เมื่อไม่กี่วันก่อน อิตาลีเพิ่งประกาศหยุดการฉีด AstraZeneca ในผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 60 ปี เนื่องจากมีหญิงวัย 18 ปี เสียชีวิตจากอาการลิ่มเลือด แต่ล่าสุด สำนักงานยาแห่งยุโรป (EMA) ได้ออกมากล่าวว่า วัคซีน AstraZeneca ให้ผลลัพธ์ที่คุ้มค่าในการเสี่ยงฉีดมากกว่า
ลา สแตมปา (La Stampa) หนังสือพิมพ์ของอิตาลี ได้ตีพิมพ์คำกล่าวของ มาร์โค กาวาเลรี (Marco Cavaleri) หัวหน้าคณะทำงานแห่งสำนักงานยาแห่งยุโรปว่า อิตาลีควรเลี่ยงการฉีด AstraZeneca ในผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 60 ปี เพราะอาจทำให้เกิดลิ่มเลือดในผู้มีอายุน้อยได้
“โชคร้ายที่คำพูดของผม ถูกตีความไปอย่างไม่ถูกต้องเท่าไหร่ ในการให้สัมภาษณ์กับ ลา สแตมปา เมื่อครั้งก่อน” กาวาเลรีกล่าวกับ Reuters ก่อนที่เขาจะยืนยันว่า AstraZeneca “ยังคงให้ผลลัพธ์ที่ดีและคุ้มเสี่ยง ในการฉีดให้แก่ประชากรทุกกลุ่มอายุ โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไป”
รัฐบาลอิตาลีตัดสินใจหยุดการฉีด AstraZeneca ให้แก่ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 60 ปี ไปเมื่อวันศุกร์ก่อน (11 มิถุนายน) จากการที่มีหญิงวัย 18 ปี เสียชีวิตจากอาการลิ่มเลือด หลังการฉีด AstraZeneca ในช่วงปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา
ถึงแม้ว่าสำนักงานยาแห่งยุโรป จะออกมายืนยันว่า AstraZeneca ให้ผลลัพธ์ที่ดีคุ้มเสี่ยง หลังการฉีดก็ตาม แต่ในบางประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป ตัดสินใจหยุดการฉีดมันให้ประชากรที่มีอายุน้อยแล้ว ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ในเกณฑ์อายุต่ำกว่า 50-65 ปี แล้วแต่ประเทศ โดยการพิจารณาระงับการฉีด เกิดขึ้นจากสาเหตุของอาการลิ่มเลือดหายาก
ในประเทศไทยได้มีการเลือกใช้ AstraZeneca เป็นหลัก รวมถึงการฉีดวัคซีนจาก Sinovac ด้วยเช่นกัน เนื่องจากไทยมีโรงงานผลิต AstraZeneca ในประเทศ ผ่านบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ ซึ่งตัววัคซีนเอง ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยา (อย.) ว่ามีคุณภาพปลอดภัย ตั้งแต่ช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา
ทั้งนี้ กลับเกิดการตั้งคำถาม ถึงการผลิตวัคซีนของ AstraZeneca ว่า จะมีเพียงพอใช้ฉีดให้แก่ประชาชนหรือไม่ และรัฐบาลมีนโยบายการจัดสรรวัคซีนอย่างไร เนื่องจากหลายโรงพยาบาลออกมาประกาศว่าไม่สามารถฉีดวัคซีนได้ตามกำหนดการจองจากหมอพร้อม เพราะไม่ได้รับการจัดสรรวัคซีน โดยประชาชนคงต้องรอคอยความชัดเจนจากรัฐบาลต่อไป
อ้างอิงจาก
https://www.matichon.co.th/covid19/news_2688394
#Brief #TheMATTER