การอภิปรายไม่ไว้วางใจดำเนินมาสู่วันที่ 2 โดยตลอดทั้งวันของวันนี้ (20 ก.ค. 2565) การอภิปรายครั้งหนึ่งที่น่าสนใจของวัน ก็คือ คำอภิปรายของ ‘ธีรัจชัย พันธุมาศ’ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ที่ตั้งคำถามต่อ ‘พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ’ รองนายกรัฐมนตรี ในประเด็นเรื่องฉาวนาฬิกายืมเพื่อน ว่ามีการใช้อำนาจบารมีแทรกแซงเพื่อให้ตนเองพ้นผิดหรือไม่
ก่อนอภิปราย ธีรัจชัยตั้งข้อกล่าวหา พล.อ.ประวิตร ซึ่งเขาเรียกว่า เป็น ‘รัฐมนตรีที่ทรงอำนาจและมีบารมีมากที่สุด’ ล้นเกินไปกว่าตำแหน่งของตัวเอง ทำให้ทุกหน่วยงานไม่เคยปรากฏที่หรือตรวจสอบรัฐมนตรีท่านนี้ให้กระทบกระเทือนได้เลย
ข้อกล่าวหา พล.อ.ประวิตร ประกอบไปด้วย: (1) จงใจไม่ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญและกฎหมาย (2) ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ (3) ไม่เป็นแบบอย่างที่ดีในการป้องกันและการปราบปรามการทุจริต (4) ทำตนเป็นแบบอย่างของการหลีกเลี่ยงการปฏิบัติตามกฎหมายที่มีวัตถุประสงค์ป้องกันและปราบปรามทุจริต และ (5) ใช้อำนาจ-บารมีล้นฟ้า มากกว่าตำแหน่งที่ดำรง แทรกแซง ป.ป.ช. และกรมศุลกากร ให้ช่วยเหลือให้พ้นจากคดี
ธีรัจชัยเริ่มต้นด้วยการเล่าย้อนก่อนว่า เรื่องทั้งหมดเริ่มจากวันที่ 4 ธ.ค. 2560 คณะรัฐมนตรีของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ชุดที่ 1/5 ได้มาถ่ายรูปที่หน้าทำเนียบรัฐบาล รวมถึง พล.อ.ประวิตรด้วย แต่บังเอิญในระหว่างที่เตรียมถ่ายรูปอยู่นั้น แดดได้มาแยงตา ทำให้นักข่าวจึงได้ภาพยกมือขึ้นบังป้องหน้า เผยให้เห็นแหวนเพชร คู่กับนาฬิกาหรู Richard Mille กระตุกต่อมสงสัยว่า คนที่รับราชการตลอดชีวิต เอาเงินจากไหนมาซื้อนาฬิกาหรู ยิ่งกว่านั้น พอมีการเปิดบัญชีทรัพย์สิน ก็ไม่พบว่ามีนาฬิกาหรูอยู่ในบัญชี
จากการชี้แจงของ พล.อ.ประวิตร ต่อ ป.ป.ช. ว่าเป็น แหวนแม่ นาฬิกาเพื่อน เมื่อวันที่ 16 ม.ค. 2561 ทำให้ประชาชนร่วมกันตรวจสอบ พบว่า มีหลายรุ่น หลายยี่ห้อ รวม 25 เรือน ทั้งหมดนี้ ปรากฏว่า มีคำชี้แจงว่า ยืมมาจากเพื่อนคนเดียว คือ ปัฐวาท สุขศรีวงศ์ ซึ่งเสียชีวิตไปตั้งแต่วันที่ 4 ก.พ. 2560 ก่อนจะเกิดเรื่องฉาวถึง 10 เดือน
ต่อมา ป.ป.ช. ได้ออกหนังสือแถลงข่าว มีสาระสำคัญคือ ป.ป.ช.สรุปได้ว่า นาฬิกาทั้งหมดนั้น เป็นของปัฐวาท เพื่อน พล.อ.ประวิตร จริง และเชื่อว่า ยืมนาฬิกาของเพื่อนมาจริง เรื่องนี้ถือเป็นที่ค้านสายตาของประชาชน
