วันนี้ (15 มิ.ย. 2565) ก่อนจะมีการลงมติรับหลักการร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. หรือร่าง พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม ธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ในฐานะผู้เสนอร่าง ก็ได้ลุกขึ้นมากล่าวสรุปต่อสภาฯ ด้วยน้ำตาคลอ เรียกร้องให้ ส.ส.ร่วมกันโหวตรับหลักการ
ธัญวัจน์เล่าถึงความทรงจำวัยเด็กก่อนว่า “เมื่อตอนเด็กๆ เราก็มีเพื่อนในโรงเรียน แล้วเวลาที่เราเล่นกัน เราก็เป็นเด็กกะเทยนั่นแหละ กรี๊ดกร๊าดกันในโรงเรียนอย่างสนุกสนาน แล้วเวลาที่เราสนิทกันมากๆ เราก็จะไปเล่นที่บ้านเพื่อน แล้วเพื่อนก็บอกว่า เธอมาไม่ได้หรอก เพราะเดี๋ยวพ่อแม่ชั้นรู้ว่าชั้นเป็นกะเทย
“มันเป็นเรื่องตลกนะคะสมัยนั้น ตอนเด็กๆ อ๋อเหรอเธอ เธอเป็นคนไม่กล้าแสดงออกใช่มั้ย แต่เมื่อธัญเติบโตขึ้นค่ะ มันเป็นเรื่องน่าเศร้าของเด็กคนนึงที่ไม่สามารถเล่นด้วยกัน เพราะความคิดที่พวกเรานั้น มอง LGBT ด้วยระบบ 2 เพศ”
ก่อนที่จะกล่าวถึงความจำเป็นที่ต้องผลักดันในเรื่องเพศว่า “ธัญเชื่อว่า เรื่องเพศเป็นเรื่องของเราทุกคน ทำไมเราถึงต้องพูดว่า ส.ส.หญิงมีจำนวนกี่ที่ในสภาฯ ส.ส.กะเทยมีจำนวนกี่ที่นั่งในสภาฯ เพราะการต่อสู้ของขั้วการเมืองกับการต่อสู้ด้านเพศ เป็นระดับขนานและระดับตรงซึ่งต่างกัน
“ความเสมอภาคทางเพศจะไม่เกิดขึ้นเลย ถ้าเกิดเราไม่มีคนที่เข้าใจเรื่องเพศอย่างแท้จริง ท่านมองว่ากฎหมายสมรสเท่าเทียมไม่ผ่าน แต่กฎหมายสมรสเท่าเทียมวันนี้ คือสัญลักษณ์ของการต่อสู้ของประชาชน คือกฎหมายที่ฝ่ายค้านหยิบยกขึ้นมา เพื่อที่จะบอกว่า ทำไมท่านจึงไม่เสนอสมรสเท่าเทียมแบบนี้กับประชาชน
“ธัญขอยืนยันตรงนี้ว่า สมรสไม่ได้ทำลายหรือกระทบสิทธิของใคร สมรสคือสมรส ภาษาอังกฤษคือ marriage เราไม่สามารถที่จะพูดว่า marriage is civil partnership ได้ เพราะว่ามันผิดหลักไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ”
ธัญวัจน์จึงได้เรียกร้อง ส.ส. ในสภาฯ ให้เห็นแก่ประโยชน์ของประชาชน และโหวตรับร่าง พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม “ธัญจึงอยากจะถามท่านว่า ทำไมเราถึงต้องก้าวช้า มันมีเหตุผลอะไรคะ เรากลัวความเร็วเหรอ หรือว่าเรากลัวความก้าวหน้า หรือเรากลัวความเปลี่ยนแปลงอะไร
“ธัญรู้ว่าทุกคนล้วนแล้วแต่มีจุดยืนต่อกัน แต่ธัญอยากให้นึกถึงชัยชนะของประชาชน ไม่ใช่ชัยชนะของพรรคใดพรรคหนึ่ง หรือคนที่ทำงานเรื่องนี้ ธัญเจอทุกท่านที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ ธัญเคารพทุกท่านที่ทำงานหนัก แต่เราต้องไม่กลัวการเปลี่ยนแปลง”
ก่อนที่จะกล่าวปิดท้ายด้วยน้ำตาคลอเบ้าว่า “ธัญคิดว่า เราเปิดโอกาส จริงใจกับประชาชน ประเทศนั้นถึงจะเปลี่ยนแปลง เราอย่ากลัวความเปลี่ยนแปลง เราก้าวไปด้วยกัน ทำงานในคณะกรรมาธิการ ดูกันและมองผลประโยชน์ของประชาชนสูงสุด
“ธัญในฐานะที่เป็น ส.ส.กะเทยคนหนึ่ง ธัญรู้ว่า พรรคก้าวไกล เสียงที่นั่งอาจจะไม่พอ กะเทยคนนี้ มีผู้ชายลุกขึ้นช่วยพูด ผู้หญิงลุกขึ้นช่วยพูด ก็อาจจะไม่พอกับอำนาจที่ท่านมี
“แต่ธัญขอให้โหวตด้วยความจริงใจกับประชาชน พวกเค้ารอกฎหมายนี้อยู่
“นี่ไม่ได้เป็นน้ำตาของฉัน แต่เป็นน้ำตาของประชาชนที่รอพวกท่านโหวตอยู่ ธัญขอฝากทุกท่านด้วยนะคะว่า สมรสเท่าเทียมคือกระดุมเม็ดแรกที่เราจะกลัดไปด้วยกัน และความเสมอภาคจะเกิดขึ้น ขอบคุณมากค่ะ”
ทั้งนี้ สภาฯ ได้มีมติรับหลักการร่าง พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม พร้อมกับร่างกฎหมายที่ถูกนำมาประกบทุกฉบับ ได้แก่ ร่าง พ.ร.บ.คู่ชีวิต 2 ฉบับ ที่เสนอโดย ครม. และพรรคประชาธิปัตย์ รวมถึงร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. ที่เสนอโดย ครม. (อ่านรายละเอียดการลงมติได้ที่: https://thematter.co/brief/177872/177972)
อ้างอิงจาก
https://www.youtube.com/watch?v=XCtxUm_jorc