รัฐบาลและนักวิทยาศาสตร์ในหลายประเทศมองว่า COVID-19 จะอยู่กับเราไปอีกนาน นั้นจึงเป็นที่มาที่สหราชอาณาจักร ทำการเปิดศูนย์วิจัยและทดลองวัคซีน เพื่อการรับมือต่อโรคระบาดใหญ่ ที่ไม่ใช่การระบาดเพียงระยะนี้ แต่หมายถึงการระบาดที่อาจเกิดขึ้นอีกในอนาคต
ศูนย์วิจัยแห่งใหม่นี้มีชื่อเรียกว่า ‘สถาบันโรคระบาดใหญ่’ ถูกจัดตั้งขึ้นในลิเวอร์พูล สหราชอาณาจักร โดยหน้าที่หลักของศูนย์ คือการทำวิจัยเพื่อป้องกันโรคระบาดใหญ่ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต หลังจากที่นักวิทยาศาสตร์คาดการณ์ว่า ความจริงแล้ว COVID-19 ได้พัฒนาตัวมันเองตั้งแต่ช่วงก่อนธันวาคม ค.ศ.2019 เพียงแต่มนุษย์ไม่ได้คาดคิดถึงการอุบัติขึ้นมาของมัน
สถาบันโรคระบาดใหญ่ จะทำการทดลองวัคซีนและการรักษาโรคต่างๆ เพื่อรับมือกับเชื้อไวรัส โดยจะมีการทดลองที่ถูกควบคุมสภาพ เพื่อทำความเข้าใจต่อโรคระบาดที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งจะส่งผลท้าทายต่อมวลมนุษยชาติ นอกจากนี้ การทดลองวัคซีนและการรักษาแบบใหม่ๆ อาจช่วยชีวิตคนนับพันๆ ราย หากมีการระบาดใหญ่ของไวรัสชนิดใหม่เกิดขึ้นในอนาคต
ดานีลลา เฟอร์เรร่า ศาสตราจารย์จาก Liverpool School of Tropical Medicine ซึ่งเข้ามาดูแล สถาบันโรคระบาดใหญ่ระบุว่า หากมีการทดลองวัคซีน ตั้งแต่การระบาดระลอกแรกของ COVID-19 ในสหราชอาณาจักร พวกเขาอาจมีวัคซีนใช้ฉีดให้แก่ประชาชนเร็วขึ้นนับเดือน เฟอร์เรร่าเชื่อว่า ถ้าวัคซีนถูกทดลองในสถาบันนี้ได้แต่แรก มันอาจรักษาชีวิตชาวสหราชอาณาจักรได้กว่า 80,000 คน ที่ตายลงด้วย COVID-19
การจัดตั้งสถาบันโรคระบาดใหญ่ในครั้งนี้ ใช้ทุนกว่า 10 ล้านปอนด์ (ประมาณ 454 ล้านบาท) โดยศูนย์วิจัยจะทดลองในสภาพที่ห้องทดลองสามารถควบคุมตัวแปรได้ เนื่องจากมันสามารถเร่งกระบวนการต่างๆ ได้ตามความต้องการของทีมทดลอง ไม่เหมือนกับการทำทดลองจากผู้ป่วยตามโรงพยาบาลทั่วไปที่เราๆ ทำกันอยู่
เฟอร์เรร่า ยกตัวอย่างว่า สถาบันโรคระบาดใหญ่นี้ สามารถทำการทดลองวัคซีนระยะ 3 ได้เร็วขึ้น ในขณะที่รัฐบาลประกาศล็อกดาวน์ และทำให้การติดเชื้อลดลง เพราะศูนย์วิจัยสามารถควบคุมตัวแปรต่างๆ เองได้ และทำให้พวกเขาเข้าใจไวรัส และการรักษาด้วยวัคซีนและวิธีการทางการแพทย์อื่นๆ ได้เป็นอย่างดี ภายใต้ทรัพยากรภายนอกสถาบันที่มีอยู่อย่างจำกัด
นอกจากนี้ สถาบันโรคระบาดใหญ่ยังระบุว่า พวกเขามีฐานข้อมูลเกี่ยวกับเชื้อโรค และสิ่งที่มันเข้าไปอยู่อาศัย ตลอดจนแหล่งที่พบพวกมัน พวกเขายังได้ใช้ข้อมูลพวกนี้ ในการทดลองและพยากรณ์การพัฒนาของเชื้อในสัตว์ชนิดต่างๆ ที่อาจกลายเป็นต้นเหตุของไวรัสโคโรนาชนิดอื่นๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นตามมาในอนาคต
แต่งานของพวกเขาไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เพราะเพียงแค่ค้างคาว ซึ่งคาดว่าเป็นต้นเหตุของไวรัสโคโรนา ก็มีกว่า 1,500 สายพันธุ์แล้ว อย่างไรก็ดี พวกเขาคาดว่าในอนาคต จะสามารถนำข้อมูลมหาศาลเหล่านี้ มาทำความเข้าใจวิถีทางการพัฒนาของไวรัสได้ และไวรัสชนิดใหม่ๆ อาจถูกตรวจพบได้ทันที โดยไม่ต้องรอว่ามันคือเชื้ออะไรกันแน่ หากสถาบันวิจัยแห่งนี้ทำการทดลองไปในอีกระยะหนึ่ง
ศูนย์วิจัยนี้ไม่ได้เป็นศูนย์วิจัยไวรัสเพื่อนาคตแห่งแรกในโลก เพราะก่อนหน้านี้ เคยมีการจัดตั้งศูนย์วิจัยในลักษณะเดียวกัน เพื่อทำความเข้าใจไวรัสที่จะนำไปสู่การระบาดใหญ่ ทั้งในเยอรมนี ฝรั่งเศส และสหรัฐฯ โดยนักวิทยาศาสตร์และหลายรัฐบาล พยายามหาวิธีตอบรับกับไวรัสใหม่ๆ เพื่อที่พวกเขาจะมั่นใจได้ว่า จะไม่เกิดการระบาดใหญ่ที่คร่าชีวิตผู้คน และเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของเราแบบหน้ามือเป็นหลังมืออีกรอบ
อ้างอิงจาก
https://www.business-live.co.uk/enterprise/new-pandemic-institute-opens-headquarters-21531968
#Brief #TheMATTER