คดีของ โจ้-พ.ต.อ.ธิติสวรรค์ อุทธนผล อดีตผู้กำกับการ สภ.เมืองนครสวรรค์กับพวก ใช้ถุงคลุมหัวผู้ต้องหาคดียาเสพติดจนเสียชีวิต ในเดือน ส.ค.2564 ซึ่งกลายเป็นข่าวใหญ่จนช่วยผลักดันให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. …. (พ.ร.บ.ป้องกันการทรมานและอุ้มหาย) ที่ปัจจุบันถูกส่งให้วุฒิสภาพิจารณาต่อแล้ว กำลังเดินหน้าอย่างเป็นทางการ โดยคดีความหมายเลขดำที่ อท.180/2564 นี้ จะเริ่มสืบพยานตั้งแต่เดือน มี.ค.2565 เป็นต้นไป
ทว่าความพยายามของบุคคลภายนอกที่จะขอเข้าไปสังเกตการณ์การสืบพยานคดีนี้กลับถูกปฏิเสธ โดยตัวอดีต ผกก.โจ้กับทนายความให้เหตุผลคัดค้าน อ้างว่าเป็น ‘คดีทำร้ายร่างกายธรรมดา’
เรื่องนี้ถูกเปิดเผยจากพรเพ็ญ คงขจญเกียรติ ผอ.มูลนิธิผสานวัฒนธรรม ที่ทำงานเรื่องปัญหาการทรมานและอุ้มหายมายาวนานนับสิบปี โดยเฉพาะในจังหวัดชายแดนภาคใต้ กระทั่งถูกเชิญให้ไปร่วมเป็นกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ป้องกันการทรมานและอุ้มหาย ของสภาผู้แทนราษฎร
พรเพ็ญระบุว่า มูลนิธิผสานวัฒนธรรมทำหนังสือไปยังศาลจำนวน 4 ครั้ง ตั้งแต่เดือน ก.พ.2565 เพื่อขออนุญาตเข้าฟังการสืบพยานคดีของอดีต ผกก.โจ้ ที่จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 5-6 และ 12-13 มี.ค.2565 กระทั่งถูกแจ้งให้ไปฟังคำสั่งศาลว่าจะให้เข้าฟังการสืบพยานคดีนี้หรือไม่ เมื่อวันที่ 5 มี.ค.2565 และได้รับเชิญเข้าไปในห้องพิจารณาคดี ซึ่งผู้พิพากษากล่าวกับเธอว่า ไม่อนุญาตให้เข้าฟังการสืบพยาน เนื่องจากตอนนี้มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 จึงควรจำกัดจำนวนคนที่เข้ารับฟังการสืบพยานเฉพาะคนที่จำเป็นและเกี่ยวข้องโดยตรงเท่านั้น
อีกเหตุผลก็คือ ตัวอดีต ผกก.โจ้และทนายความคัดค้านขอไม่ให้บุคคลที่ไม่ใช่คู่ความเข้าฟัง โดยพรเพ็ญระบุว่า ทางฝ่ายจำเลยให้เหตุผลว่าเพราะคดีนี้ “เป็นคดีทำร้ายร่างกายธรรมดา มีให้สังเกตการณ์อยู่ทั่วไป เหตุใดจึงต้องเจาะจงเข้าฟังการพิจารณาคดีนี้” นอกจากนี้ ยังอยากได้ความเป็นส่วนตัว และมีความกังวลว่าเนื้อความของคดีที่อาจเกี่ยวข้องกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ซึ่งเป็นต้นสังกัดของจำเลย จะทำให้ต้นสังกัดของจำเลยเสื่อมเสียชื่อเสียง
เบื้องต้น ศาลจึงขอให้มูลนิธิผสานวัฒนธรรมติดตามผ่านเอกสารเผยแพร่ของศาลแทน และได้เชิญตัวแทนคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) เข้าฟังการสืบพยานในวันที่ 12-13 มี.ค.2565 แล้ว แต่ทางพรเพ็ญระบุว่า อาจทำหนังสือขออนุญาตเข้าฟังการสืบพยานในวันนั้นด้วย
เรื่องนี้จะเป็นอย่างไร ที่สุดแล้วศาลจะอนุญาตให้บุคคลอื่นเข้าร่วมฟังการสืบพยานในคดีของอดีต ผกก.โจ้หรือไม่ โปรดติดตามกันต่อไป เช่นเดียวกับการผลักดันร่าง พ.ร.บ.ป้องกันการทรมานและอุ้มหาย ซึ่งปัจจุบันที่ประชุมวุฒิสภามีมติเห็นชอบในวาระแรก (ขั้นรับหลักการ) ไปแล้ว อยู่ระหว่างการพิจารณาในชั้น กมธ.วิสามัญ ซึ่งจะส่งกลับมาพิจารณาในวาระที่สอง (พิจารณารายมาตรา) และวาระที่สาม (ให้ประกาศใช้ทั้งฉบับ) ในที่ประชุมวุฒิสภาต่อไป เมื่อเปิดสมัยประชุม
#Brief #TheMATTER