหวระบุว่า นี่เป็นวันที่ผู้คนถูกสังหารมากที่สุด นับตั้งแต่กองทัพทำรัฐประหารในวันที่ 1 กุมภาพันธ์
- แน่นอนว่าการสังหารคนจำนวนมากในวันสำคัญ ยิ่งเป็นการกระตุ้นให้นานาชาติทั่วโลกต่างออกมาประณาม และวิพากษ์วิจารณ์การกระทำของกองทัพ นักการทูตจากสหรัฐฯ เรียกเหตุการณ์นี้ว่า “ความรุนแรงอันน่าสยดสยอง” ขณะที่คณะผู้แทนสหภาพยุโรปประจำเมียนมาร์ เปิดเผยผ่านทวิตเตอร์ว่า “วันกองทัพเมียนมาครั้งที่ 76 นี้ จะถูกจดจำในฐานะวันแห่งความหวดกลัว และเสื่อมเสียเกียรติยศ”
- นอกจากนี้ โดมินิก แรบ (Dominic Raab) รัฐมนตรีต่างประเทศของอังกฤษ ยังกล่าวว่า การปราบปราบผู้ชุมนุมด้วยความรุนแรงที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้ และสหราชอาณาจักรจะพยายามหาทางเพื่อให้เมียนมากลับสู่ประชาธิปไตยโดยเร็ว ส่วนสำนักงานคณะกรรมาธิการระดับสูงด้านสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติ ก็ออกมาเปิดเผยว่า ได้รับรายงานเกี่ยวกับการสังหารอันโหดร้ายจากเมียนมา ซึ่งความรุนแรงเหล่านี้เป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และเป็นความผิดของผู้นำ
- อีกหนึ่งประเด็นที่หลายฝ่ายสนใจคือ 8 ประเทศที่ส่งผู้แทนเข้าร่วมพิธีสวนสนามดังกล่าว ซึ่งประกอบด้วย รัสเซีย, จีน, อินเดีย, ปากีสถาน, บังกลาเทศ, เวียดนาม, ลาว รวมถึงไทย ซึ่งในระหว่างพิธี มิน อ่อง หล่าย ผู้นำการก่อรัฐประหาร ได้กล่าวยกย่องรัสเซีย ในฐานะ ‘มิตรแท้’ ของเมียนมา เนื่องจากรัสเซียเป็นประเทศเดียวที่ส่งรัฐมนตรีช่วยกลาโหมเข้าร่วมพิธี พร้อมกล่าวถึงการชุนนุมของประชาชนว่า การต่อต้านด้วยวิธีรุนแรงส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพ และความมั่นคงของประเทศ ซึ่งถือเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม และเสริมว่า “กองทัพจะแสวงหาความร่วมมือกับประชาชนทั้งประเทศเพื่อปกป้องประชาธิปไตยต่อไป”
- เหตุการณ์นองเลือดเมื่อวันที่ 27 มีนาคมที่ผ่านมา ส่งผลให้ขณะนี้มีรายงานว่า นับตั้งแต่เกิดการรัฐประหาร มีผู้เสียชีวิตจากการถูกสังหารมากกว่า 400 คน และมากกว่า 3,000 คนถูกจับกุม ซึ่งถือเป็นการริดรอนสิทธิพลเมืองครั้งใหญ่ และสร้างความสะเทือนใจไปทั่วโลก
- ฮัน เล (Han Lay) มิสแกรนด์เมียนมา กล่าวสุนทรพจน์ถึงความสูญเสียที่เกิดขึ้นในเมียนมา บนเวที Miss Grand International 2020 โดยเธอเรียกร้องให้นานาประเทศให้ความสนใจกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนในประเทศเมียนมา จากการถูกกองทัพครอบงำ “วันนี้ ในขณะที่ฉันกำลังพูดอยู่นี้ มีคนอีกจำนวนมากที่กำลังเสียชีวิต และวันนี้วันเดียว มีคนเสียชีวิตเป็นร้อย ฉันเสียใจเป็นอย่างมากต่อคนที่จากไปเนื่องจากเหตุการณ์เหล่านี้” ฮัน เลกล่าวพร้อมเปิดเผยว่า เธอพร้อมยอมรับต่อผลที่ตามมา แม้ว่านั่นจะหมายถึงการไม่สามารถกลับประเทศได้ก็ตาม
- คำพูดของเธอ กลายเป็นไวรัลที่ถูกส่งต่อไปอย่างรวดเร็วบนโลกออนไลน์ เพราะผู้คนต่างรู้กันดีว่าผลกระทบที่เกิดขึ้นในเมียนมาร์ร้ายแรงเพียงใด ทั้งในแง่ชีวิต สังคม และเศรษฐกิจ โดยเฉพาะเมื่อต้องรับมือกับการระบาดของ COVID-19 ไปพร้อมๆ กับจราจลใประเทศ ส่งผลให้ธุรกิจ และกิจการต่างๆ ทั้งภาครัฐ และเอกชนหยุดชะงัก
- ธนาคารโลกได้วิเคราะห์ปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ก่อนออกมาเตือนว่า เมียนมากำลังเผชิญหน้ากับการตกต่ำของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) อย่างหนัก ซึ่งอาจจะมากถึง 10% ในปี 2564 และทั้งยังต้องเตรียมรับมือกับการคว่ำบาตรจากประเทศมหาอำนาจในอนาคตด้วยหากสถานการณ์ยังคงยืดเยื้อต่อไป
อ้างอิงจาก
https://www.aljazeera.com/…/myanmar-coup-leaders-put-on…
https://www.theguardian.com/…/myanmar-military-killing…
https://www.bbc.com/news/world-asia-56547381
https://edition.cnn.com/…/myanmar-protests…/index.html