เมื่อการเรียนออนไลน์ไม่ใช่คำตอบ เหล่านักสู้ในคราบนักเรียนจึงออกมาเรียกร้องสิทธิที่พวกเขาควรจะได้รับ กลุ่มนักเรียนเลวทำแคมเปญ #ไม่เรียนออนไลน์แล้วอิสัส นัดหยุดเรียนออนไลน์ทั่วประเทศ พร้อมเสนอ 5 ข้อเรียกร้อง วัคซีนที่ทั่วถึง การเยียวยาที่ครอบคลุม และการช่วยเหลือที่ทันท่วงที
ขึ้นเทรนด์การมาตั้งแต่เช้าสำหรับแฮชแท็ก #ไม่เรียนแล้วอิสัส แคมเปญชวนหยุดเรียนทั่วประเทศของเหล่านักเรียนเลว ที่ออกมาตอบโต้ความล้มเหลวจากการเรียนออนไลน์ที่พวกเขาได้รับ
โดยกลุ่มนักเรียนเลวได้จัดทำเว็บไซต์ ‘เช็กชื่อขาดเรียน’ เพื่อให้เด็กนักเรียนที่ต้องการเข้าร่วมแคมเปญมาลงชื่อ ซึ่งจนถึงขณะนี้ (15.20 น.) มีเด็กๆ มาลงชื่อแล้วมากกว่า 3,000 คน และโรงเรียนที่มาแรงเป็นอันดับ 1 ได้แก่ โรงเรียนเซนต์โยเซฟทิพวัล ตามมาด้วยโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา
สำหรับ 5 ข้อเรียกร้องที่ผลักดันให้กลุ่มนักเรียนเลวออกมาเคลื่อนไหวในวันนี้คือ
1.รัฐบาลต้องนำวัคซีนที่มีประสิทธิภาพสูงมาฉีดให้นักเรียน นักศึกษา บุคลากรทางการศึกษา ไปจนถึงประชาชนทั่วไป
- กระทรวงศึกษาธิการต้องออกคำสั่งปรับลดตัวชี้วัด ชั่วโมงการเรียน ภาระงานของครูและนักเรียนให้ชัดเจน
- กระทรวงศึกษาธิการต้องจัดให้มีโปรแกรมเยียวยาจิตใจนักเรียนจากการเรียนออนไลน์ รวมถึงเปิดช่องทางในการรายงานปัญหาต่างๆ
- หากสถานศึกษายังไม่สามารถเปิดได้ตามปกติ กระทรวงศึกษาธิการต้องหาอุปกรณ์การเรียนออนไลน์ กระจายสัญญาณอินเทอร์เน็ต และเยียวยาค่าใช้จ่ายตามความเป็นจริง
- กระทรวงศึกษาธิการต้องเร่งทำให้การศึกษาไม่มีค่าใช้จ่ายแอบแฝง โดยอาจลดหย่อนค่าธรรมเนียมการศึกษา ฯลฯ เพื่อป้องกันไม่ให้มีนักเรียนหลุดออกจากระบบการศึกษาไปมากกว่านี้
The MATTER ได้ติดต่อไปยังธัญชนก คชพัชรินทร์ หรือแบม สมาชิกกลุ่มนักเรียนเลว เพื่อพูดคุยถึงที่มา ปัญหา และปัจจัยต่างๆ ที่นำมาสู่การทำแคมเปญชวนหยุดเรียนทั่วประเทศ
ธัญชนกเล่าว่า ที่ผ่านมาเราเห็นปัญหาการจัดการของรัฐบาลและกระทรวงศึกษาธิการมาโดยตลอด และคิดว่ามันถึงเวลาที่เราต้องออกมาเคลื่อนไหวอะไรบางอย่าง แต่เนื่องด้วยเงื่อนไขทางสังคมตอนนี้ที่มีปัญหาทางเศรษฐกิจ การระบาดของ COVID-19 การจัดกิจกรรมชุมนุมต่างๆ อาจไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม จึงคิดค้นแคมเปญนี้ขึ้นมา
