วันนี้ (1 พฤษภาคม) นับเป็นวันแรกของการยกระดับมาตรการป้องกัน COVID-19 หลังจากที่ ศบค.มีมติให้ 6 จังหวัดสีแดงเข้ม งดการบริโภคอาหาร เครื่องดื่ม สุราและเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ในร้าน และให้จำหน่ายอาหาร และเครื่องดื่มที่ร้าน ให้นำกลับไปบริโภคที่อื่นเท่านั้น ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ มากมาย
.
เจ้าของร้านอาหาร Folks & Flour Homemade French Bakery หนึ่งในผู้ที่ได้รับผลกระทบจากมารตรการดังกล่าว โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า การระบาดระลอกนี้ ทำให้เขาไม่เหลืออะไรแล้ว โดยเมื่อปีก่อน เขาก็ต้องปิดร้านอาหารแห่งหนึ่งไป เพราะสถานการณ์ของ COVID-19 เช่นกัน
.
หลังจากนั้น เขาก็เปิดร้านใหม่ขึ้นมา โดยวางแนวทางที่แตกต่างจากร้านเดิม และต้องทำงานอย่างหนัก เพื่อให้ร้านใหม่นี้ประสบความสำเร็จ โดยตอนนี้ แม้จะเป็นเวลาเพียง 6 เดือน แต่เขาก็ระบุว่า ร้านของเขามีลูกค้าประจำเยอะมาก จนเป็นเหมือนชุมชนเล็กๆ ที่เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไปแล้ว
.
“ระบาดระลอกแรก ผมผ่านไปได้ด้วยการขาย ซอส xo ระบาดระลอกสอง ผมก็ผ่านมันมาได้ ด้วยการทุ่มพลังมาที่ร้าน Folks and Flour ระบาดรอบนี้ ผมก็ไม่เหลืออะไรแล้ว หมดมุก คิดไม่ออกว่าจะแก้เกมยังไง มันเหนื่อยมันท้อไปหมด ทุกๆ วิกฤตผมคิดว่า มันจะทำให้ผมจะเข้มแข็งขึ้น มีภูมิต้านทานมากขึ้น แต่จริงๆ ไม่เลย จะอีกกี่รอบ ผมก็ทำใจเห็นธุรกิจที่ทำมากับมือพังพินาศไปต่อหน้าต่อตาไม่ได้”
.
The MATTER ได้พูดคุยกับเจ้าของร้านอาหารดังกล่าว โดยเขาเล่าว่า สถานการณ์ในตอนนี้ แตกต่างจากปีที่แล้วมาก เพราะปีก่อนเขายังมีเงินทุนสำรองให้เริ่มธุรกิจใหม่ได้ แต่ปีนี้ไม่มีเงินสดเหลือแล้ว และแผนการตลาดออนไลน์ปีที่แล้ว ก็ยังไปได้สวยมาก ขายอาหารให้คนทำกับข้าวกินกันเอง แต่ปีนี้เงียบมาก เพราะคนไม่ตื่นตัวแล้ว
.
“อยากถามถึงภาครัฐว่า ที่ร้านอาหารทุกร้านทำอยู่นี้ ยังไม่ดีพอใช่ไหม ตลอดปีที่ผ่านมาเรามีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นตามมาตรการของรัฐมากมาก ภาษีทุกแบบรัฐก็ยังเก็บ แต่เมื่อใดที่รับแก้ปัญหาไม่ได้ก็มาลงที่ร้านอาหาร มันผิดที่พวกผมอีกแล้วใช่ไหม เหมือนที่ผ่านมาพวกเราร้านอาหารยังสู้ไม่พอใช่ไหม ผมแค่ขายครัวซองต์ ไม่ได้เปิดผับ ไม่ได้เปิดบ่อน ไม่ได้เปิดสนามมวย ไม่ได้นำเข้าแรงงานเถื่อน”
.
เขายังกล่าวด้วยว่า สิ่งที่อยากให้ภาครัฐช่วยเหลือผู้ประกอบการ คือช่วยพยุงเงินเดือนพนักงาน หรือจะผ่อนผัน ภาษีป้ายของร้านอาหารที่ต้องปิดตัวไป ก็คงจะดีไม่น้อย
.
เมื่อถามว่า คิดว่าจะพยุงธุรกิจไว้ได้อีกนานเท่าไหร่ เขาตอบกลับมาว่า ถ้าเอากำไรขาดทุนเป็นตัววัด มันผ่านจุดที่เรียกว่าพยุงมานานแล้ว ที่เปิดอยู่ ก็เพราะไม่มีที่ให้ถอยแล้ว ที่ผ่านมาก็เปิดแล้วปิดไปหลายรอบ จนเห็นได้เลยว่า รอบนี้ถ้าต้องปิด ก็ไม่มีใครอยากกลับมาเปิดแล้ว
.
“หนึ่งปีที่ผ่านมา ร้านอาหารสูญเสียมามากพอแล้ว หนึ่งปีที่ผ่านมาผมคิดว่า คนทำร้านอาหารเสียสละมามากพอแล้ว อย่าให้ผมต้องปิดร้านนี้ไปอีกร้าน เพราะโควิดเลย”
.
.
อ้างอิงจาก
https://www.facebook.com/photo/?fbid=10159137383388864&set=a.489100378863
https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/935545
#Brief #TheMATTER