‘ผ้าอนามัย’ เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผู้หญิง แต่ปัจจัยหนึ่งที่เป็นอุปสรรคต่อการเข้าถึงก็คือ ‘ราคา’ ที่จับต้องได้ลำบากเพราะมีการคิดภาษีเข้าไปด้วย อยากรู้กันไหมว่าทั่วโลกเก็บภาษีผ้าอนามัยกันอย่างไร? และใช้วิธีการใดกันบ้าง เพื่อให้ผู้คนเข้าถึงผ้าอนามัยได้มากขึ้น?
Rocket Media Lab สำรวจข้อมูลการเก็บภาษีผ้าอนามัยจาก 69 ประเทศทั่วโลก พบลักษณะการเก็บภาษีหลักๆ 3 รูปแบบ 1.ยกเว้นภาษีไปเลย เช่น เคนย่า 2.เก็บต่ำกว่าภาษีมูลค่าเพิ่มในหมวดสินค้าอุปโภคบริโภคทั่วไป เช่น เบลเยี่ยม เยอรมนี เวียดนาม เอธิโอเปีย กับ 3.เก็บเท่าภาษีมูลค่าเพิ่มในหมวดสินค้าอุปโภคบริโภคทั่วไป เช่น ฮังการี ฟินแลนด์ บัลแกเรีย อาร์เจนติน่า จีน
โดยไทยอยู่ในกลุ่มที่ 3 คือเก็บภาษีผ้าอนามัย เท่ากับภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือ VAT ของสินค้าอุปโภคบริโภคทั่วไป
ทั้งนี้ เคยมีการคำนวณว่า ตลอดทั้งชีวิตผู้หญิงจะมีรอบเดือนเฉลี่ย 358 ครั้ง ต้องใช้จ่ายกับผ้าอนามัยกว่า 5.8 หมื่นบาท
ที่ผ่านมา เคยมีความพยายามเรียกร้องให้ยกเลิกภาษีส่วนนี้เพื่อลดค่าใช้จ่ายของผู้หญิง โดยประเทศที่สำเร็จมีอาทิ ออสเตรเลีย อินเดีย และโคลัมเบีย ส่วนบางประเทศแม้ไม่ถึงขั้นยกเลิกภาษี แต่ก็ลดลงจากเดิมมาก เช่น เยอรมนี (จาก 17% เหลือ 9%) ฝรั่งเศส (จาก 20% เหลือ 5.5%) เบลเยี่ยม (จาก 21% เหลือ 6%) และเวียดนาม (จาก 10% เหลือ 5%)
อย่างไรก็ตาม ใช่ว่าการลดภาษีจะช่วยให้ผู้หญิงเข้าถึงผ้าอนามัยมากขึ้น เพราะในบางประเทศอัตราค่าแรงขั้นต่ำน้อยมากกระทั่งหาซื้อผ้าอนามัยได้ลำบาก จึงอาจดำเนินการคู่กันไปกับมาตรการอื่นๆ เช่น ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำหรือสวัสดิการผ้าอนามัยฟรี
กรณีของไทยแม้จะมีการเรียกร้องให้ยกเลิกภาษีผ้าอนามัยไปเลย แต่ปัจจุบันยังเก็บเท่า VAT ที่ 7% แต่ก็เริ่มมีบางหน่วยงานทำสวัสดิการผ้าอนามัยฟรี เช่น ที่ ม.เชียงใหม่ หรือ ม.อ.ปัตตานี เป็นต้น
– ดาวน์โหลด ข้อมูลพื้นฐาน อินโฟกราฟิก และบทวิเคราะห์ได้ที่ https://tinyurl.com/tampon-tax
#Brief #TheMATTER