“การเรียนออนไลน์ไม่ได้พร้อมสำหรับทุกคน” ธัญชนกบอกอีกว่า ที่ผ่านมาเธอได้เห็นคนออกมาบ่นทางทวิตเตอร์ หรือฟีดแบ็คจากคนใกล้ตัวถึงปัญหาการเรียนออนไลน์ ทุกคนพูดทำนองเดียวกันว่ามันเรียนไม่รู้เรื่อง ไม่ว่าจะด้วยปัญหาสภาพแวดล้อม หรือภาระงานที่เยอะมาก ทำให้ได้ความรู้ไม่เต็มที่
ธัญชนกมองว่าปัญหาเหล่านี้คงไม่เกิดขึ้น หรืออาจจะเกิดขึ้นและไม่ยืดเยื้อมาขนาดนี้ หากรัฐบาลและกระทรวงศึกษาธิการนำเข้าวัคซีนที่มีประสิทธิภาพมาฉีดให้กับประชาชน เธอเล่าว่าที่ผ่านมาไม่ใช่ว่านักเรียนคนอื่นๆ หรือกลุ่มนักเรียนเลวไม่พยายามปรับตัวกับการเรียนออนไลน์ “พวกเราเคยมาระดมความคิดกันว่าเรียนออนไลน์แบบไหนถึงจะดี แต่สุดท้ายมันไม่มีคำตอบ เพราะเราไม่ต้องการเรียนออนไลน์ เราต้องการเรียนออนไซต์ ซึ่งจะทำแบบนั้นได้ต้องมีวัคซีน”
‘วัคซีน’ คือข้อเรียกร้องแรกที่กลุ่มนักเรียนเลวนึกถึง แต่หากทำไม่ได้กลุ่มนักเรียนเลวก็ยื่นข้อเสนออื่นๆ ให้กับรัฐบาล เพื่อให้การเรียนออนไลน์มีประสิทธิภาพมากกว่านี้ ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบของการเยียวยาเรื่องจิตใจ หรือเรื่องค่าใช้จ่ายอย่างสมเหตุสมผล ซึ่งแม้ว่าที่ผ่านมา กระทรวงศึกษาธิการจะออกมาเคลื่อนไหวบ้างแล้ว แต่ธัญชนกมองว่า มันไม่เพียงพอ
“มันเป็นเรื่องดีที่กระทรวงฯ คิดเรื่องเยียวยา แต่ช่วงเวลาที่เด็ก ผู้ปกครอง ครูต้องแบกภาระจากการเรียนออนไลน์ แบกค่าใช้จ่ายต่างๆ มันมากกว่าเงินเยียวยาที่ได้มาก นี่ยังไม่รวมถึงราคาที่พวกเขาต้องเสียระยะยาวจากการบริหารจัดการที่ล้มเหลว ไม่ว่าจะเป็นความรู้ที่ได้ไม่รับอย่างเต็มที่ หรือสุขภาพจิตใจที่แย่ลง สิ่งเหล่านี้เงิน 2,000 บาทมันเยียวยาไม่ได้” ธัญชนกกล่าว
นอกจากประเด็นเหล่านี้ ธัญชนกยังมองว่าอีกหนึ่งปัญหาที่ควรแก้ไขคือ การใช้อำนาจเด็ดขาดของกระทรวงศึกษาธิการเพื่อเป็นที่พึ่งให้นักเรียน เธอบอกว่าที่ผ่านมา กระทรวงฯ มักจะออกนโยบายต่างๆ ในรูปแบบ ‘การขอความร่วมมือ’
ซึ่งเธอมองว่า กระทรวงศึกษาธิการ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตรีนุช เทียนทอง ในฐานะรัฐมนตรีที่มีอำนาจสั่งการเด็ดขาด เป็นคนที่จะเปลี่ยนสถานการณ์ได้มากที่สุด แต่กลับทำเพียงขอความร่วมมือ ไม่มีการออกมาเป็นคำสั่งหรือระเบียบที่ชัดเจน ส่งผลให้ไม่มีการปฏิบัติอย่างเป็นรูปเป็นร่าง และทำให้สุดท้ายเสียงขอความช่วยเหลือจากเด็กๆ ก็ไม่เคยได้รับการรับฟังอย่างแท้จริง
สำหรับใครที่สนใจเข้าไปเยี่ยมชมเว็บไซต์ของแคมเปญ #ไม่เรียนออนไลน์แล้วอิสัส ตามไปได้ที่ : https://badstudent.co/