ที่ผ่านมา มีหลายประเทศที่ประกาศยุติการใช้วัคซีนบางยี่ห้อกลางคัน ส่งผลให้ผู้ฉีดวัคซีนบางรายต้องเปลี่ยนไปใช้วัคซีนยี่ห้ออื่นในเข็มที่ 2 แต่ดูเหมือนต่อไปนี้หลายๆ ประเทศอาจต้องพิจารณาการใช้วัคซีนในแนวทางนั้นใหม่ หลังผลการศึกษาของสหราชอาณาจักร ระบุว่าการใช้วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า ร่วมกับวัคซีนไฟเซอร์ ทำให้พบผลข้างเคียงบ่อยขึ้น
สหราชอาณาจักรได้ทำการศึกษา Com-COV ซึ่งมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดได้ตรวจสอบการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันของผู้เข้าร่วมทดลองรับวัคซีน 2 ยี่ห้อ ได้แก่วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า และวัคซีนไฟเซอร์ โดยจะแบ่งอาสาสมัครเป็น 4 กลุ่มใหญ่ๆ ได้แก่ กลุ่มที่ฉีดไฟเซอร์เป็นเข็มแรก กลุ่มที่ฉีดแอสตร้าเซนเนก้าเป็นเข็มแรก กลุ่มที่ฉีดไฟเซอร์ท้ัง 2 เข็ม และกลุ่มที่ฉีดแอสตร้าเซนเนก้าทั้ง 2 เข็ม
การทดสอบครั้งแรก มีอาสาสมัครเข้าร่วม 463 คน เป็นคนอายุระหว่าง 50-59 ปี โดยเข้าร่วมฉีดวัคซีนทั้ง 2 เข็ม ซึ่งมีระยะเวลาห่างกัน 4 สัปดาห์ หลังการทดสอบพบว่า กลุ่มที่ฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าเป็นเข็มแรกมีอัตราการเกิดผลข้างเคียง 34% ส่วนกลุ่มที่ฉีดไฟเซอร์เข็มแรกตัวเลขคือ 41% ขณะที่กลุ่มที่ฉีดวัคซีนแอสร้าเซเนก้าทั้ง 2 เข็มมีอัตราผลข้างเคียงอยู่ที่ 10% และกลุ่มที่ฉีดไฟเซอร์ทั้ง 2 เข็ม 21%
สรุปภาพรวมผลการทดสอบ พบว่าการฉีดวัคซีนแบบผสมทำให้อัตราการพบผลข้างเคียงเพิ่มมากขึ้น โดยระดับความรุนแรงของอาการมีตั้งแต่เล็กน้อย ถึงปานกลาง อาทิ หนาวสั่น อ่อนเพลีย มีไข้ ปวดศีรษะ ปวดข้อ ไม่สบาย ปวดกล้ามเนื้อ และปวดบริเวณที่ฉีด แต่ส่วนใหญ่อาการเหล่านี้จะหายไปเองในเวลาไม่นาน
แมทธิว สเนป (Matthew Snape) รองศาสตราจารย์ด้านกุมารเวชศาสตร์และวัคซีนแห่งมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดและหัวหน้าทีมวิจัย ระบุว่า อาการข้างเคียงเหล่านี้เป็นปฏิกิริยาที่เราคาดหวังจากวัคซีน และเป็นปฏิกิริยาในรูปแบบเดียวกับที่พบเจอได้ทั่วไป มันไม่รุนแรง เพียงแต่มันมีอัตราการเกิดบ่อยกว่าเท่านั้น
สเนปกล่าวต่อว่า “การทดลองนี้ไม่สามารถบอกเราได้ว่า การใช้วัคซีนในรูปแบบผสมกันตอบสนองต่อระบบภูมิคุ้มกันของผู้ฉีดดีขึ้นหรือไม่ แต่ในอีกไม่กี่สัปดาห์หลังจากนี้ จะมีการศึกษาเรื่องนี้อย่างจริงจัง”
ทั้งนี้ เขาย้ำเพิ่มเติมว่า การทดสอบที่เกิดขึ้นเป็นการทดสอบในกลุ่มคนที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป ดังนั้นจึงยังไม่ทราบผลกระทบที่แน่ชัดต่อคนอายุน้อย แต่สเนประบุว่า มันเป็นไปได้ที่ปฏิกิริยาการเกิดผลข้างเคียงเช่นนี้จะเกิดกับคนอายุน้อยมากกว่าผู้สูงอายุ
นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการศึกษาการใช้วัคซีนแบบผสมผสาน ซึ่งหลังจากนี้จะมีการทดสอบเชิงเดียวกันในวัคซีนโมเดอร์นา และโนวาแวกซ์ เพื่อหาข้อมูลที่แน่ชัดเกี่ยวกับการใช้งาน เนื่องจากหลายประเทศอนุมัติให้ประชาชนใช้วัคซีนคนละยี่ห้อได้ ไม่ว่าจะมาจากปัญหาขาดแคลนวัคซีน หรือความเชื่อมั่นใจการใช้งาน
อ้างอิงจาก
https://www.theguardian.com/…/more-frequent-side…
https://www.cnbc.com/…/covid-study-finds-mixing…
https://www.bmj.com/content/373/bmj.n1216