จากกรณีที่อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยก่อนหน้านี้ว่าจะเปิดจุดฉีดวัคซีนแบบ walk in ตามจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ ส่งผลให้ประชาชนหลายคนเข้าไปติดต่อตามหน่วยสาธารณสุขเพื่อขอรับวัคซีนผ่านระบบดังกล่าว แต่สุดท้ายไม่ได้รับวัคซีน ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์เป็นวงกว้าง
ล่าสุด อนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ออกมาชี้แจงถึงประเด็นการฉีดวัคซีนแบบ walk in รวมถึงการปรับเปลี่ยนแผนกระจายวัคซีน เพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิดในสังคม โดยรายละเอียดแผนฉีดวัคซีนมีดังนี้
- การลงทะเบียนผ่านระบบหมอพร้อม จะเปิดให้ประชาชนทั่วไปที่อายุต่ำกว่า 60 ปี ลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันที่ 31 พฤษภาคม โดยสามารถจองวัน เวลา และสถานที่รับวัคซีนได้เอง ซึ่งช่องทางหมอพร้อมจะเป็นช่องทางหลักในการกระจายวัคซีน ส่วนช่องทางอื่นๆ เป็นช่องทางเสริม
- กรณีการตั้งจุดฉีดแบบ walk in ที่ประชุมลงความเห็นให้เปลี่ยนเป็นการลงทะเบียน ณ จุดบริการ หรือ on-site registratio เพื่อไม่ให้ประชาชนเกิดความสับสน เนื่องจากการใช้คำว่า walk in ประชาชนอาจจะเข้าใจว่ามารับวัคซีนเมื่อไหร่ก็ได้ ซึ่งทำให้เกิดปัญหาตามมาในภายหลัง จึงให้เปลี่ยนมาเป็นการลงทะเบียนรับวัคซีนแบบ on-site ซึ่งจะมีระบบรองรับ และแจ้งประชาชนที่เดินทางไปจุดฉีดวัคซีนว่า วัคซีนมีเพียงพอสำหรับให้บริการในวันนั้นหรือไม่
หากเพียงพอ ประชาชนสามารถเข้ารับวัคซีนได้เลย แต่ในกรณีที่ไม่เพียงพอ ผู้ที่ต้องการฉีดสามารถลงทะเบียนเพื่อนัดวันฉีดใหม่ได้ ป้องกันปัญหาประชาชนมานั่งรอเป็นเวลานาน
อนุชา ระบุเพิ่มเติมว่า ที่ผ่านมารัฐบาลมีแผนเปิดจุดฉีดวัคซีนแบบ walk in เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงวัคซีนได้อย่างสะดวก แต่เนื่องจากสถานการณ์การระบาดรุนแรงมากขึ้น ปัจจุบันยังพบการระบาดในหลายคลัสเตอร์ จึงจำใจต้องปรับแผนเพื่อให้ทันกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป
3) การฉีดวัคซีนให้กับกลุ่มเฉพาะ จะเน้นจัดสรรไปยังผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง กลุ่มที่มีความจำเป็นพิเศษ หรือกลุ่มที่มีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจและการดำเนินชีวิต เช่น บุคลากรทางการแพทย์ ตำรวจ ทหาร ข้าราชการ ครู ผู้ขับขี่ขนส่งสาธารณะ เป็นต้น กลุ่มเหล่านี้สามารถติดต่อจองคิวรับวัคซีนได้ที่สถานพยาบาลโดยตรง
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยเพิ่มเติมว่า รัฐบาลมีเป้าหมายฉีดวัคซีนให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ ได้ให้อย่างน้อย 5 ล้านคน หรือ 70% ของประชากรภายในเดือนกรกฎาคม เพื่อให้เกิดการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ และจะเร่งฉีดวัคซีนให้ประชาชนทั่วประเทศ 50 ล้านคนให้ได้ภายในปี พ.ศ.2564 นี้
อ้างอิงจาก
https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/939071
https://www.thairath.co.th/news/politic/2096667
https://www.thaigov.go.th/infographic/contents/details/3404