วัคซีนยังมาไม่มาก แต่ COVID-19 มาเกือบครบแล้วทุกสายพันธุ์ ล่าสุด เกิดการระบาดคลัสเตอร์ใหม่ที่จังหวัดยะลา พบผู้ติดเชื้อมากกว่า 500 คน กระจายไปหลายจังหวัด และที่น่ากังวลคือ ในคลัสเตอร์ดังกล่าวพบการแพร่เชื้อของ COVID-19 ทั้งสายพันธุ์อังกฤษ และแอฟริกาใต้ ระบาดร่วมกัน
สำหรับการระบาดของคลัสเตอร์ยะละ หรือ ‘คลัสเตอร์มัรกัสยะลา’ มีรายงานว่าจุดเริ่มของการระบาดมาจากมัรกัสยะลา ซึ่งเป็นศูนย์กลางของกลุ่มดะวะห์ อธิบายคร่าวๆ ก่อนว่ากลุ่มดังกล่าวจะทำหน้าที่เผยแพร่ศาสนา โดยการเดินทางไปจุดต่างๆ เพื่อชักชวนให้พี่น้องชาวมุสลิมปฏิบัติดี และงดเว้นการทำชั่ว
มัรกัสยะลา ถือเป็นศูนย์รวมกลุ่มดะวะห์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ ตั้งอยู่ในจุดที่แพร่ระบาดได้ง่าย เนื่องจากอยู่ติดกับพื้นที่ชุมชนและโรงเรียนสอนอัลกุรอาน ซึ่งมีนักเรียนประมาณ 500 คน ที่มาจากหลากหลายจังหวัด
ตามข้อมูลจาก ศบค. ระบุว่า ชุมชนดังกล่าวมีประชากรประมาณ 3,000-4,000 คน ประกอบกับลักษณะของการทำกิจกรรมทางศาสนาเป็นการรวมกลุ่มคนจำนวนมาก และมีบางส่วนไม่ใส่หน้ากากอนามัย รวมถึงรับประทานอาหารผ่านถาดอาหาร หรือแก้วน้ำร่วมกัน ทำให้เกิดการระบาดได้ง่าย
ซึ่งหลังจากที่เริ่มพบการระบาดในรอบแรก จังหวัดยะลาได้มีการสั่งปิดศูนย์มัรกัสยะลา และมีการปล่อยนักเรียนกลับบ้าน และนี่เองที่กลายมาเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ COVID-19 คลัสเตอร์นี้แพร่กระจายออกนอกพื้นที่ยะลา และลุกลามไปจังหวัดอื่นๆ
โดยหลังจากที่ตรวจพบว่ามีการระบาดในวงกว้าง จังหวัดยะลาได้มีการปูพรมตรวจหาผู้ติดเชื้อในพื้นที่ ก่อนทาง ศบค. จะออกมาแถลงเมื่อวานนี้ (21 มิถุนายน) ว่า พบผู้ติดเชื้อ COVID-19 ที่เชื่อมโยงกับคลัสเตอร์มัรกัสยะลาสูงถึง 402 คน ใน 12 จังหวัด ได้แก่ นราธิวาส, ยะลา, สตูล, ปัตตานี, สงขลา, กระบี่, พัทลุง, นครศรีธรรมราช, สุราษฎร์ธานี, พังงา, ตรัง และภูเก็ต ขณะที่วันนี้ พบผู้ติดเชื้อเพิ่มอีก 102 คน เท่ากับว่า มีผู้ป่วยยืนยันจากคลัสเตอร์นี้มากกว่า 500 คน
ทั้งนี้ จังหวัดที่ปรากฎในรายชื่อเป็นเพียงการตรวจครั้งแรก ซึ่งหลังจากนี้ต้องมาติดตามต่อว่า คลัสเตอร์มัรกัสยะลาจะทำให้เกิดการกระจายในวงที่ 2 และ 3 ไปอีกไกลแค่ไหน แต่หนึ่งจุดที่น่ากังวลอย่างมากคือ พบการระบาดของคลัสเตอร์มัรกัสยะลา ในจังหวัดภูเก็ต ที่มีกำหนดจะเปิดรับนักท่องเที่ยวผ่านแผน “ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์” (Phuket Sandbox) ในวันที่ 1 กรกฎาคมนี้ ทำให้หลายคนกังวลใจว่าจะต้องยุติแผนดังกล่าวหรือไม่
อย่างไรก็ตาม ล่าสุด ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการ ศูนย์บริหารสถานการณ์ COVID-19 (ศปก.ศบค.) ระบุว่า ที่ประชุมยังไม่มีแผนจะทบทวนการเปิดภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ดังนั้น หลังจากนี้จะต้องจับตามองกันต่อว่าสถานการณ์ในภูเก็ต รวมถึงจังหวัดอื่นๆ จะเป็นอย่างไร และภาครัฐจะมีวิธีรับมือเช่นไรหากเกิดการระบาดในวงกว้างขึ้น
สำหรับ COVID-19 สายพันธุ์ที่ระบาดในคลัสเตอร์นี้ อย่างที่กล่าวไปข้างต้นมาเป็นการระบาดร่วมกันระหว่างสายพันธุ์อังกฤษ และสายพันธุ์แอฟริกาใต้ ซึ่งเป็น 2 สายพันธุ์ที่ค่อนข้างกระจายเชื้อได้เร็ว และดื้อต่อวัคซีน ดังนั้น สิ่งที่จำเป็นต่อการคุมการระบาดในคลัสเตอร์นี้ จึงไม่ใช่เพียงแค่การปูพรมหาผู้ป่วย เพื่อนำตัวมารักษา แต่ต้องทำควบคู่ไปกับการกระจายวัคซีน ‘ที่มีคุณภาพ’ และ ‘ครอบคลุม’ ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงทั้งหมดให้เร็วที่สุด เพื่อให้คลัสเตอร์ดังกล่าวสงบลง ก่อนจะเกิดความเสียหายไปมากกว่านี้
สำหรับคนที่อยากรู้รายละเอียดเกี่ยวกับ COVID-19 สายพันธุ์อังกฤษ และแอฟริกาใต้ สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่
สายพันธุ์อังกฤษ : https://thematter.co/brief/140166/140166
สายพันธุ์แอฟริกาใต้ : https://thematter.co/brief/143968/143968
อ้างอิงจาก
https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/944712
https://www.thairath.co.th/news/politic/2121482
https://www.bbc.com/thai/thailand-57550356
https://www.isranews.org/…/south-slide/87312-islam.html
https://www.dailynews.co.th/politics/851513