ไม่ให้เหลือแม้อนุสรณ์สถานสำหรับการรำลึก มหาวิทยาลัยฮ่องกงมีคำสั่งให้รื้อถอน “เสาแห่งความอัปยศ” รูปปั้นที่แสดงความรำลึกถึงเหยื่อที่ถูกสังหารในการประท้วงที่จัตุรัสเทียนอันเหมิน โดยขีดเส้นตายให้ย้ายออกจากมหาวิทยาลัยภายในวันที่ 13 ตุลาคม ไม่เช่นนั้นจะถือว่าเป็นของที่ถูกทิ้งไว้
Mayer Brown LLP สำนักงานกฎหมายระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นตัวแทนมหาวิทยาลัยฮ่องกงได้ออกคำสั่งให้มีการรื้อถอนรูปปั้นรำลึกเหตุการณ์จัตุรัสเทียนอันเหมินออกจากพื้นที่มหาวิทยาลัยก่อนเวลา 17.00 น.ของวันที่ 13 ตุลาคมนี้ ไม่เช่นนั้นจะถือว่ารูปปั้นดังกล่าวเป็นของถูกทิ้ง และทางมหาวิทยาลัยจะจัดการในแบบที่เห็นสมควรต่อไป
ขณะที่มหาวิทยาลัยเปิดเผยว่า การออกคำสั่งนี้เป็นผลมาจากการประเมินความเสี่ยงและคำแนะนำทางกฎหมาย แต่ไม่ได้อธิบายใดๆ เพิ่มเติม
รูปปั้นเสาแห่งความอัปยศ หรือ Pillar of Shame of Hong Kong เป็นประติมากรรมรูปมนุษย์ 50 คนกำลังอยู่ในอิริยาบถที่บิดเบี้ยว และทุกข์ทรมาน ซึ่งสื่อถึงผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์เทียนอันเหมินเมื่อปี ค.ศ.1989 โดยรูปปั้นนี้ได้กลายมาเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของการต่อต้านความพยายามในการควบรวมอำนาจของจีน และเป็นจุดที่ประชาชนจะใช้จัดกิจกรรมรำลึกถึงเหตุการณ์นองเลือดในทุกๆ ปี
เสาแห่งความอัปยศถูกสร้างขึ้นโดย Jens Galschiøt ศิลปินชาวเดนมาร์กเมื่อปี ค.ศ.1997 ก่อนจะถูกส่งมอบให้ Albert Ho และ Lee Cheuk-yan แกนนำประท้วงในจตุรัสเทียนอันเหมิน ก่อนมันจะถูกนำมาติดตั้งไว้ภายในมหาวิทยาลัยฮ่องกงมานานกว่า 24 ปี โดย Galschiøt กล่าวว่ารูปปั้นนี้ทำหน้าที่เสมือนเครื่องเตือนใจผู้คนถึงเหตุการณ์อันน่าละอายซึ่งไม่ควรเกิดขึ้นอีก
หลังจากมีคำสั่งรื้อถอนออกมา Galschiøt ในฐานะผู้สร้างผลงานเปิดเผยว่า เขากำลังพิจารณาว่าจะดำเนินการทางกฎหมายหรือไม่ เนื่องจากรูปปั้นนี้ยังถือเป็นทรัพย์สินของเขา พร้อมระบุว่า ทางมหาวิทยาลัยให้เวลาแค่ 5 วันในการเคลื่อนย้ายรูปปั้นนี้ ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้เลย และมันอาจสร้างความเสียหายอันใหญ่หลวงให้กับงานประติมากรรม
“สารที่ส่งมานี้เป็นถ้อยคำแถลงครั้งใหญ่ของรัฐบาลจีน นี่เป็นอนุสรณ์สถานเพียงแห่งเดียวที่ใช้รำลึกถึงการปราบปรามเหตุการณ์เทียนอันเหมิน ถ้าพวกเขาย้ายมันออก มันก็เป็นปัญหาใหญ่ทางศีลธรรม” Galschiøt กล่าวพร้อมเสริมว่า สถานการณ์ในฮ่องกงกำลังน่าเป็นห่วง เด็กนักเรียนจำนวนมากถูกตัดสินจำคุก ซึ่งนั่นมันไม่ยุติธรรมสักนิด
อ้างอิงจาก
https://www.bbc.com/news/world-asia-58847650
#Brief #TheMATTER