เนื้อวากิวขึ้นชื่อเรื่องมันแทรกสีสวยพร้อมรสนุ่มลิ้น แต่มันต้องแลกมาด้วยราคาอันสูงลิ่วในแต่ละกรัม ทางเลือกใหม่นี้ อาจทำให้เรามีเนื้อวากิวที่มีราคาถูกลงได้กินกันอย่างถ้วนหน้า หลังนักวิทยาศาสตร์ญี่ปุ่นจำลองเนื้อวากิวในห้องทดลองได้สำเร็จแล้ว
นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยโอซากาของญี่ปุ่นระบุว่า พวกเขาสามารถใช้เครื่องพิมพ์ชีวภาพสามมิติ และเทคโนโลยีการเพาะเลี้ยงเนื้อวัว เพื่อจำลองเนื้อวากิวแบบมีมันแทรกน่ากิน นำมาใช้แทนเนื้อที่แล่จากวัวในฟาร์มแถบโกเบ ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องการขุนเนื้อวากิว ที่ถูกส่งขายทั่วทั้งประเทศ รวมถึงส่งออกไปทั่วทุกมุมโลก ไม่เว้นแม้แต่ไทย
เนื้อวากิวจำลองจะต้องใช้เวลาในการสร้างประมาณ 3-4 สัปดาห์ เพื่อให้ได้เนื้อจำลองขนาดลูกบาศก์เซนติเมตรออกมา ดังนั้น ด้วยเวลาที่นาน จึงอาจจะทำให้เรายังไม่มีเนื้อวากิวจำลอง ที่หาซื้อได้ตามซุปเปอร์มาเก็ตทั่วไปได้ในเร็ววัน แต่เทคนิคการจำลองเนื้อนี้ กำลังถูกพัฒนาไปอย่างมีประสิทธิภาพ
“ถ้าเราสามารถสร้างเนื้อจำนวนมาก ด้วยเซลล์จำนวนน้อยในระยะเวลาอันรวดเร็ว มันก็มีโอกาสที่พวกเราจะสามารถรับมือ กับประเด็นการขาดอาหารและโปรตีนในอนาคตได้” มัตสึซากิ มิชิยะ นักวิจัยในการทดลองนี้ระบุกับ Reuters
การถกเถียงเรื่องการรับประทานเนื้อสัตว์จากสัตว์โดยตรง เริ่มถูกหยิบยกขึ้นมาโต้เถียงกันในรอบหลายปีมานี้ เพราะมีข้อเสนอว่า การบริโภคเนื้อสัตว์จากโรงฆ่าสัตว์ เป็นส่วนหนึ่งที่ก่อให้เกิดปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม และประเด็นด้านศีลธรรม ส่งผลให้เกิดกระแสการหันไปบริโภคผัก หรือพืชที่ให้โปรตีนแทนเนื้อสัตว์ได้มากขึ้น การทดลองเพาะเนื้อสัตว์จำลองในครั้งนี้ จึงอาจจะเป็นอีกทางออกหนึ่งในอนาคต สำหรับคนรักเนื้อ
แต่การทดลองในครั้งนี้ จะไม่ได้เป็นประโยชน์ต่อคนรักการกินเนื้ออย่างเดียว เพราะมัตสึซากิกล่าวว่า เทคโนโลยีเดียวกันนี้ สามารถนำไปต่อยอดการเพาะเลี้ยงเซลล์กล้ามเนื้อมนุษย์ เพื่อนำไปใช้ในทางการแพทย์ สำหรับผู้ที่มีกล้ามเนื้อได้รับความเสียหาย
สำหรับต้นทุนและโอกาสในการพัฒนาเทคโนโลยีนี้ต่อไปนั้น มัตสึซากิชี้ว่า เนื้อวากิวจำลองน้ำหนัก 1 กรัม ใช้ต้นทุนในการผลิตที่ประมาณ 10,000 เยน (ประมาณ 3,000 บาท) ซึ่งถึงแม้จะดูเหมือนกับว่ามันมีราคาที่ค่อนข้างแพง แต่ด้วยการพัฒนาทางเทคโนโลยีในอนาคต จะช่วยให้ราคาของเนื้อวากิวจำลองสามารถวางขายในท้องตลาดในราคาที่ถูกลงได้อย่างแน่นอน ภายในระยะเวลา 5 ปี
อ้างอิงจาก
https://www.eurekalert.org/news-releases/926245
https://resou.osaka-u.ac.jp/en/research/2021/20210824_4
#Brief #TheMATTER