ถึงวันนี้ มีใครกล้าพูดได้เต็มปากบ้างว่า การเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 24 มี.ค.2562 และกระบวนการอื่นๆ ที่สืบเนื่อง เป็นไปอย่าง ‘บริสุทธิ์-ยุติธรรม’ บ้าง
เอาง่ายๆ ว่า ใครเป็นคนแต่งตั้งคนที่มาวางกติกาผ่านรัฐธรรมนูญและกฎหมายลูก
เอาง่ายๆ ว่า ใครเป็นคนแต่งตั้งสภาที่มาเลือกกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ชุดที่มาจัดการเลือกตั้งเมื่อปี 2562 และยังอยู่จนถึงปัจจุบัน
แล้วใครบางคนที่ปฏิเสธย้ำๆ ว่า ไม่สืบทอดอำนาจ ไม่อยากมีอำนาจ อยากลาออกทุกวัน กลับมาเปิดตัวขอนั่งเก้าอี้เดิมในช่วงโค้งสุดท้าย
เหตุใด การเลือกตั้งทั่วไปในปี 2562 ถึงบอกว่า เป็นการเลือกตั้งแห่ง ‘ความหวัง’ – ก็ดูได้จากจำนวนผู้มาใช้สิทธิที่มากถึง 74.7% ทั้งที่เป็นการเลือกตั้งครั้งแรกในรอบ 8 ปี และถูกเลือกจัดมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ผลเลือกตั้งที่ออกมายังช็อกขั้วอำนาจเก่า เพราะไม่เพียงพรรคเพื่อไทย (พท.) ได้ ส.ส.รวมมากกว่าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ที่เสนอชื่อผู้ทำรัฐประหารเมื่อปี 2557 ให้เป็นนายกฯ อีกรอบ ยังเกิดพรรคใหม่ที่ได้ ส.ส.เป็นกอบเป็นกำ โดยเฉพาะจากคนรุ่นใหม่ อย่างพรรคอนาคตใหม่ (อนค.)
หลังจากนั้น ‘กลไก’ ที่วางไว้ก็เริ่มทำงาน ทั้งการคำนวณ ส.ส.พึงมีที่ทำให้ ส.ส.ข้างต่อต้านการสืบทอดอำนาจมีจำนวนลดลง, การที่ ส.ว.แต่งตั้งโหวตเลือกอดีตหัวหน้าคณะรัฐประหารแบบไม่มีแตกแถว, หัวหน้า อนค.ถูกสั่งห้ามปฏิบัติหน้าที่ก่อนเข้าสภาจากคดีหุ้นสื่อที่ปิดตัวไปนานแล้ว, อนค.ถูกสั่งยุบพรรคจากคดีเงินกู้เท่ากับรายได้ ฯลฯ จนเสียงรัฐบาล พปชร. ที่เคยปริ่มน้ำ ก็ค่อยๆ แข็งแกร่งขึ้น
แต่ถึงการเลือกตั้งจะถูกคนบางกลุ่มพยายามทำให้เป็นเพียง ‘พิธีกรรม’ ทว่าเสียงของประชาชนก็ยังมีความหมายอยู่เสมอ จนกลไกสืบทอดอำนาจที่ซุกซ่อนไว้ตามองคาพยพต่างๆ ต้องเผยตัวออกมาแบบโล่งโจ้ง เพื่อช่วยเหลืออดีตผู้นำรัฐประหารให้ได้สืบทอดอำนาจ
เหลืออีกไม่ถึง 1 ปี ก็จะมีการเลือกตั้งครั้งใหม่
เสียงของประชาชนจะว่าอย่างไร เป็นเรื่องที่น่าตื่นตามยิ่ง
เช่นเดียวกับว่า เลือกตั้งครั้งหน้ากลไกต่างๆ ที่วางไว้สืบอำนาจจะต้องออกแรงหนักแค่ไหน
ระบอบประชาธิปไตยที่เข้มแข็ง ไม่ได้มาจากการร้องขอ แต่ต้องต่อสู้ให้ได้มา เช่นเดียวกับรัฐบาลที่คำนึงถึงผลประโยชน์ของคนส่วนใหญ่ และมีวิสัยทัศน์มีความสามารถพอจะทำให้คนคาดหวังถึงอนาคตที่ดีได้
#Brief #TheMATTER