เป็นเวลามากกว่า 1 ปีที่โลกของเรารู้จักไวรัสระบาด COVID-19 ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา ไวรัสตัวนี้ก็มีการกลายพันธุ์ไปหลายต่อหลายครั้ง ทำให้เหล่าผู้ผลิตวัคซีนเองต้องเร่งพัฒนาวัคซีนป้องกัน เพื่อให้มีประสิทธิภาพเท่าทันความสามารถของไวรัสที่เพิ่มมากขึ้น
บริษัท BioNTech ผู้ผลิตวัคซีนไฟเซอร์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ บริษัทกำลังเร่งดำเนินการเพื่อขออนุมัติวัคซีน COVID-19 ตัวใหม่ ที่สามารถเก็บรักษาได้ง่ายขึ้น โดยสามารถเก็บไว้ในตู้เก็บความเย็นที่มีอุณหภูมิ 2-8 องศาเซลเซียสได้นานถึง 6 เดือน
อูกูร์ ซาฮิน ประธานบริหารของ BioNTech เปิดเผยกับคณะกรรมการการประชุม Financial Times ว่า ที่ผ่านมาบริษัทมีวัคซีนที่ต้องเก็บในความเย็นถึง -80 องศา แต่ขณะนี้ได้มีการพัฒนาวัคซีนตัวใหม่ที่สามารถจัดเก็บในอุณหภูมิเพียง 2-8 องศา นอกจากนี้ ซาฮินยังกล่าวอีกว่า ขณะนี้ทางบริษัทกำลังจัดเตรียมข้อมูลเพื่อยื่นขออนุมัติกับหน่วยกำกับดูแล
อย่างที่รู้กันว่าวัคซีนไฟเซอร์ เป็นวัคซีนประเภท mRNA ซึ่งถือเป็นวัคซีนที่เก็บรักษายากที่สุดในบรรดาวัคซีนทั้งหมด เพราะสลายตัวได้ง่าย ต้องจัดเก็บในอุณหภูมิติดลบ 60-80 องศา ซึ่งส่งผลให้การกระจายวัคซีนมีความยากลำบาก และต้องใช้ทรัพยากรเยอะขึ้น เป็นอุปสรรคต่อการส่งวัคซีนไปยังพื้นที่ห่างไกล ที่ไม่มีตู้เก็บความเย็นเพียงพอ
แน่นอนว่าวัคซีนที่เก็บรักษาได้ง่ายขึ้น น่าจะเป็นความหวังใหม่ของผู้นำหลายๆ ประเทศที่ต้องการจัดหาวัคซีนให้กับประชาชนของตัวเอง เพราะที่ผ่านมา บริษัท BioNTech ก็ได้รับความไว้วางใจจากรัฐบาลประเทศต่างๆ ในการจัดหาวัคซีนไฟเซอร์มาใช้เพื่อควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19
ซึ่งอีกหนึ่งข่าวที่น่าสนใจ และน่าจะทำให้ระดับความเชื่อมั่นวัคซีนชนิดนี้พุ่งขึ้นไปอีก คือล่าสุด คณะกรรมการอาหารและยาของสหรัฐ หรือ FDA เตรียมอนุมัติการใช้วัคซีนไฟเซอร์ให้กับเด็กอายุระหว่าง 12-15 ปี ซึ่งเป็นกลุ่มเปราะบาง เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเปิดภาคการศึกษาใหม่ หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีการทดสอบแล้วว่า เด็กที่อยู่ในช่วงวัยดังกล่าวมีผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ไม่ต่างจากผู้ใหญ่ และผลข้างเคียงก็ไม่ถือว่ามีความรุนแรงแต่อย่างใด มีเพียงอาหารปวดเมื่อย และมีไข้เล็กน้อย
อ้างอิงจาก
https://www.reuters.com/…/biontech-nearing-request-for…
https://abc7news.com/pfizer-kids-vaccine…/10576804/
https://www.ctvnews.ca/…/what-is-the-difference-between…