ที่ผ่านมา The MATTER เอง ก็เคยยื่นเรื่องไปขอผลสอบคดีและหลักฐานประกอบการสืบสวน แต่ ป.ป.ช. พยายามปกปิดข้อมูลด้วยข้ออ้างสารพัด จนกระทั่งทำหนังสือร้องเรียนไปยังคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ (กขร.) ก็ยังได้แค่กระดาษเปล่ากลับมา ธีรัจชัยชี้ว่า เป็นเพราะบารมีที่มากมายของ พล.อ.ประวิตร (อ่านเรื่องนี้ต่อได้ที่: https://thematter.co/social/nacc-tranparency-general-rolex-case/78759)
สำหรับเหตุผลที่ ป.ป.ช. ให้ไว้ในหนังสือแถลงข่าว เมื่อวันที่ 27 ธ.ค. 2561 ธีรัจชัยสรุปสาระสำคัญมาได้ 5 ข้อ ซึ่งเขาบอกว่า ล้วนแต่มีช่องโหว่ที่น่าสนใจ ข้อสรุปของ ป.ป.ช. แจกแจงได้ดังนี้
1.) ป.ป.ช. บอกว่า นาฬิกาที่ปรากฏเป็นข่าว เก็บรักษาอยู่ในบ้านของปัฐวาท และเป็นส่วนหนึ่งของนาฬิการาคาแพงที่ปัฐวาทสะสมไว้
ข้อนี้ ธีรัจชัยชี้ว่า ช่องโหว่คือ กว่า ป.ป.ช.จะตรวจก็ 2 เดือนหลังจากเกิดขึ้น ซึ่งในช่วงเวลานี้ จะยักย้ายถ่ายเทไปที่ไหนก็ได้
2.) แม้ไม่ปรากฏเอกสารการซื้อขายว่า ปัฐวาทเป็นผู้ซื้อนาฬิกาดังกล่าว แต่ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1369 ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่า ผู้ที่ยึดถือทรัพย์สินนั้นไว้ เป็นการยึดถือเพื่อตน
ข้อนี้ ธีรัจชัยชี้ว่า พล.อ.ประวิตร ใส่นาฬิกาหลังจากที่เพื่อนตายไป 10 เดือน ทำไมถึงไม่คิดว่า พล.อ.ประวิตร ยึดถือนาฬิกาไว้เพื่อตนบ้าง นอกจากนี้ ก็ไม่มีหลักฐานอะไรเลยที่จะสรุปได้ว่าเป็นทรัพย์สินของปัฐวาท
3.) ต้องด้วยบทสันนิษฐานตามกฎหมายดังกล่าวว่าปัฐวาท เป็นเจ้าของนาฬิกาตามภาพข่าวจำนวน 21 เรือน และได้ให้ พล.อ.ประวิตร ยืมใช้ในโอกาสต่างๆ
ข้อสังเกตคือ ทำไมถึงเชื่อว่า พล.อ.ประวิตร ยืม เพียงแค่เพราะลูกสาวของปัฐวาทมาให้การกับ ป.ป.ช. ว่าเป็นเพื่อนสนิทกัน
4.) เมื่อรับฟังว่า ประวิตรได้ยืมนาฬิกาจากปัฐวาทมาสวมใส่ในงานต่างๆ 21 เรือน จึงรับฟังได้ว่า พล.อ.ประวิตร ได้มีการยืมนาฬิกาที่ยังตรวจสอบไม่พบมาสวมใส่
ธีรัจชัยตั้งคำถามว่า เป็นการแก้ต่างให้ พล.อ.ประวิตรหรือไม่ เพรายังหาไม่พบ 1 เรือน แต่สรุปได้ว่า ที่หาเจอ 20 เรือนยืมมา อีก 1 เรือนก็ยืมมาด้วยเช่นกัน
5.) ไม่ปรากฏว่า ปัฐวาท และบริษัทคอมลิงค์ เข้าเป็นคู่สัญญากับหน่วยงานรัฐในสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหมแต่อย่างใด
