“ผมไม่ได้มาบอกลา แต่บอกว่า แล้วพบกันใหม่” วิคตอร์ เอสโคบาร์ ผู้ป่วยชาวโคลอมเบีย ให้สัมภาษณ์ในวิดีโอของหนังสือพิมพ์ El Tiempo เมื่อเดือนกันยายน 2021 ก่อนจะเข้ารับการการุณยฆาตเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา
7 ม.ค. 2022 ทนายความของเอสโคบาร์ประกาศอย่างเป็นทางการว่า เอสโคบาร์เสียชีวิตแล้วดังที่เขาปรารถนา ทำให้เขาเป็นคนแรกในประวัติศาสตร์โคลอมเบีย ที่ได้รับการการุณยฆาตโดยไม่ได้ป่วยเป็นโรคระยะสุดท้าย
เอสโคบาร์ต้องการปิดฉากชีวิตตนเองเพราะเขาป่วยด้วยโรคอวัยวะเสื่อมสภาพเรื้อรังหลายชนิดที่รักษาไม่ได้ เช่น โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD) ความดันโลหิตสูง และเคยเป็นโรคหลอดเลือดสมอง 2 ครั้งในปี 2008 ซึ่งทำให้ที่ผ่านมา เขามีอุปสรรคในการเคลื่อนที่ และจำเป็นต้องใช้อ็อกซิเจนในชีวิตประจำวัน
ก่อนหน้านี้ ศาลรัฐธรรมนูญของโคลอมเบียอนุญาตให้ผู้ป่วยทำการุณยฆาตได้ตั้งแต่ปี 1997 แต่ผู้ป่วยต้องป่วยเป็นโรคระยะสุดท้าย หรือคาดการณ์ว่าจะมีชีวิตอยู่ต่อไม่ถึง 6 เดือน ทำให้เอสโคบาร์ต้องต่อสู้มาถึง 2 ปี เพื่อให้ได้รับสิทธิในการทำการุณยฆาต
จนกระทั่งเดือนกรกฎาคม 2021 คำสั่งศาลรัฐธรรมนูญอนุญาตให้ทำการการุณยฆาตกับผู้ป่วยที่ไม่ได้เป็นโรคระยะสุดท้ายได้แล้ว แต่ต้องมีภาวะป่วยทางกายหรือจิตรุนแรงที่ทำให้เป็นอุปสรรคต่อการมีคุณภาพชีวิตที่ดี ซึ่งถือว่าอาการป่วยของเอสโคบาร์ก็เข้าข่ายในกรณีนี้
นอกจากเอสโคบาร์ ยังมีอีกกรณีหนึ่งในโคลอมเบียที่เป็นที่สนใจ คือ กรณีของมาร์ทา เซปุลเบดา ซึ่งเจ็บป่วยจากโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง (ALS) และเกือบจะได้รับการการุณยฆาตเมื่อเดือนตุลาคม 2021 แต่ถูกคลินิกยกเลิกไม่กี่วันก่อนวันนัดหมาย จนกระทั่งทนายความนำเรื่องสู่ชั้นศาล ซึ่งศาลก็ยืนยันว่าเซปุลเบดามีสิทธิทำการุณยฆาต จนกระทั่งทำสำเร็จเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา เป็นคนที่ 2 ต่อจากเอสโคบาร์
ทั้ง 2 กรณีถือว่าเป็นหมุดหมายสำคัญของโคลอมเบียและทั้งทวีปอเมริกาใต้ ที่ผ่านมา มีข้อมูลจากกลุ่ม DescLAB ซึ่งเป็นกลุ่มที่ต่อสู้เพื่อสิทธิทางกฎหมาย ระบุว่า ตั้งแต่ปี 2015 มีผู้ป่วยโรคระยะสุดท้ายได้เข้ารับการการุณยฆาตในโคลอมเบียเป็นจำนวน 178 รายแล้ว แน่นอนว่า ความเปลี่ยนแปลงในทางกฎหมายล่าสุดก็จะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้ที่ประสงค์ทำการุณยฆาตได้มากขึ้น
อ้างอิงจาก
https://www.bbc.com/mundo/noticias-59919429