ในเรื่องนี้ ธีรัจชัยตั้งข้อสงสัยว่า พล.อ.ประวิตร กับปัฐวาทเป็นเพื่อนกันแบบไหน เป็นไปไม่ได้ว่า คบหากัน 60 ปี โดยที่ พล.อ.ประวิตรไม่เคยทำอะไรให้เพื่อนเลย และการจะตอบแทนมันก็ต้องไม่ธรรมดา เพราะ พล.อ.ประวิตร คือพี่ใหญ่ มีอำนาจล้นฟ้าล้นแผ่นดิน นอกจากนี้ ทำไมจึงมีการตรวจเฉพาะสัญญาจัดซื้อจัดจ้างสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม
นอกจากนี้ ธีรัจชัยยังอภิปรายด้วยว่า ป.ป.ช. รีบสรุปโดยไม่ทำให้สิ้นกระแสความ เพราะได้ทำไปหนังสือขอความร่วมมือไปยังประเทศต่างๆ ที่เป็นที่ตั้งผู้ผลิตนาฬิกา แต่ทำไปแค่ส่งหนังสือเฉยๆ คล้ายๆ กับทำเป็นพิธี โดยทราบดีว่าต้องผ่านกระบวนการความร่วมมือระหว่างประเทศในคดีอาญา โดยอาศัยความร่วมมือหรือสนธิสัญยาที่มีต่อกัน
เขายังอภิปรายเพิ่มเติม ด้วยการตั้งข้อสังเกตว่า มีการใช้อำนาจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพื่อเข้าแทรกแซงกระบวนการตรวจสอบ ทั้งนี้สังเกตได้ว่า การแต่งตั้งบุคคลในองค์กรอิสระมีที่มาจากการใช้ ม.44 ออกคำสั่ง คสช. เพื่อกำหนดให้บุคคลที่ใกล้ชิด คสช. เข้ามาเป็นกรรมการคัดสรรบุคลากรใน ป.ป.ช.
หลังการอภิปรายเสร็จสิ้น พล.อ.ประวิตร ก็ลุกขึ้นชี้แจงทันที โดยตอบว่า “ข้อกล่าวหาของผู้อภิปรายทั้งในเรื่องนาฬิกาทั้งหมด ผมไม่สามารถที่จะตอบได้ เพราะไม่อาจก้าวล่วงไปในเรื่องของ ป.ป.ช. ได้ เพราะผมไม่ได้เกี่ยวข้องในเรื่องของ ป.ป.ช.”
ในส่วนของการเป็นเพื่อนสนิทกับปัฐวาท พล.อ.ประวิตร ตอบว่า “ส่วนในเรื่องที่ผมจะมีเพื่อนดีซักคน ของคุณคงไม่เคยมีนะครับ คือคบกันมาตั้งแต่ชั้นประถม ลูกสาวเค้าก็เหมือนลูกผม” ก่อนจะระบุด้วยว่า “แล้วเรื่องของปฏิวัตินี่ ผมก็ไม่ได้ไปเกี่ยวข้อง นี่ครับคนปฏิวัติ (ชี้ไปที่ พล.อ.ประยุทธ์) ท่านอนุพงษ์ก็ไม่ได้เกี่ยวข้อง คุณก็เอาผมไปเกี่ยวข้อง ผมยังไม่รู้เลยปฏิวัติเมื่อไหร่ 3 ป. 3 เปอ. อะไร พูดไปเรื่อย เอาเรื่องจริงเข้าว่าดีกว่าครับ”
ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่า ระหว่างการอภิปรายของธีรัจชัย มี ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลที่ลุกขึ้นประท้วงผู้อภิปราย รวมถึง ส.ส.ฝ่ายค้านที่ประท้วงประธานสภาฯ มากกว่า 20 ครั้ง โดยเฉพาะ ไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ที่ลุกขึ้นประท้วงอยู่หลายครั้งด้วยกัน
อ้างอิงจาก
https://www.youtube.com/watch?v=89B-A78Uc-o
https://www.moveforwardparty.org/news/parliament/nail-on-coffin-censure/13806